Kia Grand Carnival EX – ราคา 1,928,000 บาท
(ราคา ณ เดือนตุลาคม 2017)
- Likes : แรงระเบิดระเบ้อ ประหยัดสะใจ ช่วงล่างหนึบแต่ไม่แข็งไป ภายในดูดีเมื่อเทียบกับคู่แข่งราคาใกล้กัน คุณภาพการประกอบให้ความรู้สึกหนักแน่น
- Hates : ขาดระบบ Traction Control / ระบบรักษาการทรงตัว ความแพร่หลายของศูนย์ยังไม่เท่าเจ้าตลาด
ครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผมไม่ได้ลองขับรถของ KIA เลย แต่เมื่อได้ขับก็เจอแบบจังๆว่า Power to surprise นั้นเป็นอย่างไร
ถ้าคุณเคยมีภาพติดต่อกับรถของค่ายนี้ตั้งแต่ยุค 90s หรือ ช่วงเปลี่ยนศตวรรษ คุณอาจจะไม่สนใจมันเท่าไหร่ แต่วันเวลาที่ผ่านไปทำให้ KIA กลายเป็นรถเกาหลีที่ดูแล้วคล้ายรถยุโรปมากเข้าไปทุกขณะ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ ซึ่งพวกเขาลงทุนไปดึงตัว Peter Schreyer ผู้ซึ่งเคยทำงานกับ Volkswagen / Audi มาก่อน หรือเรื่องช่วงล่าง ซึ่งไปฉกเอาวิศวกรเยอรมันมาช่วยพัฒนา
ผลที่ได้ก็คือรถ MPV ซึ่งมีหน้าตาภายนอกโดนใจลูกค้าหลายคน มีภายในที่ชวนนึกถึง VW / Audi / Skoda ไม่ว่าจะเป็นการใช้สีสัน หรือ สัมผัสของปุ่มแต่ละปุ่ม มีเพียงเค้าโครงของแดชบอร์ดที่ยังเหลือคราบความเป็นรถเกาหลีอยู่บ้าง และ สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.2 ลิตร 197 แรงม้า กับ เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ที่ทำงานดีตามสั่ง กดเบาๆก็พุ่ง กดเต็มๆมีหลังติดเบาะ ล่อซะจน MPV ครอบครัวตัวหนักๆเร่งพุ่ง ดีดราวกับ C-Segment เครื่อง 1.8 – 2.0 ลิตร
นอกจากนี้แล้ว การเซ็ตช่วงล่างก็ถือว่าทำได้ดีเกินคาด Grand Carnival สามารถวิ่งลัดเลาะไปตามซอย ถนนปูนสภาพแย่ๆ หรือ คลานผ่านลูกระนาดได้ด้วยความหนึบหนุ่มในแบบที่ Hyundai H-1 คงได้แต่ฝันถึง แม้ว่ามันจะยังไม่นิ่มนวลแน่นิ่งราวขนนกน้อยเท่า MPV ไฮโซอย่าง Toyota Vellfire แต่สำหรับรถราคาไม่ถึง 2 ล้านบาท นี่ก็ถือว่าทำได้ดีสุดๆแล้ว
ที่ความเร็วสูง ช่วงล่างยังนิ่ง แน่น และ สามารถหักหลบรถตัดหน้าได้อย่างมั่นใจ นิสัยในเรื่องการทรงตัวของมันนั้นกระเดียดไปทางรถเยอรมันมากกว่ารถ MPV จากเอเชียใดๆ ไม่เว้นแม้แต่ Honda Odyssey ซึ่งถือว่าเป็น MPV ที่มุดคล่องในระดับหนึ่งแล้ว
ในเรื่องของความสะดวกสบาย แม้ว่าตัวรถจะไม่ได้สูงโปร่งแบบพวก H-1 แต่ก็ไม่ได้แย่ไปกว่า Odyssey มีเนื้อที่เหนือศีรษะให้รู้สึกสบายพอ เบาะนั่งตอนหน้าสุด และแถวที่สอง ให้ความสบายได้พอสมควร ส่วนเบาะแถวที่ 3 นั้นจะคล้ายเบาะแถวสองแต่ขาดพนักเท้าแขน ในขณะที่เบาะแถวที่ 4 ควรสงวนไว้ สำหรับคนที่ตัวเล็ก และ ไม่มีปัญหาเรื่องปวดกล้ามเนื้อ…ทางที่ดีใช้เป็นรถโดยสารรองรับ 8 ท่าน จะสบายใจ และ กายกว่า
ถ้าจะให้หาจุดตำหนิในรถคันนี้ ก็คงจะเหลือแค่ระบบความปลอดภัย เพราะ สำหรับรถที่มีเรี่ยวแรงดีอย่างนี้ แถมยังขับทำความเร็วสูงได้มั่นใจมาก มันไม่ควรขาดระบบช่วยรักษาเสถียรภาพการทรงตัว แต่ครั้นจะตำหนิแรงๆ ก็ต้องไม่ลืมว่าคู่แข่งอย่าง Hyundai H-1 (ไม่นับรุ่น Grand Starex) ก็ไม่มีมาให้เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ถ้ามีโอกาส KIA น่าจะพิจารณาใส่มาให้ในเวอร์ชั่นอัปเดตตัวต่อไป หรือ จะทำเป็นรุ่นย่อยสูงขึ้นมาอีกระดับ แพงขึ้นหน่อย แล้วให้ลูกค้าเลือกเองว่าจะซื้อความปลอดภัยหรือเก็บเงินไว้ทำอย่างอื่น
นอกจากนี้ก็อย่าคาดหวังมากจากคุณภาพของเครื่องเสียงติดรถ ซึ่งมีไว้ให้พอฟังแก้เหงา หรือ เปิดหนังให้ลูกๆดู แล้วนั่งนิ่งๆเพื่อเห็นแก่ความสงบของมนุษย์แม่ ซึ่งเรื่องนี้ลูกค้าต้องเอาไปทำต่อเอง คงไม่ใช่เรื่องยาก ส่วนเรื่องศูนย์บริการ และ อนาคตเกี่ยวกับการซ่อมบำรุงนั้น ก็ต้องเข้าใจว่ามันไม่ใช่รถตลาด แม้จะยังไม่มีเคสเรื้อนหรือ Defect รถออกมาให้เห็น แต่ก็ควรพิจารณาถึงความสะดวกเวลาการนำรถไปเข้าเช็คระยะ ส่วนการสต็อคอะไหล่นั้น ทางผู้แทนจำหน่ายเขาก็พยายามปรับปรุงอยู่
เป็นเรื่องที่ต้องคิดและบริหารส่วนได้ส่วนเสียในหัวของเราดูครับ
—-////—-