รถยนต์รุ่นใหม่จาก Toyota ที่ทุกคนให้ความสนใจมากที่สุด นับตั้งแต่เปิดตัวในตลาดโลก
คือ Toyota C-HR Crossover น้องใหม่ที่ฉีกทุกการออกแบบ จนหลายคนไม่เชื่อสายตา
ว่านี่เป็นรถที่มาจากค่าย Toyota และ เชื่อว่าผู้คนที่ไม่เคยชอบ Toyota มาก่อนก็อาจ
ตกหลุมรักรถรุ่นนี้ก็เป็นได้
Hiroyuki Koba ผู้จัดการทั่วไปที่รับผิดชอบโปรเจคท์ Toyota C-HR กล่าวว่าดีไซน์
สุดโต่ง เป็นกุญแจสูตรสำเร็จสำคัญที่ทำให้คนมองว่าเป็นรถไม่รักก็เกลียดเลย
ส่งผลดีต่อการเปลี่ยนภาพลักษณ์ และ ลบภาพรถยนต์น่าเบื่อของแบรนด์ Toyota
ลงไปได้
ประเด็นที่น่าสนใจคือ Toyota คาดหวัง C-HR ให้สามารถจับกลุ่มลูกค้าที่ไม่เคยคิดจะ
ซื้อรถยนต์ Toyota มาก่อน ในสัดส่วนเฉลี่ย 20% ของยอดขาย C-HR ในญี่ปุ่นทั้งหมด
จุดขายสำคัญคงหนีไม่พ้นงานออกแบบอันโดดเด่น ติดตั้งล้อขนาดใหญ่ที่ออกจะดูเกิน
พิกัดขนาดรถ, มีซุ้มล้อหน้าขนาดยักษ์ และ มีแนวหลังคากระจกที่เอนลาดสุด ๆ จุดขายนี้
ที่ทุกคนสามารถสังเกตเห็นได้นี้จะช่วยเพิ่มยอดขาย เพราะผลวิจัยตลาดสรุปผลว่างาน
ดีไซน์คือปัจจัยแรกในการตัดสินใจซื้อรถแนวนี้
Koba ยืนยันว่าเป้าหมายสำคัญของ Toyota C-HR คือการจับกลุ่มลูกค้าที่ไม่ชอบ
Toyota มาก่อนและหวังว่า C-HR จะสามารถเปลี่ยนความคิดของลูกค้าเหล่านั้นได้
Toyota Motor ตั้งเป้าขาย C-HR ทั่วโลกปีละ 170,000 คัน สำหรับตลาดสหรัฐอเมริกา
จะส่งทำตลาดในปี 2017 จากฐานการผลิตประเทศตุรกี ที่มีกำลังผลิตปีละ 100,000 คัน
ส่วนโรงงานในญี่ปุ่นจะมีกำลังผลิตสำหรับตลาดในประเทศและส่งออกรวมปีละ 70,000 คัน
ถึงแม้ใครต่อหลายคนมองว่า Toyota C-HR เปิดตัวช้า แต่ก็ถือว่าอยู่ในจังหวะตลาด
SubCompact Crossover กำลังเติบโต โดยเฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกา ก็มียอดขาย
รวม 11 เดือน 455,771 คัน เติบโต 31%
แต่อย่าไปคิดว่าสมรรถนะการขับขี่ของ Toyota C-HR จะดีแค่ในระดับ Crossover ด้วยกัน
แต่ Toyota C-HR จะมีสมรรถนะการบังคับควบคุมอยู่ในชั้นเดียวกับ Ford Focus และ
Volkswagen Golf นั่นเป็นเพราะ Toyota ตัดสินใจพัฒนา C-HR จากศูนย์การพัฒนา
ในยุโรปที่มีความเชี่ยวชาญในการปรับแต่งสมรรถนะการขับขี่สำหรับการวิ่งทางคดเคี้ยว
และ ทางหลวงในยุโรป
และแน่นอนว่า Toyota C-HR ได้วิ่งชิมลางทดสอบบนสนาม Nurburgring เมื่อ
ปี 2013 เพื่อเป็นการพิสูจน์ถึงความหนึบแน่นของช่วงล่าง
Toyota C-HR ถือเป็นชื่อรุ่นที่ทำตลาดมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก แต่ Toyota
คาดหวังยอดขายจากตลาดญี่ปุ่น และ ยุโรปเป็นอันดับต้น ๆ เพราะมีขุมพลัง Hybrid
ให้เลือกด้วย
แต่สำหรับตลาดสหรัฐอเมริกากลับไม่มีรุ่น Hybrid ให้เลือก เพราะสองเหตุผล คือ
ราคาน้ำมันช่วงนี้ยังถูกอยู่เป็นอุปสรรคต่อการขายรถยนต์ Hybrid และ ตัวรถต้องการ
จับตลาดคนรุ่นใหม่ หากนำรุ่น Hybrid มาขายเกรงว่าจะมีราคาแพงเกินไป
สำหรับตลาดเมืองไทยจะเปิดตัว Toyota C-HR ภายในปี 2018 เป็นต้นไป
ที่มา : Automotive News