ใครที่เคย ติดตามข่าวสายวงการรถยนต์ในฝั่งอเมริกาเหนือ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คงจะเคยได้ยินกระแสข่าว
ที่ว่า Toyota มีความคิดจะต่อยอด ขยายทางเลือกในตระกูล Prius ออกไป และถึงขั้นตีความ Prius ให้เป็น
แบรนด์ใหม่ ที่เน้นการทำตลาดรถยนต์ HYBRID โดยเฉพาะ

แม้ว่า Toyota จะยังไม่ถึงขั้น ตั้งแบรนด์ Prius ให้เทืยบเท่ากับ Lexus หรือ Scion เหมือนอย่างที่เคยทำมา
แต่ ในงาน Detroit Auto Show ปีนี้ Toyota ก็พร้อมแล้ว ที่จะเปิดตัว สมาชิกใหม่ 2 รุ่นรวด จากตระกูล
Prius ทั้งรถยนต์มินิแวน 5 ที่นั่ง Toyota Prius V ที่พร้อมจะทำตลาดจริง ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และ
Toyota Prius C Concept ต้นแบบของ Prius เวอร์ชันย่อส่วนสำหรับคนเมือง ที่จะแสดงให้เห็นแนวโน้ม
เส้นสายของเวอร์ชันจำหน่ายจริง ที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งแรกของปี 2012

สำหรับตลาดอเมริกาเหนือแล้ว Prius กลายเป็นรถยนต์รุ่นสำคัญ ที่สร้างชื่อเสียง ให้กับ Toyota เป็นอันมาก
เพราะนอกจากจะได้รับการยอมรับจากทั้งสถาบันต่างๆมากมาย ในการมีส่วนช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ลงไปได้มากแล้ว ยังกลายเป็นรถยนต์ขายดี อันดับ 3 ของ Toyota ในอเมริกาเหนือ เป็นรองเพียงแค่ Camry
และ Corolla เท่านั้น นับตั้งแต่เปิดตัว ในตลาอเมริกาเหนือ เมื่อปี 2000 Prius ทำยอดขายไปได้แล้วมากถึง
955,000 คัน รถรุ่นล่าสุด Generation 3 เพิ่งเปิดตัวในตลาดอเมริกาเหนือ เดือนมิถุนายน 2009 ก่อนจะ
เปิดตัวในตลาดญี่ปุ่น เดือนสิงหาคม 2009 และถูกส่งเข้ามาประกอบขายในเมืองไทย เดือนพฤศจิกายน
2010 ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน ตอนนี้ Toyota เอง ก็กำลังอยู่ในระหว่าง การทดลองเก็บข้อมูลการใช้งานขั้นสุดท้ายของ
Prius Plug-in Hybrid (PHV) ที่สามารถเสียบปลั๊กไฟ ชาร์จเข้ากับ ไฟบ้าน หรือ ชาร์จผ่าน สถานีชาร์จไฟฟ้า
ที่มีให้บริการ อยู่ตามหัวเมืองใหญ่ๆในโลก บางแห่ง ณ ขณะนี้ เพื่อนำข้อมูลที่ได้ ไปปรับปรุงขั้นสุดท้าย
ก่อนการนำขึ้นสายการผลิต ออกขายจริงในช่วงครึ่งแรกของปี 2012 พร้อมกันกับ PRIUS C

และนี่คือการประกาศสู่สาธารณชนทั่วโลก ให้ได้รับรู้ว่า นับจากนี้ PRIUS จะไม่ได้เป็นแค่ รถยนต์รุ่นเดียวโดดๆ
หากแต่จะมีการต่อยอด สร้างสรรค์รถยนต์รุ่นใหม่ๆ บนพื้นตัวถัง, โครงสร้างวิศวกรรม , ระบบขับเคลื่อน หรือ
แม้แต่ เทคโนโลยี ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันกับ Prius รุ่นมาตรฐาน โดยจะใช้ชื่อ Toyota Prius เป็นชื่อหลัก แล้ว
ค่อยต่อท้าย้วยตัวอักษร เพียงตัวเดียวโดดๆ บ่งบอกถึงประเภท และลักษณะเฉพาะของตัวรถแต่ละรุ่นที่ต่างกันไป

Toyota PRIUS V
เวอร์ชัน Minivan 5 ที่นั่ง เน้นพื้นที่ใช้สอยให้เยอะกว่าเดิม

ความเคลื่อนไหวในการพัฒนา PRIUS V นั้น อยู่ในความสนใจของสื่อมวลชนฝั่งอเมริกาเหนือ มานานเป็นปีแล้ว
ไม่ว่าจะมีภาพถ่าย Spyshots หลุดออกมากี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ตาม PRIUS V (หรือในตอนนั้น เรียกกันเล่นๆว่า Prius
ALPHA) ก็ยังคงถูกจับตามอง ในฐานะ รถยนต์ รุ่นสำคัญ อีกรุ่นหนึ่ง ที่จะใช้ขุมพลัง HYBRID แต่เน้นความ
อเนกประสงค์ แบบ MINIVAN

ถึงจะเป็นรถยนต์ Minivan 5 ที่นั่ง ขุมพัง HYBRID แบบแรกของ Toyota แต่ พวกเขาก็ไม่สามารถเคลมได้ว่า
เป็นรถยนต์ประเภทนี้ แบบแรกในโลกที่ทำออกขายจริง เพราะก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน Ford เล่นชิงตัดหน้า
ด้วยการเปิดตัว Focus C-Max Energi และ C-Max Hybrid ไปก่อน เรียบร้อยแล้ว กระนั้น ความสนใจใน
PRIUS V ก็ยังไม่ลดทอนลงไปแต่อย่างใด เพราะสิ่งที่ผู้คนอยากรู้ก็คือ นอกจากขนาดห้องโดยสารที่เพิ่มขึ้น
มากกว่า Prius รุ่นมาตรฐาน ถึง ร้อยละ 50 แล้ว จะยังมีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ อื่นใด ออกมาให้เป็นเจ้าของ
กันอีกบ้าง?

รูปลักษณ์ภายนอก ภายใต้มิติตัวถังยาว 4,615.18 มิลลิเมตร กว้าง 1,775.46 มิลลิเมตร สูง 1,574.8 มิลลิเมตร
และระยะฐานล้อยาว 2,778.76 มิลลิเมตร แทบจะเรียกได้ว่า เป็นการนำ Prius รุ่นมาตรฐาน มาสูบลูกโป่ง
ให้พองตัวออกไปกว่าเดิมนิดหน่อย ยังคงพอจะจดจำได้อยู่ว่า นี่แหละ คือ Prius แต่เป็นตัวถัง Minivan
สำหรับ ผู้โดยสาร 5 คน ลู่ลมด้วยความสัมประสิทธิ์ แรงเสียดทานอากาศ Cd. 0.29

ซึ่งตัวถังพิกัดนี้ เท่ากับ Ford Focus C-Max / C-Max Energi / C-Max Hybrid และ Renault Scenic ในยุโรปนั่นเอง

ไฟหน้าเป็นแบบ LED เช่นเดียวกับ ไฟท้าย ล้ออัลลอยมีให้เลือกทั้งขนาดมาตรฐาน 16 นิ้ว สวมเข้ากับ
ยางขนาด 205/60R16 หรือ ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สวมเข้ากับยางขนาด 215/50R17 เห็นแบบนี้ ก็คง
พอจะนึกออกได้ว่า ช่วงล่างของ PRIUS V น่าจะเซ็ตมาเน้นความนุ่มนวลสำหรับการเดินทางเป็นหลัก

ภายในห้องโดยสาร ตกแต่งในสไตล์คล้ายคลึงกับ Prius รุ่นมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม เบาะนั่งคู่หน้า แทบจะ
เรียกได้ว่า ยกจาก Prius รุ่นมาตรฐาน มาติดตั้งกันดื้อๆ เลย มีเข็มขัดนิรภัย ELR 3 จุด แบบลดแรงปะทะ
และดึงกลับอัตโนมัติ Front Pretensioner & Load Limiter มาให้ ตรงกลาง มีพื้นที่วางแขน และช่องวาง
แก้วน้ำขนาดใหญ่มาให้ 1 ตำแหน่ง พร้อมถาดวางของอเนกประสงค์ ติดตั้ง อยู่บนพื้นรถ

ขณะเดียวกัน เบาะนั่งแถวหลัง ถูกออกแบบให้เน้นความอเนกประสงค์มากยิ่งขึ้น แบ่งพับและแถมยังปรับเอน
ได้มากถึง 45 องศา ในอัตราส่วน 60 : 40 มีที่วางแขนด้านหลังพับเก็บได้ และมีพนักศีรษะมาให้ครบทั้่ง 3 ตำแหน่ง
เช่นเดียวกับเข็มขัดนิรภัย ELR 3 จุด สำหรับเบาะนั่งฝั่งซ้าย และขวา  ส่วนตรงกลางยังเป็นแบบ ELR 2 จุด

เบาะหลัง สามารถพับไปถึง พื้นที่ห้องเก็บของด้านหลังขนาดใหญ่ 34.3 ลูกบาศก์นิ้ว นอกจากนี้ ยังสามารถ
เลือกสั่งติดตั้ง หลังคา แบบใหม่ล่าสุด เป็นครั้งแรกของ Toyota นั่นคือ หลังคาแบบ Resin Panoramic View
Twin Moonroof  พร้อมสวิชต์ไฟฟ้า ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่า มูนรูฟแบบกระจกดั้งเดิมถึงร้อยละ 40

จุดขายสำคัญของ PRIUS V คือ การเป็นรถยนต์ Toyota รุ่นแรก ที่ติดตั้ง ระบบ Entune Multimedia system
ซึ่งนอกจากจะมีระบบนำทางผ่านดาวเทียม GPS ที่สามารถ Upgrade ข้อมูลแผนที่ ได้แบบ ไร้สาย รวมทั้ง
ระบบความบันเทิงในรถต่างๆแล้ว ยังช่วยให้ผู้ขับขี่ สามารถใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ ได้หลากหลายยิ่งขึ้น
กว่าเดิม เพราะจะมีการติดตั้ง Application สำคัญๆ ที่ใช้ในโทรศัพท์เคลื่อนที่มาให้เสร็จสรรพ ไม่ว่าจะเป็น
Search Engine อย่าง bing ของ Microsoft เว็บไซต์ จองตั๋วภาพยนตร์ movietickets.com หรือ Open Table
ได้ในขณะเดินทาง แถมยังสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารภยากรณ์อากาศ สภาพการจราจรข้างหน้า ข้อมูล
สถานีบริการน้ำมัน ทั้งตำแหน่งที่ตั้ง และราคาหน้าปั้ม แบบ Update รวมทั้ง ข่าวสารด้านการซื้อขายหุ้น
ไปจนถึงข่าวกีฬา และข่าวสารบ้านเมืองทั่วไป แบบสดๆ

ส่วนเครื่องเสียง แบบ HD Radio พร้อท iTune Tagging ที่ติดตั้งมาให้ จะสามารถเชื่อมต่อกับ iheartradio
กว่า 750 สถานีขึ้นไป Pandora’s personalized music แถมยังสามารถเชื่อมต่อกับ เครื่องเล่นเพลงแบบพกพา
หรือ iPod ผ่านทาง USB หรือ Bluetooth ถ้าไม่สะใจ ยังสามารถเปิดฟังวิทยุดาวเทียม XM satellite radio ได้อีก
170 สถานี! พร้อมกับระบบสั่งการด้วยเสียงพูด และสามารถอ่านข้อความ SMS ได้ และ พร้อมกับความสามารถ
ในการตอบกลับข้อความ อัตโนมัติที่ผู้ขับตั้งกำหนดเอาไว้ได้ แบบ “Quick Reply Messages.”
 
และแน่นอนว่า มีกล้องขนาดเล็ก ติดตั้งไว้ด้านหลังรถ เพื่อแสดงภาพด้านหลังรถ ช่วยขณะถอยหลังเข้าจอด
พร้อมระบบ Advanced Parking Guidance System. มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ทุกคัน

ขุมพลังของ Prius V นั้น ยกมาจาก Prius รุ่นมาตรฐานเลยเกือบทั้งดุ้น เป็นเครื่องยนต์ รหัส 2ZR-FXE
บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,797 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก 80.5 x 88.3 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด
13.0 : 1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ EFI พร้อมระบบแปรผันวาล์ว Dual VVT-i และแน่นอน
จุดระเบิดแบบ Atkinson Cycle ให้พละกำลังสูงสุด 99 แรงม้า (PS) ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด
14.5 กก.-ม. หรือ 142 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที

ทำงานร่วมกับ มอเตอร์ไฟฟ้า รุ่น 3JM ให้กำลังสูงสุด 82 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 207 นิวตันเมตร
หรือ 21.1 กก.-ม. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผัน CVT ที่ฝังอยู่ในมอเตอร์ ไปในตัว
อย่างไรก็ตาม สมรรถนะในภาพรวม จะต้องมีการปรับปรุงจาก Prius รุ่นมาตรฐานเล็กน้อย แต่ในด้าน
แบ็ตเตอรี ยังคงเป็นแบบ Ni-Mh นิกเกิล เมทัล ไฮดราย จาก บริษัท Primearth ซึ่งเป็นโรงงานผลิต
แบ็ตเตอรี รถยนต์ Hybrid ที่ตั้งขึ้นด้วยความร่วมมือจาก Toyota และ Panasonic (Matsushita Electric)

ไม่เพียงแต่จะยกขุมพลัง THS-II HYBRID Synergies Drive มาใช้กันดื้อๆแล้ว Toyota ยังยกเทคโนโลยี
ต่างๆ ที่ติดตั้งอยู่ใน Prius มาใส่ไว้ใน Prius V ด้วยเช่นเดียวกัน มีตั้งแต่ ระบบขับเคลื่อนที่สามารถเลือก
โปรแกรมการขับขี่ได้ 4 รูปแบบ (Normal, Power, Eco และ  EV) ระบบกุญแจแบบ Smart Key พร้อม
ปุ่มติดเครื่องยนต์…(อันที่จริงควรเรียกว่าปุ่ม Power มากกว่า) แบบ Push Start รวมทั้ง คันเกียร์ เลือก
เปลี่ยนตำแหน่งแบบ ไฟฟ้า ขนาดเล็ก ใกล้กับพวงมาลัย มีระบบช่วยในการออกตัวบนทางลาดชัน HAC
(Hill Start Assist Control) รวมทั้งระบบ Dynamic Radar Cruise Control และ Pre-Collision System (PCS)

ด้านความปลอดภัย มากันครบครัน ตามมาตรฐานอุปกรณ์ของ Toyota รุ่น Premium เลยทีเดียว มีทั้ง
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านลมนิรภัย และภุงลมสำหรับหัวเข่า 7 ใบรวด เหมือน Prius ในไทย
โครงสร้างฐานเบาะนั่งถูกออกแบบให้ลดการลื่นไหลไปข้างหน้า ขณะเกิดการชน โครงสร้างตัวถัง
พร้อมคานนิรภัยเสริมประตูทุกบาน มีคาน Cross Member และ โครงสร้างป้องกันท่อนขาของผู้โดยสาร
ถูกออกแบบขึ้นให้สามารถรับและกระจายแรงปะทะ อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบควบคุม
เสถียรภาพ VSC (Vehicle Stability Control) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีตอนออกตัว Traction Control
(TRAC) ระบบป้องกันล้อล็อก Anti-lock Braking System (ABS) ระบบกระจายแรงเบรก Electronic
Brake-force Distribution (EBD) และระบบเพิ่มแรงเบรกฉุกเฉิน Brake Assist ที่สำคัญ ยังมีการติดตั้ง
ระบบ Smart Stop Technology brake-override system ในกรณีที่ระบบพบว่า รถเร่งความเร็วขึ้นไป
แต่มีการเหยียบแป้นเบรก หนักๆ ระบบจะตัดการทำงานของระบบขับเคลื่อนทั้งหมดทันที เพื่อ
ไม่ให้เกิดปัญหาคันเร่งค้าง จนเกิดอุบัติเหตุ เหมือนอย่างกรณีที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ รอบปี 2011 ที่ผ่านมา

Toyota จะส่ง PRIUS V ขึ้นโชว์รูมทั่วสหรัฐอเมริกา ภายในฤดูร้อน หรือหมายถึง ช่วงกลางปี 2011 นี้
และเราคงต้องรอดูกันต่อไปว่า Toyota คิดจะวางแผน ส่ง Minivan รุ่นนี้ ไปทำตลาดในประเทศอื่นๆ
ด้วยหรือไม่

Toyota PRIUS C-Concept
ต้นแบบของรุ่นเล็กสุด เตรียมขายจริง ในปี 2012

นอกเหนือจากการเปิดตัว Prius V แล้ว Toyota ยังเผยโฉม รถยนต์ต้นแบบรุ่นหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะสร้างความ
ประหลาดใจให้กับสื่อมวลชนในสหรัฐฯ ไม่น้อย รถคันที่ว่า นี้ ก็คือ Toyota PRIUS-C Concept ที่เห็นอยู่นี้

ที่ว่าประหลาดใจนั้น เป็นเพราะว่า ต่อให้ผู้คนในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ รู้ดีว่า Toyota มีแผนจะนำรถยนต์
ต้นแบบ FT-Ch ที่เคยเผยโฉมไปแล้วก่อนหน้านี้ เมื่องาน Detroit Auto Show 2010 (11 มกราคม 2010) มาพัฒนา
ต่อยอด เพื่อทำตลาดจริง แต่ไม่มีใครรู้มาก่อนว่า ท้ายที่สุด รถคันนี้ จะถูกแปะป้ายชื่อว่า Prius C อย่างที่เห็นอยู่นี้
และถูกนำมาจัดแสดงกันอีกครั้ง ในงานเดียวกันนี้ ปีถัดมา (ปีนี้) นั่นเอง

แนวคิดในการออกแบบ PRIUS C นั้น เกิดขึ้น เพราะ ในขณะที่ลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่ง อยากได้ความอเนกประสงค์
ในแบบ ที่ Prius V มีให้ Toyota ก็ค้นพบผ่านการศึกษาวิจัยตลาดว่า ยังมีลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในเมือง
อยากได้รถยนต์ HYBRID ที่มีขนาดเล็กลงกว่า Prius รุ่นปัจจุบันอีกนิดนึง และแน่นอนว่า มันควรจะมีราคา
ค่าตัวไม่แพงเกินไป พอที่พวกเขาจะเก็บตังค์ซื้อหามาเป็นเจ้าของได้

ดังนั้น Prius C จึงถูกสร้างขึ้น ภายใต้แนวคิด Small “City” Hybrid Vehicle คือเป็นรถยนต์ขุมพลัง Hybrid
ที่มุ่งเน้นเอาใจกลุ่มวัยรุ่น หนุ่มสาว จะมีคู่แล้ว หรือว่ายังโสดอยู่ตัวคนเดียว ลูกค้ารุ่นใหม่ๆ กลุ่มนี้ จะเป็น
คนกลุ่มที่ใส่ใจในการรักษาสิ่งแวดล้อม การทำตัวเพื่อช่วยลดทอนปัญหาโลกร้อน พวกเขาอยากได้รถยนต์
ที่แล่นได้ในระยะทางไกลๆ แต่ใช้น้ำมันน้อยลงยิ่งกว่ารถยนต์ Hybrid ในปัจจุบัน อีกทั้งยังต้องคงความ
สนุกในการขับขี่ อีกด้วย

ดังนั้น ตัวรถจะถูกออกแบบเพื่อให้สอดรับและมุ่งเน้นรูปแบบการใช้งานในเมือง ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ดังกล่าว เป็นหลัก โดยจะใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาอีกมากมาย แต่ก็จะมีอุปกรณ์บางอย่าง ที่มีติดตั้ง
อยู่แล้ว ใน Prius รุ่นปัจจุบันนี้

Toyota มีกำหนดจะส่ง เวอร์ชันขายจริงของ PRIUS C ขึ้นโชว์รูมในสหรัฐอเมริกาให้ได้ ภายในครึ่งแรก
ของปี 2012 ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น เชื่อแน่ว่า Toyota คงจะโฆษณาในเชิงว่า World First Compact & Affordable
HYBRID Car from Toyota กันแหงๆ เพราะรถคันนี้ ตั้งเป้าหมายว่าจะมีราคา ต่ำกว่า Prius รุ่นปัจจุบันให้ได้

—————————————–///—————————————–