Volkswagen Phaeton ประติมากรรมแห่งความล่มสลายในการพยายามทำตัวเป็น Big Luxury Sedan ที่ตั้งตนเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ชอบรถยนต์ระดับหรูและเทคโนโลยีแบบเดียวกันกับ Audi A8 หรือ Mercedes-Benz S-Class แต่ทรัพยากรในกระเป๋าจำกัดจำเขี่ยเหลือเกิน
Volkswagen Phaeton เจเนเรชั่นแรกกำเนิดขึ้นเมื่อปี 2002 โดยใช้งานวิศวกรรมพื้นฐาน D1 Platform พื้นตัวถังสำหรับ F-Segment Sedan ในกลุ่ม Volkswagen Group ทำให้มีรูปร่างหน้าตาและเทคโนโลยีหลายอย่างคล้ายกับ Audi A8 เจเนเรชั่นที่ 2 ซึ่งเปิดตัวในปี 2002 เช่นกัน
ในสมัยนั้นสื่อมวลชนต่างชาติค่อนข้างปรามาสว่า ความฝันที่จะยกระดับ Volkswagen ให้สามารถขยับเข้าไปในกลุ่มรถพรีเมี่ยมได้นั้น เป็นสิ่งที่ยากลำบากมาก รากฐาน Volkswagen แท้จริงแล้วมันคือรถยนต์เพื่อประชาชนราคาไม่แพง หาใช่รถยนต์ราคาสูง อีกทั้ง Volkswagen Group ก็มี Audi ที่ยังเป็นแบรนด์รถหรูที่แข็งแรงมากอีกแบรนด์หนึ่ง
แม้ Volkswagen เคยพาลูกค้าที่สั่งจอง Phaeton ไปเยี่ยมชมโรงงานถึงที่ และตั้งราคาที่พอจะเอื้อมถึงได้บ้าง แต่ก็ไม่อาจทำให้ชื่อของ Phaeton ประทับตราไว้อยู่ในใจได้เลย อีกทั้ง Volkswagen ยังเจอวิกฤต Dieselgate จนทำให้บริษัทต้องยุติการผลิตในวันที่ 18 มีนาคม 2016
เหตุการณ์แปลก ๆ ที่ทำให้ Volkswagen Group ต้องอ้าปากค้างได้ไม่น้อยเลยคือ Phaeton กลับขายดีในตลาดจีน สวนทางกับกระแสโลกที่ไม่มีใครนิยมกันแล้ว ในเบื้องต้นเชื่อว่าชื่อชั้นของ Volkswagen ในตลาดจีนมันแข็งแกร่งเอามาก ๆ จนทำให้ลูกค้าบางส่วนมั่นใจที่จะซื้อรถ Sedan ที่มีราคาค่อนข้างแพงคันนี้ได้ จนทำให้ Volkswagen ต้องเร่งพัฒนา Phideon รถ Sedan หรูสำหรับตลาดจีนโดยเฉพาะ
แม้ Volkswagen Phaeton อาจกลายเป็นศาลาเตือนใจติดล้อของ Volkswagen Group ที่ต้องจงระวังในการวางกลยุทธ์ในครั้งต่อไป แต่ผลลัพธ์ของความพยายามครั้งนี้ก็ไม่ถึงกับสูญเปล่ามากนัก เพราะมันพลอยทำให้ราคารถยนต์ Volkswagen ในภาพรวมสามารถวางราคาได้สูงกว่าแบรนด์รถยนต์อื่น ๆ และมีกำไร Margin ที่บางบริษัทอาจอิจฉา
Volkswagen ยังดำเนินกลยุทธ์ Flagship Luxury Sedan ต่อไป ด้วยการพัฒนา Next Phaeton รุ่นต่อไป คราวนี้มันจะต้องมาพลิกภาพลักษณ์วงการรถ Sedan หรูขนาด F-Segment ด้วยการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า เก็บพลังงานลงสู่แบตเตอรี่ 100%
Volkswagen จะเผยโฉมรถยนต์ต้นแบบ All NEW Volkswagen Phaeton ที่งาน Geneva Motorshow 2018 ที่จะถูกสร้างขึ้นบนโครงสร้างพื้นตัวถังและงานวิศวกรรมร่วมสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า MEB ซึ่ง Phaeton จะกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหญ่ที่ใช้พื้นตัวถัง MEB ใหม่นี้ คาดว่าน่าจะมีระยะทางวิ่งสูงสุดมากกว่า 600 กิโลเมตรต่อการชาร์จประจุ 1 ครั้ง
หากมองกันที่ขนาดตัวถังจะพบว่า Volkswagen Phaeton จะเทียบเท่ากับ Tesla Model S แต่เชื่อว่า หากมีการเปิดตัวจริง น่าจะจับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันอยู่ดี
ที่มา : Motor1