Toyota Camry 2.5G – 1,589,000THB
Likes: ช่วงล่าง หนึบ พวงมาลัยตอบสนองดีขึ้น ขับสนุกเวลารีบเร่ง อุปกรณ์ไม่น่าเกลียด เบรกดีกว่ารุ่นเดิมมาก
Dislikes: ราคาถูกกว่า 2.5 HV รองท้อปไม่มาก อัตราเร่งในชีวิตจริงไม่ดีเท่ารุ่น Hybrid ขาด Safety Feature เด่นๆของตัวท้อป
ที่ผ่านมา แนวโน้มวิธีการจัดรุ่นและอุปกรณ์ของ Toyota จะบ่งบอกว่ารถไฮบริดจะเป็นลูกสุดท้องคนโปรดคนใหม่ ได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีๆไปหมด กระนั้นหลังจากการเปิดตัว เราก็ยังดีใจที่ Camry 2.5 G พกของเล่นของหล่อติดรถมาไม่น่าเกลียดอย่างที่คิดไว้ตอนแรก คุณได้ซันรูฟ และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วจับคู่กับยาง 235/45 ในขณะที่รุ่น HV Premium ตัวท้อปยังได้ล้อ 215/55 ขอบ 17 หลายคนที่ออกตัวไฮบริดไปก็สั่งล้อนี้มาใส่กัน ก็ไม่แปลก ผมก็แอบรู้สึกว่า 2.5 G หล่อกว่าเพราะล้อ
อย่างไรก็ตาม ลูกคนโปรด (และแพงกว่ากันมาก) อย่าง 2.5 HV Premium ก็มีของเล่นท่วมคัน ไม่ว่าจะเป็นคอพวงมาลัยปรับด้วยไฟฟ้า เบาะหลังปรับเอนด้วยไฟฟ้า ระบบนำทาง ชุดจอกลางขนาดโตกว่า เครื่องเสียง JBL และชุดปิ่นโตความปลอดภัย Toyota Safety Sense หรือแม้กระทั่งรุ่น 2.5 HV ไฮบริดตัวรองที่แพงกว่า 2.5 G แค่ 50,000 บาทก็ยังมีไฟหน้า LED 3 แถบ ไฟท้าย Full LED มีพวงมาลัยปรับไฟฟ้าเหมือนกัน และรถไฮบริดจะได้เบาะหนังที่ใช้หนังสัมผัสนุ่มกว่า
ส่วนเรื่องห้องโดยสารและความสะดวกสบายในภาพรวม เกือบจะเหมือนกัน เรื่องความหรูหราอลังการ ถ้าเทียบกับรุ่นเก่าที่เป็น 2.5 G ก็ดูเหมือนจะลดลงนิดหน่อย แต่ก็ยังดูมีความหรูหรากว่า 2.5 ESPORT เวอร์ชั่นออสเตรเลียที่หาความแพงแทบไม่ได้ เบาะหน้านั่งสบาย พนักพิงศีรษะจะดันหัวนิดๆ (ผมไม่ชอบ แต่หลายคนบอกว่าพอได้) เบาะหลังนั้นมีตัวเบาะที่สบายดีอยู่ แต่พื้นที่เหนือศีรษะจะน้อยลงกว่ารุ่นเก่าอยู่บ้าง และก็ขอบคุณ Toyota ที่ให้ม่านกันแดดเบาะหลังมา แต่ทำไมไม่ทำสวิตช์ให้หาง่ายๆ ต้องเข้าไปสั่งจากฟังก์ชั่นบนจอ MID ในหน้าปัดว่าจะเปิดหรือปิด..ทำเรื่องง่ายให้ยากใช่เหตุ
เรื่องการเก็บเสียง ยังถือว่าไม่เด่นนัก เสียงลมจากกระจกบานหน้ากับจากผนังห้องเครื่องน่ะเงียบ แต่เสียงใต้ท้องไม่ได้เงียบแบบ Lexus แน่นอน (อันที่จริง Camry ที่ได้ทดสอบ 4 คัน เสียงใต้ท้องก็ดังไม่เท่ากัน อาจเกิดจากยาง สภาพยาง แบตเตอรี่ที่ขวางเสียงไว้ส่วนหนึ่ง) เสียงจากขอบประตูก็ยังมีลมกรีดฟีดฟิ้วเข้ามาบ้างหลัง 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
มาเรื่องการขับขี่กันบ้าง สำหรับคนที่มองเห็นสเป็คว่ามี 209 แรงม้า แถมยังมีเกียร์อัตโนมัติ จังหวะ หลายคนคงยิ้มแล้วบอกกับตัวเองว่าคุณได้สปอร์ตซาลูนชั้นยอดแล้วละเว้ย แถมน้ำหนักตัวยังเบากว่ารุ่นไฮบริดอยู่ 100 กิโลกรัมพอดีอีกด้วย แต่เมื่อลองจับเวลาออกมา 0-100 กับ 80-120 แทบไม่หนีจากรุ่นเดิม ช้ากว่ากันเป็นเสี้ยววินาที เพราะล้อและยางมันโตกว่ารุ่นเก่าแบบคนละเรื่อง
สิ่งที่ประหลาดใจอีกอย่างคือพละกำลังช่วงรอบต่ำและกลางดูไม่ค่อยกระปรี้กระเปร่า อัตราทดเกียร์ 8 จังหวะ ก็เหมือนเอา 6 จังหวะลูกเดิมมาเพิ่มโคตรพ่อโคตรน้า Overdrive เข้าไปแทนที่จะเรียงเกียร์ 1-6 ให้จัดขึ้นแล้วเอา 7-8 ไว้เดินทางไกล ช่วงเกียร์ 1-2 ที่ความลึกคันเร่งบางระดับแบบจะไปก็ไม่ไป เหมือนเกียร์จะเปลี่ยนแล้วเหมือนมีอาการวูบ อัตราเร่งโดยรวมตั้งแต่ออกตัวไปจนถึง 160 รุ่น Hybrid กินขาด
คุณอาจจะกดโหมด SPORT เพื่อเรียกการตอบสนองคันเร่งได้ และจะช่วยให้เร่ง 80-120 ได้เร็วขึ้น 0.35-0.4 วินาที เพราะในโหมด Normal กดมิดเท้าที่ 80 รถจะเลือกเกียร์ 3 ในขณะที่โหมด Sport จะเลือกเกียร์ 2 ถ้ามีโหมดนี้ช่วยก็พอจะไล่ตาม Hybrid ได้ดีขึ้นแต่ไม่มีทางแซงได้อยู่ดีล่ะ
อย่างไรก็ตาม เครื่องยนต์ 2.5 ลิตรรุ่นใหม่ดูจะชอบการเล่นรอบเป็นหนักหนา เมื่อขับแบบรีบๆ กลับยิ่งสนุก มัน Happy ที่จะดีดผ่าน 5,000 ไป 6,000 อย่างลื่นอุรา ยิ่งพอบี้คันเร่งคาไว้หลัง 140 ไป ปลายไหลดีกว่าที่คาดมาก ที่หลัก 1.7 กิโลเมตรได้ความเร็วมา 210 ในที่ที่ Civic RS ได้ 203 และ 320d F30 ได้ประมาณ 205 ..ผมยังประหลาดใจ ว่าทำไมไหลดีทั้งๆที่ตีนต้นกับช่วงกลางไม่ได้น่าตื่นตาตื่นใจอะไร
เกียร์ตอบสนองได้ไว เล่น Paddle ก็ได้ความสนุกอีกแบบ น้ำหนักที่เบากว่ารุ่น Hybrid บวกกับยางที่กว้างกว่า 20 มิลลิเมตรทำให้มันยิงเข้าออกโค้งได้อย่างสนุกสนานเป็นธรรมชาติ ช่วงล่างของ Camry รุ่นนี้ อาจจะสะเทือนกว่าเจนเนอเรชั่นก่อน แต่ก็ไม่กระด้างเท่า 2.5 ESPORT แล้วยังรักษาอาการโคลงรวมถึงการยึดเกาะได้ดี
ไม่เคยมี Camry สเป็คไทยรุ่นไหนเลยตั้งแต่ปี 1993 ที่ผมเล่นโค้งแล้วจะยิ้มได้กว้างเท่านี้…ยกเว้น Camry ที่เจ้าของไปโมฯช่วงล่างมา แต่สำหรับคนเฒ่าคนแก่อาจจะมองว่ามันสะเทือนไปบ้าง Camry 2.5 G ยังมีอาการสะเทือนปึ้กปั้กแบบรถญี่ปุ่นโช้คแข็งเมื่อเจอปูดใหญ่ๆบนถนนอยู่
แป้นเบรก มีระยะเหยียบสั้น มีน้ำหนักกำลังดี ช่วยให้สามารถควบคุมแรงในการเบรกได้ง่าย ระยะฟรีไม่มาก และทำงานหนักได้มากกว่ารุ่นเก่า ควบคุมได้ง่ายกว่าและดีกว่ารุ่น Hybrid พวงมาลัยหนักขึ้นกว่ารุ่น Hybrid ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากหน้ายางที่กว้างขึ้น
แต่ไหนแต่ไรมา Camry ในไทยไม่เคยทำตัวเป็นรถสำหรับนักขับ ถ้าจะเอาแรงทางตรงก็มีแต่รุ่นเก่าๆ 3.5 Q V6 ที่แรงระเบิดแต่ช่วงล่างน่ากลัว Camry 2.5 G ตัวใหม่นี้ อาจไม่แรงแบบ 3.5 Q ในอดีต แต่อย่างน้อย ช่วงล่าง พวงมาลัย และเบรก ทำงานประสานกันจนผมรู้สึกมั่นใจที่จะขับและสนุกไปกับมัน อย่างที่บอกไว้ว่าเป็น Camry ที่ขับแล้วยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่เคยเจอมา
ถ้าให้เทียบกับคู่แข่ง Camry 2.5 G จะมีความเด่นตรงที่ ราคาถูกกว่า Teana 2.5 ช่วงล่าง เมื่อก่อน Nissan นำหลายป้าย แต่ ณ บัดนนี้ใกล้เคียงกันมากขึ้น เหลือแค่ฟีลแน่นแบบยุโรปเอาโต้บาห์นที่ Nissan ยังนำอยู่ แต่ในโลกที่คนแอนตี้ CVT เกียร์ 8 จังหวะของ Camry ก็ตีคะแนนขึ้นมาได้เหมือนกัน Teana ยังเสียเปรียบจากการที่เปิดตัวขายมาตั้งแต่ปี 2013 แม้จะไมเนอร์เชนจ์แล้ว ในขณะที่ Camry เป็นปลาสดเพิ่งขึ้นจากน้ำได้ไม่นาน
ส่วน Accord นั้น รอผมขับแล้วเทียบอีกที เพราะ ณ เวลาที่ออกบทความนี้ ผมยังไม่ได้ลองขับของจริงบนถนน แล้วดูว่า 190 แรงม้า CVT+Turbo กับ 2.5 NA 209 แรงม้า+8 จังหวะ พอไปขับจริงแล้วใครจะกินใคร เบื้องต้น Accord เหมือนเสือซุ่มรอดูการตั้งราคาของ Camry 2.5 G แล้วก็ทำราคา Accord 1.5 Turbo ออกมาถูกกว่าเป็นแสน แต่ในด้านออพชั่นติดรถ Camry ก็ดูจะเด่นกว่าเช่นกัน
สำหรับคนที่คิดไว้แล้วว่าจะเป็นสาวก Toyota แน่นอน แต่เลือกไม่ถูกว่า 2.0 G/ 2.5 G/ 2.5 HV/ 2.5 HV Premium จะเลือกรุ่นไหน ผมสรุปให้สั้นๆดังนี้ครับ
- อยากได้รถใหญ่ นั่งนุ่ม ไม่เน้นแรง ใช้งานทั่วไป กลัวรถไฮบริด เชิญไป 2.0 G แต่เข้าโค้งก็เบาๆหน่อยเพราะยางมันหนา
- อยากได้รถใหญ่ สะเทือนได้ ชอบแอบซิ่งเวลาเมียเผลอ เอ็นจอยกับทางโค้ง ชอบขับรถไกล ไป 2.5 G
- ชอบรถกดแล้วพุ่งดี แต่ดันอยากประหยัดน้ำมัน ขับตรงๆเร็ว แต่ไม่ได้เล่นโค้งแบบยางร้องประจำ ไป 2.5 HV
- สายบอสใหญ่ นั่งหลัง ต้องการความสบายจากเบาะหลังเอนได้ หรือสายเน้น Safety และความหรูสุดๆ ไป 2.5 HV Premium