บริษัท Toyota Kirloskar Motor Pvt เป็นกิจการร่วมทุนระหว่าง Toyota Motor ญี่ปุ่น 89% นอกนั้นกลุ่ม Kirloskar group ในท้องถิ่นอินเดียร่วมถือหุ้น 11% ดำเนินกิจการผลิตรถยนต์ Toyota ในประเทศอินเดียมาตั้งแต่ปี 1997 หรือประมาณ 12 ปีแล้ว ปัจจุบัน Toyota มีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 4-5% เมื่อเทียบกับคู่แข่งขันด 3 อันดับแรกของตลาดอินเดียดูจะน้อยและเสียศักดิ์ศรีความเป็น Toyota ที่เป็นเจ้าตลาดรถยนต์โลกเลยทีเดียว
Toyota Motor ญี่ปุ่นก็รู้ปัญหาดีเช่นกันว่าประเทศตลาดเกิดใหม่อย่าง อินเดีย จีน รัสเซีย และบราซิลมีโอกาสขยายตัวอย่างมากสวนทางกับประเทศพัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกาเหนือ แต่โชคร้ายที่ Toyota ช่วงระหว่างปี 2000-2005 ยังไม่มีการวางแผนบุกตลาดประเทศตลาดเกิดใหม่อย่างจริงจังนักทำให้ Toyota อาจจะดูด้อยกว่าคู่แข่งที่ทุ่มทุนสร้างกับประเทศตลาดเกิดใหม่อย่างหนัก
วันนี้จุดด้อยดังกล่าวถูกปิดกั้นลงแล้วด้วย Toyota Etios รถยนต์ต้นทุนต่ำเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ประเทศอินเดียในงาน New Delhi Auto Expo 2010 มางวดนี้เอาให้กระหึ่มไปเลย Toyota จึงขอเปิดตัวทั้ง 4 และ 5 ประตูด้วยกัน
คุณสมบัติที่โดดเด่นของ Toyota Etios คือเป็นรถยนต์ที่เปี่ยมไปด้วยการออกแบบที่ล้ำหน้าบ่งบอกสถานะเจ้าของ ห้องโดยสารกว้างขวางรวมไปถึงพื้นที่ห้องสัมภาระที่มากพอสมควร การขับขี่ทั้งนุ่มนวลทั้งแรง และประหยัดน้ำมัน หมดกังวลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพราะรถคันนี้ถูกประกอบโดยใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศที่ต้นทุนต่ำที่สุด
ขุมพลังที่ Toyota คัดสรรติดตั้งให้กับ Etios แบ่งเป็นเวอร์ชันซีดานจะติดตั้งเครื่องยนต์ใหม่ 1.5 ลิตร ส่วนรุ่นแฮทช์แบคจะติดตั้งเครื่องยนต์ใหม่ 1.2 ลิตร
Toyota ตั้งใจให้ Etios เป็นรถราคาไม่แพงสำหรับตลาดประเทศกำลังพัฒนาอย่างแท้จริงจึงมอบหมายให้คุณ Yoshinori Noritake เป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้ โดยคุณ Yoshinori Noritake จะต้องเรียนรู้ความเป็นอยู่ของชาวอินเดียและเก็บข้อมูลจากลูกค้าโดยตรงมานานมากกว่า 4 ปีเต็ม และใช้วิศวกรร่วมกันพัฒนามากกว่า 2,000 ชีวิตเพื่ออุทิศให้รถ Etios ด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการเป็นรถยนต์คุณภาพที่ทำให้ผู้ใช้มีความสุขและคุณภาพชีวิตดีขึ้น
กำหนดวางจำหน่ายภายในสิ้นปีนี้ Toyota ตั้งเป้ายอดในอินเดียต่อปีสูงถึง 70,000 คันต่อปีซึ่งเป็นยอดที่มากกว่ารถ Toyota รวมทุกรุ่นขายในอินเดียเสียอีกครับ
รถคันจริงท่านผู้อ่านที่อยู่อินเดียสามารถเข้าไปชมในงาน New Delhi Auto Expo 2010 ตั้งแต่วันที่ 6-11 มกราคม 2010