ในที่สุด Toyota อินโดนีเซียก็จัดการเปิดตัว Toyota Grand Avanza และ Grand Avanza Veloz ในวันนี้ (12 สิงหาคม
2015) เสียทีหลังจากปล่อยให้มีภาพและคลิปหลุดก่อนวันเปิดตัวตั้งหลายสัปดาห์ และเราก็ได้รู้กันเสียทีว่ามันมี
พัฒนาการแตกต่างจากเดิมอย่างไร?
Toyota Grand Avanza และ Grand Avanza Veloz ถูกอัพเกรดสถานะจากมินิแวนขนคนราคาคุ้มค่าให้กลายเป็นมินิ
แวนที่มีฟังก์ชันความสะดวกสบายและประสิทธิภาพใกล้เคียงกับรถเก๋งธรรมดาทั่วไป มิใช่เป็นรถมินิแวนราคาประหยัด
ต้นทุนอีกต่อไป เพราะอีกไม่นานนี้ Toyota จะเปิดตัวมินิแวนราคาประหยัดที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานเดียวกับ Toyota Agya
เข้ามาแทนที่ Toyota Avanza แบบเดิม ๆ
Toyota Grand Avanza ถูกวางภาพลักษณ์เป็นรถมินิแวนที่มีลุคสปอร์ตดุดันอยู่บ้าง ส่วน Toyota Grand Avanza
Veloz ถูกวางภาพลักษณ์เป็นมินิแวนสปอร์ตหรูโดยถึงขั้นเปลี่ยนชุดชิ้นส่วนตัวถังด้านหน้าใหม่หมดเพื่อความเปลี่ยนแปลง
ครั้งยิ่งใหญ่ ด้วยไฟหน้าทรงใหม่, แก้มข้างใหม่, ฝากระโปรงหน้าใหม่และกันชนหน้าที่เป็นกระจังหน้าขนาดเขื่องในตัว
บั้นท้ายก็มีการเปลี่ยนแปลงดังต่อไปนี้ ตำแหน่งสัญญาณไฟท้าย, ติดตั้งแผงทับทิม, ติดตั้งแผงพาแนลแปะลงบนฝา
กระโปรงท้ายเพื่อทำให้สมดุลขึ้นและสปอยเลอร์ท้ายขนาดใหญ่
ภายในห้องโดยสารก็ติดตั้งแผงหน้าจอสัมผัส Advanced Audio System 6.1 นิ้ว (เฉพาะรุ่น 1.5 ลิตร), ติดตั้งไฟเตือน
การขับขี่ Eco, เพิ่มแผงพลาสติกสีเงินที่ข้างประตู, ดีไซน์คันหัวเกียร์ธรรมดาใหม่ นอกจากนี้ยังเพิ่มความสะดวกสบายด้วย
การติดตั้งเบาะนั่งตอนที่ 2 ที่สามารถพับเบาะได้แบบ one touch ได้, ติดตั้งเข็มขัดนิรภัย 3 จุดสำหรับที่นั่งตรงกลางใน
เบาะแถวที่ 2, ติดตั้งจุดยึดเบาะเด็ก isofix
Toyota ยังใส่ใจคุณภาพการขับขี่และการโดยสารด้วยการใส่ใจการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารให้ดีขึ้น, ปรับปรุงการเก็บ
การสั่นสะเทือน, ปรับปรุงการบังคับควบคุมและการทรงตัวให้ดีขึ้น
Toyota Grand Avanza และ Grand Avanza Veloz มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 1NR ขนาด 1,300 ซีซี 96 แรงม้าที่
6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 12.3 กิโลกรัมเมตรที่ 4,200 รอบต่อนาที และเครื่อง 2NR ขนาด 1,500 ซีซีจะให้กำลัง 104
แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 13.9 กิโลกรัมเมตรที่4,200 รอบต่อนาทีมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงดีกว่าเครื่องเดิมถึง
15%
Toyota Grand Avanza และ Grand Avanza Veloz เปิดตัวจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการแล้ว
สำหรับบ้านเราคาดว่าน่าจะได้เห็นกันในช่วงสิ้นปีนี้หรือไม่ก็ต้นปีหน้าเป็นอย่างช้า