วันที่ 30 มีนาคม 2015 Toyota ญี่ปุ่นก็ได้เผยโฉม Toyota Corolla JDM Minorchange ที่ไม่ใช่แค่ปัดแต่งใบหน้า
ให้สวยงามขึ้นเท่านั้น แต่ถึงขั้นเข้าโรงหมอเพื่อศัลยกรรมทุบเบ้าหน้าใหม่โดยเฉพาะ แต่บังเอิญว่ารถมันมีโครงสร้างร่างเดิมมาแต่
กำเนิด คุณหมอเลยทำได้ให้ได้เฉพาะใบหน้าที่สวยงามเท่านั้น
Toyota Corolla JDM Minorchange ถูกปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้สวยใสทันสมัยขึ้น แต่ยังความเป็น Corolla ที่ทุกคน
ไว้วางใจอยู่เช่นเคย แถมยังติดตั้งระบบความปลอดภัยแบบใหม่ล่าสุดสำหรับ Corolla ที่ไม่เคยมีมาก่อน
เรามาดูหน้าตากันก่อน Toyota Corolla JDM Minorchange จะมีการปรับโฉมทั้งตัวถังซีดาน Axio ดูเรียบร้อยกว่า
หน่อยและแวกอน Fielder ที่ดูสปอร์ตกว่าเล็กน้อย แต่ถ้ามองดี ๆ ก็มีความรู้สึกเหมือนเอาใบหน้า Vios ไปสวมทั้งดุ้นแล้ว
ขัดเกลาเล็กน้อยเท่านั้นเลย นั่นเป็นเพราะว่า Toyota ใช้หลักการออกแบบ Under Priority ทำให้รู้สึกถึงความตื่นตัวของ
ด้านหน้ารถ ดูไหลลื่นและยังดูปลอดภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุชนคนเดินเท้า ส่วนไฟท้ายก็ใช้ความพยายามปรับปรุงอย่างหนักเพื่อ
ให้แลดูสวยงามขึ้น
สำหรับรุ่นย่อย WxB และ Aerotourer จะมีความแตกต่างจากรุ่นปกติตรงที่ออกแบบช่องดักลมกันชนหน้าลาย 3 มิติ,
ติดตั้งไฟ LED พร้อมเสริมกาบล่างรอบคันช่วยพยายามขับความ Sport ที่มีอยู่น้อยนิดเต็มทีให้เด่นชัดปรากฏบนโลกอัน
โหดร้ายได้
ภายในห้องโดยสาร Toyota Corolla JDM แบบเดิม ๆ ก็ถือว่าน่าใช้แล้วแต่ Toyota ก็ยังไม่หยุดที่จะพัฒนาก็เลยขอ
เปลี่ยนชิ้นส่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง อย่างช่องแอร์ทรงสปอร์ต, เปลี่ยนวัสดุแผงข้างประตูใหม่, หุ้มหนังขอบพวงมาลัยและหัวเกียร์
ที่แปลกตาหน่อยคือติดตั้งไฟ LED บริเวณที่วางแก้วน้ำ
ไฮไลต์สำคัญคือการติดตั้งเครื่องยนต์ใหม่ 2NR-FKE ติดตั้งเฉพาะรุ่นขับเคลื่อนสองล้อหน้า เกียร์ CVT เป็นเครื่องบล๊อก
DOHC 16 วาล์ว 1,496 ซีซี เส้นผ่าxช่วงชักกระบอกสูบ 72.5 × 90.6 มิลลิเมตร (แตกต่างจากเครื่อง 1NZ-FE) ทำงาน
แบบ Atkinson Cycle พร้อมวาล์วแปรผัน VVT-IE กำลังอัด 13.5 ให้กำลังสูงสุด 109 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิด 13.9 กิโลกรัมเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที ประหยัดน้ำมันตามมาตรฐาน JC08 23.4 กิโลเมตรต่อลิตร
เครื่องยนต์ 1NR-FE DOHC 16 วาล์ว 1,329 ซีซี Dual VVT-I ให้กำลัง 95 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 12.3
กิโลกรัมเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาทีจับคู่เฉพาะเกียร์ CVT ประหยัดน้ำมันตามมาตรฐาน JC08 20.6 กิโลเมตรต่อลิตร
เครื่องยนต์ 1NZ-FE DOHC 16 วาล์ว VVT-I ในรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า 5MT ให้กำลัง 109 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิด 14.1 กิโลกรัมเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที สำหรับรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อให้กำลัง 103 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิด 13.5 กิโลกรัมเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที
เด็ดสุดคือขุมพลัง Hybrid จับคู่เครื่องยนต์ 1NZ-FXE DOHC 16 วาล์ว VVT-I Atkinson Cycle ให้กำลัง 74 แรงม้าที่
4,800 รอบต่อนาที แรงบิด 11.3 ที่ 3,600 – 4,400 รอบต่อนาที จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 61 แรงม้า แรงบิด 17.2
กิโลกรัมเมตร
ออพชั่นความปลอดภัยก็ภูมิใจนำเสนออย่างสุดซึ้งด้วยแพคเกจความปลอดภัย Toyota Safety Sense C ประกอบไป
ด้วยเซนเซอร์เรดาร์และกล้องที่มีความน่าเชื่อถือสูงและมากประสิทธิภาพ
Toyota Safety Sense C มีความสามารถในการทำงาน 3 อย่าง ได้แก่ Pre-collision System (PCS) ระบบป้องกันการ
ปะทะกับวัตถุด้านหน้า ขั้นแรกก็เตือนผู้ขับขี่ด้วยภาพและเสียงก่อน แต่ถ้าเตือนก็แล้ว สั่งก็แล้วผู้ขับขี่ยังไม่เบรก ระบบก็จะ
ช่วยเบรกอัตโนมัติจนเหลือความเร็วเพียงแค่ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบครอบคลุมการทำงานตั้งแต่ 10 กิโลเมตรต่อ
ชั่วโมงจนถึง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ระบบ Lane Departure Alert (LDA) ที่ใช้กล้องตรวจจับผู้ขับขี่ว่าขับตรงเลนไหม ถ้าตัวรถเริ่มเบนออกจากเลน ระบบก็
จะเตือนทั้งภาพและเสียง
ระบบ Automatic High Beam (AHB) ใช้กล้องตรวจจับว่ามีรถคันหน้าสวนมาหรือจี้ท้ายใครหรือไม่ ถ้ามีระบบก็จะลด
ปรับไฟสูงเป็นไฟต่ำอัตโนมัติ
Toyota ญี่ปุ่นคาดหวังยอดขาย Axio ราว 3,000 คันต่อเดือนและ Fielder 6,000 คันต่อ เมื่อดูจากเป้าก็สะท้อนเลยว่า
ตัวแวกอนขายดีกว่ามาก มากกว่าที่เราคิดอีกครับ