ความคาดหวังของรถยนต์ต้นแบบในสมัยนี้กับสมัยก่อนแตกต่างกัน ผู้คนในยุคปัจจุบันเริ่มคาดหวังกับความเหมือนจริงของรถยนต์เวอร์ชันผลิตจริงมากยิ่งขึ้น ผิดกับในอดีตที่รถต้นแบบจำนวนครึ่งหนึ่งล้วนเป็นรถยนต์ที่ถ่ายทอดแนวคิดแห่งอนาคต หรือวิจัยแนวโน้มทางการตลาด มากกว่าจะเป็นเครื่องมือในการทำตลาดรถยนต์รุ่นใหม่เหมือนวันนี้ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมค่ายรถสมัยนี้จึงพยายามนำรถต้นแบบออกมาโชว์ก่อนที่จะเปิดตัวรถผลิตจริงใน 1-2 ปีข้างหน้า

ข่าวล่าสุด Klaus Bischoff ผู้บริหารฝ่ายออกแบบ Volkswagen ยืนยันว่า I.D. EV Hatchback คันแรกจะถอดแบบดีไซน์จากรถต้นแบบเกือบ 100% ไม่ว่าจะเป็นสัดส่วนตัวถังและขนาดล้อ ยกเว้น กล้องส่องด้านข้างจะแทนที่ด้วยกระจกมองข้าง และมือเปิดประตูแบบกลไก เพื่อลดต้นทุนในการติดตั้ง สอดคล้องกับทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เปลี่ยนไป

Volkswagen ได้เริ่มทดลองการผลิตรถยนต์โปรโตไทป์ไปแล้วเมื่อเดือนเมษายน เพื่อนำไปทดสอบบนท้องถนน โดยให้เวลา 16 เดือนในการประมวลผลก่อนเริ่มสายการผลิตจริงในเดือนพฤศจิกายน 2019

ไฮไลต์สำคัญของ Volkswagen I.D. EV Hatchback คือมันเป็นรถยนต์ไฟฟ้า EV ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลังให้กำลัง 168 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลัง และวางราคาในระดับเดียวกับรถ Compact เครื่องยนต์ดีเซล รองรับระยะทางวิ่งสูงสุด 400-600 กิโลเมตร มีรัศมีวงเลี้ยวแคบ 9.9 เมตร คาดทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรได้ภายในไม่เกิน 8 วินาที ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตร สามารถขึ้นสายการผลิตได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องปรับปรุงไลน์การผลิตอย่างหนัก

ข้อดีของการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า EV บน MEB Platform ก็คือการเปิดอิสระให้แก่นักออกแบบมากยิ่งขึ้น ตัวรถสั้นลง, ระยะโอเวอร์แฮงค์สั้นลงมาก ๆ , กระจังบังลมหน้าขนาดใหญ่, ติดตั้งล้อขนาด 20 นิ้ว, มีแนวหลังคาที่ยาว, สปอยเลอร์ท้ายขนาดใหญ่และฝากระโปรงท้ายแบบกระจก จะปรากฏลงในรถยนต์ผลิตจริงแน่นอน

โดยรวมจะมีมิติความยาว 4,100 มิลลิเมตร กว้าง 1,800 มิลลิเมตร สูง 1,530 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร

ฟังก์ชันพิเศษคือ ไฟหน้า LED ที่สามารถตอบโต้ได้คล้ายกับดวงตาของมนุษย์ และมีพื้นที่กว้างขวางมากเสียจนสามารถติดตั้งช่วงล่างหลัง Multi Link ได้แบบสบาย ๆ

Volkswagen EV แบบ Standalone Model คันแรกจะเปิดตัวในปี 2019 โดยคาดหวังว่าพวกเขาจะมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้า EV รวมทั้งหมด 1 ล้านคันภายในปี 2025

ที่มา : Autocar