Toyota Motor Corp. ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนารถยนต์ที่มนุษย์ยังมีส่วนร่วมในการ
ขับขี่เป็นเวลาพักใหญ่ เนื่องจากระบบขับขี่อัตโนมัติที่คอมพิวเตอร์ช่วยตัดสินใจ 100%
ยังเป็นสิ่งอันตรายสำหรับเวลานี้ แม้ Toyota ยอมรับว่ามีอุบัติเหตุทางรถยนต์มากถึง
36,000 รายต่อปีในสหรัฐอเมริกา แต่ไม่ได้หมายความว่ารถคอมพิวเตอร์จะช่วยแก้
ปัญหาได้ทันที

และ Toyota ยังสงสัยว่าทำไมยังมีไม่บริษัทสารสนเทศรายใด อาทิ Tesla หรือ Alphabet
จาก Google ที่สามารถพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติถึงขั้น Level 5 หรือขั้นที่ให้ระบบประมวล
ผลคอมพิวเตอร์ขับขี่อัตโนมัติทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องมีมนุษย์อยู่ภายในรถได้เลย

2016_01_05_Toyota_Teammate_1

Gill Pratt ซีอีโอแห่งสถาบันวิจัย Toyota กล่าวความคิดเห็นในงานมหกรรมแสดง
เทคโนโลยี CES 2017 ว่า หากจะพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติไปสู่ Level5 ได้ก็ต้องใช้
เวลาหลายปีในการให้จักรกลเรียนรู้และทดสอบวิ่งหลายไมล์มากกว่าที่จะวิ่งทดสอบ
จากสนามจำลองและต้องมีการทดสอบในโลกความเป็นจริงเพื่อบรรลุถึงเป้าดังกล่าว

สถาบันวิจัย Toyota ถูกจัดตั้งขึ้นในปี 2015 ด้วยงบประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์
สำหรับพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์, หุ่นยนต์และวัสดุทางวิทยาศาสตร์ซึ่ง Pratt ซีอีโอ
คนปัจจุบันเคยมีประสบการณ์เป็นวิศวกรหุ่นยนต์สำหรับหน่วยรบทหารสหรัฐอเมริกามาแล้ว

Mike Dovorany นักวิเคราะห์จาก The Carlab แสดงความคิดเห็นที่สอดคล้องกันว่า
ผู้บริหารคนนี้มีมุมมองในการดึงสติกลับมาและมองโลกแห่งความเป็นจริงที่เรากำลัง
เผชิญหน้ากับเทคโนโลยีระบบขับขี่อัตโนมัติ

ถึงแม้ Tesla ได้ผลิตรถยนต์ที่ติดตั้งฮาร์ดแวร์ที่พร้อมสำหรับติดตั้งซอฟท์แวร์ระบบขับขี่
อัตโนมัติอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2016 เป็นต้นมาหรือ Alphabet ก็ได้แยกธุรกิจ
พัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติออกมาต่างหากโดยตั้งชื่อใหม่เป็น Waymo แต่ Pratt
และผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นกลับมองมาตรฐานจากสมาคมวิศวกรรมยานยนต์นานาชาติ
เป็นหลัก และก็พบว่าระบบขับขี่อัตโนมัติยังอยู่ในระดับ Level2 เท่านั้น ยังไม่ได้ก้าวไปไกลนัก

JAPAN-AUTO-TECHNOLOGY-TOYOTA

ระบบขับขี่อัตโนมัติ Level2 นั้นจะมีหน่วยประมวลผลทำหน้าที่ประคองพวงมาลัย
, ควบคุมเบรกและคันเร่งโดยให้มนุษย์คอยควบคุมอยู่เท่านั้น

Pratt กล่าวว่าระบบขับขี่อัตโนมัติ Level3 คือระดับที่ให้คอมพิวเตอร์คอยตัดสินใจ
แทนมนุษย์ โดยมนุษย์จะทำหน้าที่ขับขี่แทนเฉพาะเหตุฉุกเฉินเท่านั้นถือเป็นระดับที่
พัฒนายาก เพราะระบบจะมีแนวโน้มที่จะไปถึงปลายทางลำบากขึ้นเพราะระบบต้อง
คอยประมวลผลความปลอดภัยระหว่างเดินทาง

ดังนั้น Toyota และผู้ผลิตอื่น ๆ จึงขอข้ามการพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติไปสู่ Level4
(Autonomy) แทนคือเป็นขั้นที่ให้ระบบคอมพิวเตอร์ทำมีอำนาจตัดสินใจการขับขี่แทน
มนุษย์ 100% เพียงแต่ระบบจะถูกออกแบบสำหรับวิ่งบนถนนและใช้ประโยชน์เพื่อ
การเดินทางเท่านั้น

พร้อมกันนี้ Pratt ยังแนะว่าวิธีที่จะสร้างกำไรจากรถยนต์ขับขี่อัตโนมัติ Level4 คือการนำ
ระบบดังกล่าวไปผูกเข้ากับกลุ่มรถเหมาที่มีการแชร์การใช้งานซึ่งกันและกัน

ที่มา : Automotive News