ห่างหายจากความเคลื่อนไหว ไปนาน หลายปีจนเกือบจะลืมไปแล้วว่า ยังมีทำตลาดอยู่
จู่ๆ โตโยต้า ก็เผยโฉม เจเนอเรชันใหม่ ของ Hilux-SURF หรือ 4 Runner ตัวลุยอเนกประสงค์
7 ที่นั่ง พันธุ์แท้ ออกมา ในวันนี้ 25 กันยายน 2009

ย้อนเวลากลับไป ในปี 1984 โตโยต้า เล็งเห็นความสำคัญของตลาด รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ
อเนกประสงค์ ที่เริ่มก่อตัวขึ้นจาก คู่แข่ง ทั้ง Isuzu Rodeo Bighorn (หรือ Trooper ในตลาดโลก)
กับ Mitsubishi Pajero ดังนั้น โตโยต้าจึงตัดสินใจหยั่งเชิงตลาดรถยนต์กลุ่มนี้ ด้วยการ นำ
ไฮลักซ์ รุ่นที่บ้านเราคุ้นเคยกันในชื่อ ไฮลักซ์ เออร์คิวลิส และ ไฮลักซ์ ฮีโร่ มาใส่หลังคา
FRP แล้วดัดแปลงห้องโดยสารด้านหลัง ให้ใกล้เคียงรถเก๋งมากขึ้น แต่คงคุณสมบัติในการลุย
นำออกขายในชื่อ Hilux SURF เป็นครั้งแรกในญี่ปุ่น เมื่อเดือนพฤษภาคม 1984
และส่งออกสู่ตลาดสหรัฐอเมริกา ในชื่อ 4 Runner ในปีเดียวกัน

แม้ว่ารุ่นแรก และรุ่นที่ 2 ที่คลอดออกมาในปี 1989 จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
เนื่องจากการขายตัวของตลาดรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ อเนกประสงค์ ในญี่ปุ่น ที่เบ่งบานสะพรั่ง
แต่พอพ้นช่วงปี 1992 อันเป็นช่วงที่ เศรษฐกิจญี่ปุ่น มีปัญหา ฟองสบู่แตก รถยนต์ประเภทนี้
ก็เริ่มขายได้น้อยลง จนกระทั่ง ปี 1996 ที่เจเนอเรชัน 3 ออกมา แม้จะยังพอขายได้ แต่ไม่ถึงกับ
บูมเหมือนสมัยก่อน และยิ่งเมื่อรุ่นล่าสุด ที่คลอดออกมา เมื่อปี 2002
ชื่อของไฮลักซ์ เซิร์ฟ เกือบจะเลือนหายไปจากตลาดญี่ปุ่น เป็นเวลานานพอดู
แม้จะมีทำตลาดอยู่บ้าง แต่แทบไม่อาจหวังยอดขายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากนัก

อย่างไรก็ตาม 25 ปี ในอายุตลาด กับตัวเลขยอดขายสะสม ที่มากเกินกว่า 1.5 ล้านคัน
ก็ยังเป็นตัวเลขที่มากพอให้ โตโยต้า ตัดสินใจ ทำรถรุ่นี้ออกมาขายต่อไป เพียงแต่ว่า
จะเน้นตลาดอเมริกาเหนือเป็นหลัก อีกทั้ง เปลี่ยนจากการพัฒนาบนพื้นฐานงานวิศวกรรม
ของรถกระบะ ไฮลักซ์ มาเป็น พื้นฐานของ แลนด์ ครุยเซอร์ พราโด้ แทน ซึ่งแนวทางนี้
เริ่มขึ้น ตั้งแต่รุ่นรุ่นล่าสุด ที่ออกสู่ตลาดเมื่อ 6 ปีก่อน มาแล้ว

แนวคิดดังกล่าว ยังคงต่อเนื่องมาถึงรุ่นปัจจุบัน 4 Runner ใหม่ ยังคงใช้โครงสร้าง
พื้นตัวถัง และ งานวิศวกรรม ร่วมกั พราโด้ ใหม่ และ ใช้ชิ้นส่วนร่วมกันได้มากถึง 60-70%
เพียงแต่มีรูปลักษณ์ภายนอกที่แตกต่างกันไป ตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน

ตำแหน่งทางการตลาดของ 4 Runner ใหม่ นั้น ยังคงเน้นความอเนกประสงค์ของพื้นที่ใช้สอย
มากกว่า FJ Cruiser (เป็น Off-Road SUV สไตล์ Modern ที่สร้างขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจาก
Land Cruiser รุ่นแรก เมื่อ 50 ปีก่อน) เอาง่ายๆคือ ถ้าใครเป็นพวก ที่เน้นการใช้ชีวิตกลางแจ้ง
เยอะมาก ชอบเอารถไปลุยๆ ก็ ได้ ทั้ง 2 คัน ต่างกันเพียงแค่ว่า ถ้าเพื่อนเยอะ หรือ มีครอบครัว
4 Runner จะตอบโทย์ ให้ความสบาย กับเพื่อนฝูง และคนในครอบครัว ได้มากกว่า FJ Cruiser นั่นเอง

ขนาดตัวถังของ SURF / 4 Runner รุ่นใหม่นั้น มีความยาว 4,823.46 มิลลิเมตร กว้าง 1925.32 มิลลิเมตร
สูง 1,780 มิลิเมตร ไม่รวมราวหลังคา แต่ถ้ารวมแล้วละก็ 1,816 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,788.92 มิลลิเมตร

มุมไต่ มีตั้งแต่ 24 องศา ในรุ่น Full Option จนถึง 33 องศา สำหรับรุ่นที่ไม่ติดแผงหน้าอะไรมาให้เลย
ส่วนมุมจาก มีทั้ง 24 และ 26 องศา ตามแต่ละรุ่นย่อย

ภายในห้องโดยสาร มีการปรับปรุงใหม่ จนน่าใช้กว่ารุ่นเดิมเป็นกอง งานออกแบบแผงหน้าปัด
เน้นไปที่การเพิ่มความสะดวกสบาย ด้วยสารพัดอุปกรณ์มากมาย ดุจรถเก๋งชั้นดี ร่วมสมัย

ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเอาใจชาวมะกันโดยเฉพาะ ได้แก่
ระบบเครื่องเสียง Premium JBL CD 6 แผ่น ลำโพง 15ชิ้นรอบคัน
ระบบเนวิเกเตอร์ วิทยุออนไลน์ผ่านดาวเทียม XM Radio สามารถเชื่อมต่อกับ Bluetooth
และเชื่อมต่อ USB กับเครื่องเล่น ipod เพื่อให้เพลิดเพลินตลอดการเดินทางจึงมี Party Mode
เพิ่มความทุ้มเสียงเบสและกระจายความมันส์ผ่านลำโพงทุกตัว

 

เครื่องยนต์ ที่วางใน 4 RUNNER เวอร์ชันอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นเวอร์ชันแรกที่มีการแถลงข่าวนั้น
ก็เหมือนกันกับที่วางอยู่ในแลนด์ ครุยเซอร์ พราโด ใหม่ แทบทุกประการ โดยมีให้เลือก 2 ขนาด
ทั้งคู่ผ่านมาตรฐนไอเสีย ของสหรัฐอเมริกา ในระดับ LEV2 

– ทั้งรหัส 2TR-FE 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2,694 ซีซี EFI พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT-i พละกำลัง
ลดลงเล็กน้อย จากในพราโด้ เหลือ 157 แรงม้า (HP) ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 24.5 กก.ม.
ที่ 3,800 รอบต่อนาที เชื่อมด้วย เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ มีทั้งรุ่น ขับเคลื่อนล้อหล้ง และ ขับเคลื่อน 4 ล้อ
แบบ Part-Time

– และเวอร์ชันแรง รหัส 1GR-FE V6 DOHC 24 วาล์ว 3,956 ซีซี EFI พร้อมระบบแปรผันวาล์ว
Dual VVT-i  270 แรงม้า (HP) ที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 38.3 กก.ม. ที่ 4,400 รอบต่อนาที
เชื่อมด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ มีให้เลือกได้ทั้งระบบขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อหลัง ขับเคลื่อน 4 ล้อ
แบบ Part Time และ Full Time โดยในรุ่น Limited 4×4 อันเป็นรุ่นสูงสุด นั้น จะมีชุดเพลาตัดต่อกำลังกลาง
Torsen type w/differential lock มาให้ด้วย

ระบบกันสะเทือนหน้า เป็นแบบ ปีกนกคู่ ส่วนด้านหลัง เป็นแบบ 4 จุดยึด คอยล์สปริง
มีเหล็กกันโคลงมาให้ทั้งหน้า-หลัง 

พวงมาลัยเพาเวอร์ แร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรง อัตราทดเฟือง 18.4 : 1
หมุนจากซ้ายสุด ไปขวาสุด 2.7 รอบ

ห้ามล้อด้วย ดิสก์เบรกแบบมีรูระบายความร้อนครบทั้ง 4 ล้อ คู่หน้า เส้นผ่าศูนย์กลาง 13.3 นิ้ว
คู่หลัง เส้นผ่าศูนย์กลาง 12.3 นิ้ว เบรกมือ ย้ายไปอยู่ที่ แป้นเหยียบ ค้างแป้นเบรก และแน่นอน
มีสารพัดดัวช่วย ติดตั้งมาให้กันครบเซ็ตตามมาตรฐานของโตโยต้า ทั้ง ระบบป้องกันล้อล็อก ABS
ระบบ กระจายแรงเบรก EBD ระบบเพิ่มแรงเบรกในภวะฉุกเฉิน Break Assist และระบบควบคุม
เสถียรภาพ VSC

 

ระบบขับเคลื่อนแทบจะยกชุด LandCruiser Prado ทั้งชุดอันได้แก่
ระบบ KDSS เป็นระบบไฮดรอลิกในการควบคุมการทำงานของระบบช่วงล่างด้านหน้า และหลัง
เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในขณะแล่นบนทางออนโรดด้วยความเร็วสูงติดตั้ง Prado ทุกรุ่น
ระบบ crawl control ไว้สำหรับขับเคลื่อนตามถิ่นทุรกันดาร
มีให้เลือก 5 โหมดเพื่อให้แรงขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์และระบบเบรคสัมพันธ์กัน

 

นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบ Downhill Assist Control  ช่วยการลงเขาขับขี่ความเร็วต่ำ
และระบบ Hill-start Assist Control ช่วยให้ผู้ขับขี่ขับขึ้นเขาในพื้นที่ทุรกันดารได้ดีขึ้น

 

Toyota เตรียมเปิดตัวแก่สาธารณะชนที่งานประจำปีมลรัฐ Texus ภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้
และจะวางจำหน่ายภายในปลายเดือนตุลาคม