ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายอดขายรถยนต์นั่งในสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มที่จะลดลงต่อเนื่อง เมื่อสำรวจยอดขายในช่วง 6 เดือนของปี 2018 พบว่า ยอดขายรถขนาด Compact หดตัวลงถึง 11.1% และขนาด SubCompact หดตัวถังลง 20.4% สำหรับรถขนาด Mid-Size ก็มียอดขายลดลงถึง 15% และรถยนต์ขนาด Full-Size มีขนาดลดลง 5.6%

สาเหตุสำคัญคงหนีไม่พ้น ลูกค้าชาวอเมริกันส่วนใหญ่หันไปซื้อรถยนต์อเนกประสงค์กันมากขึ้น โดยไม่เกรงกลัวต่อราคาน้ำมันที่อาจจะผันผวน เพราะรถ SUV-Crossover และรถกระบะรุ่นใหม่ต่างพัฒนาประสิทธิภาพของระบบส่งกำลังให้มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงให้ดีขึ้น

จากอันดับยอดขายรถยนต์นั่ง 20 คันในสหรัฐอเมริกา มีเพียง 3 ผู้นำตลาดรถยนต์นั่ง อย่าง Toyota Camry, Honda Civic และ Nissan Sentra ที่มียอดขายที่เติบโตสวนทางกับตลาดรถยนต์นั่งโดยรวม

ยอดขายรถยนต์นั่ง 20 อันดับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2018 ในสหรัฐอเมริกา

อันดับ 20 : Volkswagen Jetta 33,023 คัน ลดลง 40.5%


อันดับ 19 : Mazda 3 35,796 คัน ลดลง 10.1%


อันดับ 18 : Subaru Impreza 37,814 คัน ลดลง 12.1%


อันดับ 17 : Dodge Charger 41,406 คัน ลดลง 4.0%


อันดับ 16 : Nissan Versa 45,684 คัน ลดลง 19.2%


อันดับ 15 : Toyota Prius 46,171 คัน ลดลง 16.2%


อันดับ 14 : Kia Optima 46,876 คัน ลดลง 21.5%


อันดับ 13 : Hyundai Sonata 54,235 คัน ลดลง 28.9%


อันดับ 12 : Kia Forte 54,400 คัน ลดลง 7.4%


อันดับ 11 : Ford Focus 75,101 คัน ลดลง 9.2%


อันดับ 10 : Chevrolet Malibu 76,417 คัน ลดลง 8.9%


อันดับ 9 : Chevrolet Cruze 77,691 คัน ลดลง 26.1%


อันดับ 8 : Ford Fusion 86,978 คัน ลดลง 18.9%


อันดับ 7 : Hyundai Elantra 99,728 คัน ลดลง 0.5%


อันดับ 6 : Nissan Sentra (Sylphy) 115,676 คัน เติบโต 2.8%


อันดับ 5 : Nissan Altima 123,792 คัน ลดลง 15.4%


อันดับ 4 : Honda Accord 138,290 คัน ลดลง 13.6%


อันดับ 3 : Toyota Corolla 149,805 คัน ลดลง 9.5%


อันดับ 2 : Honda Civic 176,242 คัน เติบโต 0.3%


อันดับ 1 : Toyota Camry 178,795 คัน เติบโต 1.1%

ที่มา : Business Insider