นับว่าไม่ยอมน้อยหน้าค่ายอื่นๆ เลย กับยักษ์ใหญ่แห่งยุโรปอย่าง Volkswagen กับการเตรียมเปิดโรงงานเพื่อผลิตรถ EV รุ่นสำคัญ ที่จะเข้ามาเป็นจุดเปลี่ยนอนาคตของรถ EV ในเครือ Volkswagen ในเร็วๆนี้ โดยโรงงานใหม่นี้จะถูกสร้างขึ้นในบริเวณเดียวกับโรงงานเก่าในเมือง Wolfsburg ด้วยเงินลงทุนกว่า 2 พันล้านยูโร หรือราว 7.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในช่วงฤดูใบไม้ผลิในปี 2023 ภายใต้ตามมาตรฐานอาคารและข้อกำหนดทางสิ่งแวดล้อมของเยอรมนี
โดยโรงงานแห่งใหม่นี้จะทำการผลิตรถ EV รุ่นสำคัญอย่าง Trinity ซึ่งผ่านการพัฒนาและวิจัยบนพื้นฐานเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ซึ่งจะถูกผลิตขึ้นในปี 2026 โดยเทคโนโลยีการผิตนี้จะถูกนำไปใช้ในโรงงานอื่นๆ ของ Volkswagen ด้วยเช่นกัน
ทางด้าน Ralf Brandstätter CEO ของ Volkswagen กล่าวว่า “พวกเรากำลังสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการผลิตรถ EV ด้วยรถรุ่นใหม่อย่าง Trinity และ โรงงานที่สร้างขึ้นใหม่นี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของต้นแบบการผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการสร้างความสามารถในการแข่งกันและเป็นการซัพพอร์ทการเป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจของวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ในเยอรมนี”
เมื่อพูดถึง Trinity ที่จะเป็นรถรุ่นแรกของแพลทฟอร์มใหม่หมดจดสำหรับ EV หรือที่เรียกว่า Scalable Systems Platform (SSP) ที่สามารถรองรับและปรับเปลี่ยนให้รองรับรถหลากหลายรุ่น บนแนวทางการออกแบบ ACCELERATE strategy ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2021 ซึ่งจะเน้นให้รถ EV มีระยะทางวิ่งที่สูงถึง 700 กิโลเมตร และลดระยะเวลาการชาร์จแบตเตอรี่ รวมไปถึงระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 โดยหลังจากนี้จะมีรถอีกกว่า 40 ล้านคันถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของ SSP
นอกจากนี้ ยังทำให้ระบบขับขี่อัตโนมัติเข้าถึงง่ายขึ้นภายในปี 2030 เป็นการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ตามที่ Volkswagen กล่าวไว้ และเมื่อถึงเวลาของการเริ่มขบวนการผลิตจริงของโรงงานแห่งใหม่ในปี 2026 Volkswagen ตั้งเป้าว่าจะใช้เวลาในการผลิตรถยนต์ 1 คันเพียง 10 ชั่วโมง ภายใต้ความซับซ้อนของรุ่นย่อยที่น้อยลง มีการประกอบชิ้นส่วนย่อยที่น้อยลง ใช้ระบบออโตเมชั่นและซอฟท์แวร์เข้ามาช่วยทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสิ่งเหล่านี้จถูกขยายไปยังโรงงานอื่นๆ ภายในปี 2030
นอกจากนี้รถ EV รุ่น ID.3 ที่ปัจจุบันผลิตอยู่ในโรงงานหลักของ Volkswagen ณ เมือง Dresden จะถูกขยายกำลังการผลิต มายังโรงงาน ณ เมือง Wolfsburg ในปี 2023 เพื่อให้รองรับความต้องการที่มากขึ้นอีกด้วย
ที่มา: Volkswagen