Toyota Hilux Revo เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย ครั้งแรกในโลก เมื่อ เดือน พฤษภาคม 2015 หลังจากเปิดตัว กระแสตอบรับไม่ได้ดีมากอย่างที่คิด เมื่อเปรียบเทียบกับการเปิดตัว Hilux Vigo ครั้งแรกเมื่อปี 2004 หลายเสียงบ่นว่าดีไซน์ด้านหน้ารถนั้น ยังต้องปรับปรุง ตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่าที่ผ่านมา มีการปรับอุปกรณ์ เพิ่มรุ่นย่อย ออกรุ่นตกแต่งพิเศษกันไปบ้างแล้ว

จากนั้นมีการเปิดตัวกระบะ Hilux Revo Minorchange ในเวลาอันรวดเร็วแบบไม่เคยมีมาก่อน เมื่อเดือน พฤศจิกายน 2017 ปรับเปลี่ยนดีไซน์ด้านหน้าใหม่ พร้อมแนะนำรุ่นย่อยใหม่ ตกแต่งแบบ Off-Road ” Revo ROCCO (รีโว่ ร็อคโค่) ” มาในเวลาพร้อมๆกัน จากนั้นเพิ่มรุ่นเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ให้กับรุ่น ROCCO ในเดือน สิงหาคม 2018 และ เป็นเจ้าแรกที่ประกาศรองรับน้ำมันดีเซล B20 เมื่อเดือน เมษายน 2019

จากนั้นมีการเปิดตัว REVO feat. ECU SHOP ติดตั้งกล่องเพิ่มสมรรถนะเครื่องยนต์ รุ่น ULTRA BOOST สำหรับ Toyota Hilux Revo ทั้งเครื่องยนต์ ดีเซล 2.4 ลิตร และ ดีเซล 2.8 ลิตร GD Efficient Boost โดยกล่องเพิ่มสมรรถนะเครื่องยนต์ จะทำงานร่วมกับ ECU หลักของเครื่องยนต์ ช่วยเพิ่มพละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า 516 นิวตันเมตร เปิดตัวเมื่อ พฤศจิกายน 2019

ทำตลาดมาได้เกือบ 5 ปี คราวนี้ต้องทำการ Big-Minorchange อีกครั้ง เนื่องจากคู่แข่งคนสำคัญอย่าง All NEW Isuzu D-max เปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2019 ที่ผ่านมา และ ทำยอดขายในปี 2020 แซงหน้า Hilux Revo ไปค่อนข้างทิ้งห่าง ทำใหต้องมีการปรับสู้ศึกหนักในครั้งนี้

ล่าสุด Toyota ประเทศไทย ประกาศเตรียมเปิดตัว Hilux REVO ฺMinorchange ในไทยวันที่ 4 มิถุนายน นี้ เป็นที่แรกในโลก เป็นการปรับโฉม Minorchange รอบที่ 2 คราวนี้ทำการเปลี่ยนงานออกแบบด้านหน้าตัวรถอีกครั้ง พร้อมกับจูนเครื่องยนต์ใหม่ ให้มีพละกำลังแรงขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ด้านท้ายรถยังมีการเปลี่ยนดีไซน์ไฟท้ายใหม่อีกด้วย

เหตุผลที่บรรดาค่ายรถยนต์ต้องมาเปิดตัวรถกระบะ Compact Pick-up (รถกระบะที่ขายในบ้านเรา) ก็เพราะประเทศไทยเป็นตลาดหลักของรถกระบะ ยอดขายสูงเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา แต่ถ้าหากมาดูเฉพาะกลุ่ม Compact Pick-up ไทยก็จะมียอดขายเป็นอันดับ 1 ของโลกในกลุ่มนี้ (อ้างอิงจากรายงานของ JATO ปี 2017) ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไม รถกระบะรุ่นต่างๆจึงมักมาเปิดตัวที่ไทย เป็นที่แรกของโลก (World Premiere)

งานดีไซน์ของ Toyota Hilux REVO Minorchange มีความเปลี่ยนแปลงดังนี้

  • ไฟหน้า Bi-Beam LED ดีไซน์ใหม่
  • กระจังหน้า ดีไซน์ใหม่
  • กันชนหน้า ดีไซน์ใหม่
  • ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่
  • ไฟท้าย ดีไซน์ใหม่

ส่วนภายในห้องโดยสาร แดชบอร์ดจะใช้ดีไซน์เดิม แต่มีการเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆเล็กน้อย

  • ชุดมาตรวัดดีไซน์ใหม่
  • หน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว ดีไซน์ใหม่
  • ระบบเครื่องเสียง รองรับ Apple CarPlay
  • วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร ดีไซน์ใหม่

นอกเหนือจากงานดีไซน์ที่ปรับเปลี่ยนไปแล้ว ส่วนสำคัญที่มีการปรับเปลี่ยนเป็นครั้งแรก นับจากที่ Toyota Hilux REVO เปิดตัวคือ ” เครื่องยนต์ ” จะมีการจูนเพิ่มพละกำลังในเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร เทอร์โบ รหัส 1GD

DIESEL 2.8 TURBO

เครื่องยนต์ดีเซล รหัส 1GD-FTV ขนาด 2.8 ลิตร 2,755 ซีซี. VN-Turbo กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก 92.0 x 103.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.6 : 1 กำลังสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 420 – 450 นิวตันเมตร ที่ 1,400 – 2,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ / เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ

เพิ่มพละกำลัง เป็น 204 แรงม้า 500 นิวตันเมตร (เพิ่มจากเดิม 27 แรงม้า 50 นิวตันเมตร)

ส่วนเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร ยังคงพละกำลังเท่าเดิม

ดีเซล 2.4 ลิตร (5MT / 6MT)

เครื่องยนต์ดีเซล รหัส 2GD-FTV ขนาด 2.4 ลิตร 2,393 ซีซี. VN-Turbo กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก 92.0 x 90.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.6 : 1 กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 343 นิวตันเมตร ที่ 1,400 – 2,800 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ / เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ

ดีเซล 2.4 ลิตร (6AT)

เครื่องยนต์ดีเซล รหัส 2GD-FTV ขนาด 2.4 ลิตร 2,393 ซีซี. VN-Turbo กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก 92.0 x 90.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.6 : 1 กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ

สุดท้ายเป็นเรื่องของระบบความปลอดภัย ที่จะติดตั้งระบบ Toyota SAFETY SENSE มาให้

  • ระบบความปลอดภัยก่อนเกิดเหตุ Toyota Safety Sense
    • ระบบความปลอดภัยก่อนการชน และ เบรกอัตโนมัติ Pre-Collision System
    • ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงพวงมาลัยอัตโนมัติ Lane Keeping Assist
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน Dynamic Radar Cruise Control
  • ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
  • ระบบกระจายแรงเบรก EBD
  • ระบบเสริมแรงเบรก BA
  • ระบบควบคุมการทรงตัว VSC
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC
  • ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAC
  • ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย-หัวเข่าคนขับ)

Toyota Hilux REVO Minorchange จะมีการปรับชื่อของรุ่นย่อย (Grade Walk) ใหม่ทั้งหมด ดังนี้

  • รุ่น J เปลี่ยนเป็น >> ENTRY
  • รุ่น J PLUS เปลี่ยนเป็น >> ENTRY
  • รุ่น E เปลี่ยนเป็น >> MID
  • รุ่น E PLUS เปลี่ยนเป็น >> MID
  • รุ่น G เปลี่ยนเป็น >> HIGH

นอกจากงานดีไซน์ – อุปกรณ์ – เครื่องยนต์ มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแล้ว ช่วงล่าง และ การขับขี่บังคับควบคุม ก็มีการปรับปรุงด้วยเช่นกัน

  • เปลี่ยนช็อคอัพใหม่
  • ปรับแหนบบรรทุก จาก 5 แผ่น เหลือ 3 แผ่น
  • เพิ่ม ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ตั้งแต่รุ่น MID (หรือ E / E PLUS เดิม)
  • เพิ่ม ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ Toyota Safety SENSE ในรุ่น Top of the line

รายละเอียดของ Toyota Hilux REVO Minorchange ติดตามได้ในวันที่ 4 มิถุนายน นี้ หากมีรายละเอียดเพิ่มเติม ทีมงาน Headlightmag.com จะรีบนำมารายงานให้ทราบกันครับ


ที่มาภาพหลุด : MileleMotors / Carmag.co.za


เรียบเรียงข้อมูลทั้งหมดโดย www.headlightmag.com


แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >> community.headlightmag.com/75653.0


Toyota Fortuner Minorchange เปิดตัวในไทย 4 มิ.ย. นี้ เพิ่ม Safety SENSE และ 204 แรงม้า ! : http://www.headlightmag.com/toyota-fortuner-minorchange-4-june-2020-thailand/

Toyota Fortuner Minorchange เปิดตัวในไทย 4 มิ.ย. นี้ เพิ่ม Safety SENSE และ 204 แรงม้า !