แม้ว่าจะมีสิ่งประดิษฐ์มากมายที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนและอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเทคโนโลยีเหล่านั้นจะใช้งานได้เต็ม 100% เสมอซึ่งหนึ่งในเทคโนโลยีที่ทุกคนรู้จักกันคือ
ระบบการสั่งงานด้วยเสียงหรือ Voice Command ที่มีจุดขายว่าคนขับไม่ต้องละสายตาจากถนนหรือปล่อยมือจาก
พวงมาลัยซึ่งให้ผลดีในการควบคุมรถแต่ก็ยังไม่วายที่จะมีผลวิจัยชี้ว่าระบบนี้ยังทำคนขับเสียสมาธิอยู่ดี

ars_ces_2013_day145

มูลนิธิ AAA เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน (AAA Foundation for Traffic Safety) ได้ทำการทดสอบระบบ Voice
Command ในรถยนต์หลายรุ่นซึ่งล้วนแต่มีพื้นฐานการใช้งานแตกต่างกัน โดยที่ผู้เข้าร่วมทดสอบจะใช้ความเร็วในการขับขี่
ที่ 40 กิโลเมตร/ ชั่วโมงในระยะทางรอบสนามฟุตบอลสามรอบพร้อมกับใช้ระบบดังกล่าวในการเปลี่ยนเพลง, อ่านข้อความ,
และกดเบอร์โทรศัพท์

ผลการวิจัยชี้ว่าระบบนี้สามารถทำให้คนชับเสียสมาธิได้สูงถึง 15-27 วินาทีซึ่งช่วงเวลานานขนาดนี้สามารถเพิ่มความเสี่ยง
ในการเกิดอุบัติเหตุอย่างไม่ต้องสงสัย และการทดสอบนี้ยังมีมาตรฐานการการให้ 5 ระดับในการประเมินระบบ Voice
Command ในรถยนต์รุ่นต่างๆ โดยที่ระบบใดๆก็ตามที่มีคะแนนเกิน 2 คะแนนถือว่ามีความเสี่ยงสูงในการก่อให้เกิด
อุบัติเหตุซึ่ง Chevrolet Equinox ได้คะแนนดีสุดที่ 2.4 คะแนนส่วน Mazda 6 ได้คะแนนแย่สุดที่ 4.6 คะแนน

2012-lexus-rx-350-voice-command

เมื่อเจาะจงไปที่ระบบการเชื่อมต่อเข้ากับมือถือระบบปฏิบัติการต่างๆทั้ง Android, iOS, และ Windows Phone พบว่า
ระบบต่างๆได้คะแนนตามมาตรฐานอยู่ที่ 3.0, 3.4, และ 3.8 คะแนนตามลำดับ โดยที่ Beth Mosher ผู้อำนวยการ AAA
ใน Chicago กล่าวว่าการใช้งานระบบสั่งงานด้วยเสียงนั้นจะมีความปลอดภัยสูงสุดเมื่อรถติดสนิทหรือจอดติดไฟแดงอยู่
ซึ่งการที่คนขับไม่ได้ละสายตาหรือปล่อยมือไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีสมาธิจดจ่ออยู่บนถนน

Mocher ยังให้สัมภาษณ์ต่อด้วยว่าทางมูลนิธิไม่ได้มีเจตนาจะให้ผู้ผลิตรถยนต์หยุดการติดตั้งระบบนี้ในรถยนต์ที่ออกจำหน่าย
แต่ทางองค์กรจะนำผลวิจัยดังกล่าวไปอภิปรายกับผู้ผลิตรถยนต์และเจ้าของเทคโนโลยีดังกล่าวเพื่อใช้เป็นแนวทางในการ
พัฒนาระบบนี้ให้ปลอดภัยต่อผู้ใช้รถใช้ถนนมากขึ้น เนื่องจากการใช้โทรศัพท์ได้กลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตเรียบร้อยแล้ว
ดังนั้นควรจะมีเทคโนโลยีที่ดีขึ้นมารองรับพฤติกรรมดังกล่าวในการช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

 

ที่มา : motortrend