หลังจากที่ Toyota ได้เผยโฉมรถยนต์ต้นแบบ bZ4X Concept ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุด 29 ตุลาคม 2021 เวอร์ชันผลิตขายจริงของรถยนต์ Compact Croosover ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ก็ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลก รับบทหัวหอกสำคัญในการพาแบรนด์ Toyota บุกตลาด BEV ที่กำลังโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเบื้องต้น bZ4X จะมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า FWD และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD
Toyota bZ4X ถูกพัฒนาร่วมกับ Daihatsu, Subaru และ BYD มีฝาแฝดที่เตรียมออกขายภายใต้แบรนด์ดาวลูกไก่ นามว่า Solterra ใช้แพลตฟอร์ม e-TNGA ที่พัฒนาขึ้นสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าตระกูล bZ ในอนาคต โดยชื่อ bZ นั้น มีที่มาจากคำว่า Beyond Zero ซึ่งแสดงเจตจำนงค์ของ Toyota ที่จะทำให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากรถยนต์โดยตรงเป็นศูนย์
ล่าสุด Toyota ประเทศไทย โดย นายโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ประกาศเตรียมเปิดตัว All NEW Toyota bZ4X รถยนต์ไฟฟ้า 100% ในประเทศไทย ภายในปี 2022 นี้ ! โดยเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% คันแรกของ Toyota หลังจากปีที่ผ่านมาเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 100% All NEW UX300e ในแบรนด์ Lexus ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม Toyota bZ4X จะเริ่มออกจากสายการผลิตในประเทศญี่ปุ่น เดือนมีนาคม 2022 นี้ และจะเริ่มออกสู่ตลาดทั่วโลก ในเดือนถัดไป โดยจะเริ่มจากตลาดใหญ่ๆ ทั้ง ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป เกาหลีใต้ รวมถึง ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ ตามลำดับ
ขนาดและมิติตัวถัง
Dimension
- ยาว 4,690 มิลลิเมตร
- กว้าง 1,860 มิลลิเมตร
- สูง 1,650 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ Wheelbase 2,850 มิลลิเมตร
- น้ำหนักตัวรถ Gross Weight : 2,195 – 2,275 กิโลกรัม
ดีไซน์ภายนอกนั้น ตัวถังมีเหลี่ยมสันที่ชัดเจน ตกแต่งขอบซุ้มล้อด้วยพลาสติกสีดำขนาดใหญ่ ด้านหน้าโดดเด่นด้วยการออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากฉลาม Hammerhead การตกแต่ง ลดขนาดของช่องกระจังหน้า จากที่ Toyota ชอบใช้ในรถเครื่องสันดาป และด้านท้ายก็มีไฟท้ายที่ลากยาวตลอดแนว
ในส่วนของภายใน Toyota เจาะจงแนวคิด “hands on the wheel, eyes on the road” ในการออกแบบ bZ4X ภายในเน้นความโปรงโล่งสบาย ด้วยการย้ายหน้าจอ Infotainment ไว้ต่ำลง และทำให้มีความบางลง รวมไปถึงการย้ายแผงมาตรวัดแบบ TFT LCD ขนาด 7 นิ้วขึ้นไปไว้ด้านบนแผงหน้าปัด เพื่อให้คนขับไม่ต้องละสายตาลงมาจากถนน
ขุมพลังขับเคลื่อน
Powertrain
bZ4X FWD
ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว (AC synchronous electric generator) พละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 265 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า
ตัวเลขเคลมจากโรงงาน
- อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 8.4 วินาที
- ความเร็วสูงสุด Top Speed ทำได้ 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 500 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP)
bZ4X 4WD
ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว (AC synchronous electric generator) กำลังสูงสุดรวมทั้งระบบ 218 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 336 นิวตันเมตร ค
ตัวเลขเคลมจากโรงงาน
- อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 7.7 วินาที
- ความเร็วสูงสุด Top Speed ทำได้ 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 460 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP)
แบตเตอรี่ของ bZ4X เป็นแบบ Lithium-ion ขนาด 71.4 kWh ที่พัฒนาขึ้นโดยเจาะจงไปที่ความทนทานและการใช้งานในสภาวะทรหด โดย Toyota เคลมว่าแบตเตอรี่ของ bZ4X จะสูญเสียประสิทธิภาพเพียงประมาณ 10% หลังจากใช้งานไปแล้ว 10 ปี หรือ 240,000 กิโลเมตร
ทั้ง 2 รุ่นย่อย รองรับการชาร์จแบบ AC สูงสุด 6.6 kW และการชาร์จแบบ DC สูงสุด 150 kW นั่นทำให้การใช้ Fast Charge อัดประจุจาก 0 – 80% ได้ภายในเวลา 30 นาที
ระบบบังคับเลี้ยว
Steeringwheel
bZ4X เป็นรถยนต์จาก Toyota รุ่นแรก ที่ใช้ระบบบังคับเลี้ยวแบบ One Motion Grip หรือพวงมาลัยไฟฟ้า Steering by Wire ซึ่งไม่มีกลไกเชื่อมต่อจากพวงมาลัยไปถึงล้อโดยตรง สามารถลดองศาการหมุนของพวงมาลัยเหลือเพียง 150 องศา ก็สามารถเลี้ยวได้สุด lock-to-lock อีกทั้งยังสามารถลดแรงสั่นสะเทือนจากผิวถนนได้ และฟีลลิ่งพวงมาลัยก็สามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระมากขึ้นตามโหมดการขับขี่ที่ผู้ขับเลือก
ระบบกันสะเทือน
Suspension
ระบบกันสะเทือน ด้านหน้าเป็นแบบอิสระ Strut-type Coil Spring ด้านหลังเป็นแบบอิสระ Double Wishbone-type Coil Spring
ระบบห้ามล้อ
Brake
ระบบห้ามล้อเป็นดิสก์เบรกแบบมีครีบระบายความร้อน (Ventilated Disc) ทั้ง 4 ล้อ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบ Single Pedal Drive หรือการใช้แป้นคันเร่งในการเพิ่มและลดความเร็ว อาศัยการทำงานของระบบ Regenerative ในการชะลอความเร็วรถได้จนถึงจุดหยุดนิ่ง แบบเดียวกับ e-Pedal ใน Nissan Kicks
ด้านความปลอดภัยมาพร้อมแพกเกจ Toyota Safety Sense เจเนอเรชั่นที่ 3 ผสานการทำงานร่วมกันระหว่างระบบเรดาร์กับกล้อง นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ใหม่ นั่นคือ Pre-Collision System ซึ่งจะตรวจจับรถยนต์หรือยานหนะที่กำลังจะปาดหน้าเราได้รวดเร็วขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้มากขึ้น
สำหรับประเทศไทยนั้น bZ4X มีกำหนดคร่าวๆ ว่าจะถูกสั่งเข้ามาจำหน่ายในบ้านเรา ช่วงปลายปี 2022 นี้ โดยในล็อตแรก อาจจะมีจำนวน ไม่ถึง 100 คัน เพราะต้องมีการแบ่งโควต้า ให้กับตลาดอื่นๆ ในละแวกย่าน ASEAN ด้วย คาดว่า ราคาจำหน่าย รุ่นเริ่มต้น น่าจะอยู่ในช่วงประมาณ 2 ล้านบาท แต่รุ่น Top คาดว่าไม่น่าจะเกิน 3 ล้านบาท
หากมีข้อมูลเพิ่มเติม ทีมงาน Headlightmag.com จะรีบนำมารายงานให้ทราบกันครับ