Mercedes-Benz C 300 e Avantgarde – 2,599,000 THB
Likes: พลังมหาศาล ตีนต้นวิ่งไปกับ C43 (รุ่น 367 แรงม้า) วิ่ง EV Mode ได้ไกลขึ้นกว่า C 350 e และการไม่มีช่วงล่างถุงลมไม่ได้แย่อย่างที่คิด
Dislikes: ไม่น่าสนถ้าไม่ได้ราคาหลังไมค์ดีๆ อุปกรณ์ติดรถน้อยไป ไม่มี Keyless Go และรุ่น AMG Sport แพงกว่าแสนเดียวแต่หล่อกว่า ครบกว่า
จั่วหัวมาแบบนี้อาจจะเรียกแขก แต่มันคือสิ่งที่นาฬิกาจับเวลาบอก เพราะ C 300 e หน้าตาเรียบร้อยราวนักศึกษาเสื้อใส่ในกางเกงกับรองเท้าหนังนี้ สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 ได้ภายใน 5.5 วินาที หมายถึงอะไร? จะบอกให้ว่าตอนผมลองขับ AMG C43 โฉมแรก 367 แรงม้า ผมก็ได้ตัวเลขประมาณนี้ หรืออะไรก็ตามที่คุณคิดว่าแรงแน่ เจ๋งแน่..โดนปราบได้ง่ายๆ CLA 35 ถ้าไม่ใช้ Launch Mode ก็ไม่รอด หรือแม้กระทั่ง Volvo V60 T8 ที่ผมทดสอบไปแล้วนั้น ก็หนี 320 แรงม้าของ C 300 e ไม่ออก ส่วน 330e G20 นั้น ไม่ต้องสืบครับ รอบนี้ไม่มีโชค เบนซ์นำตั้งแต่ออกตัวจนถึงตีนปลาย
มันคือความซาดิสก์แบบที่ผมตะลึงตั้งแต่สมัยทดลองขับ C 300 e AMG Dynamic เมื่อปี 2019 และเจ้า Avantgarde คันนี้ก็ช่วยคอนเฟิร์มว่านั่นไม่ใช่ฟลุค..เมื่อใส่โหมด Sport + แล้วกระทืบคันเร่งเต็ม คุณต้องพึ่งดวงกับพื้นถนน ถ้าเป็นพื้นแห้งแรงยึดเกาะดี C 300 e จะดึงคุณหลังติดเบาะแล้วพุ่งออกไปราวธนู แต่ถ้าถนนมีความเปียกลื่น หรือฝุ่นคลุม C 300 e จะส่ายตูดหันหน้าออกขวาจนต้องแก้พวงมาลัย เป็นสิ่งที่คล้ายกับการดีดออกของรถ V8 บล็อคโตๆเลยทีเดียว
แต่อย่าเพิ่งดีใจไป..เพราะ C 300 e ก็เหมือนรถปลั๊กส่วนใหญ่ที่จะลดพลังลงตามความเร็วที่สูงขึ้น คุณอาจจะไล่ Performance Car ตัวแสบๆได้ แต่ก็ถึงแค่ 140-150 เพราะหลังจากนั้นไป มันก็จะเริ่มลดพลังลง ดังนั้นไม่ใช่รถซิ่งสายระยะไกล แต่ผมเชื่อว่าคุ้มกับส่วนที่เสียไป เพราะการเป็นรถถ่านมีปลั๊ก คุณจึงสามารถเสียบชาร์จได้ วิ่งด้วย EV Mode ได้ไกล 28 กิโลเมตรในชีวิตจริงจากขนาดแบตเตอรี่ที่โตขึ้นกว่าของ C 350 e ดังนั้นในการขับใช้งานของคนส่วนใหญ่ คุณอาจไม่ต้องสตาร์ทเครื่องเบนซินเลยเป็นสัปดาห์ ไม่เหมือน C 350 e ที่อาจจะต้องพึ่งพาเครื่องบ้างถ้าวิ่งเกิน 20 กิโลเมตร แต่เรื่องระยะทางวิ่ง EV ต้องยอมยกให้ 330e เขา เพราะแม้แบตเตอรี่จะจุพอๆกัน แต่ BMW วิ่ง EV Mode ได้ไกลกว่ากันคนละเรื่อง..เจ้านั่นผมขับ 24 กิโลเมตร แบตเพิ่งลดลงไปแค่ 50%
หลายคนอาจได้เห็นภาพ C 350 e ตัวรถยู่ติดพื้นเพราะถุงลมพังกันมาบ้างแล้ว บางท่านอาจจะดีใจที่รู้ว่า C 300 e นี้ กลับมาใช้ช่วงล่างแบบสปริงเหล็กกับโช้คอัพธรรมดา ซึ่งในการใช้งานทั่วไป มันก็ไม่เลวเลย ความนุ่มนวลอาจไม่เท่า C 350 e ช่วงล่างถุงลมในโหมด Comfort แต่มันก็นุ่มกว่า 330 e ที่เป็นช่วงล่าง Adaptive และนุ่มกว่า Volvo V60 (ขอเทียบเป็น V60 เนื่องจากยังไม่ได้ลองขับ S60) เป็นช่วงล่างแบบที่พาพ่อตาแม่ยายนั่งรถไปทานข้าวแล้วไม่โดนด่า วิ่งทางตรง นิ่งและแน่นแบบเยอรมันฟีล ในการขับแบบปกตินั้นคุณอาจไม่คิดถึงช่วงล่างถุงลมอีกเลยก็ได้
แต่ถ้าเล่นบทบู๊ขึ้นมา ขอให้ระวัง ผมพูดง่ายๆว่า C 300 e นั้น มีช่วงล่างที่เหมือนกับเซ็ตมารับพลัง 190-211 แรงม้า แต่มันดันมีพลัง 320 แรงม้า รถจะพาคุณไปถึงความเร็วที่คุณตั้งตัวรับไม่ทันได้ง่ายกว่าที่คิด บวกกับบาลานซ์ของรถที่ต้องแบกน้ำหนักแบตเตอรี่ด้านหลัง โยนโค้งแรงมากๆแล้วท้ายจะกวาดออกมาก ต้องภาวนาอย่าให้เจอฝุ่นหรือถนนลื่น ไม่งั้น ESP ก็เอาไม่อยู่ครับ ฝึกใช้พวงมาลัยให้เป็น หักเลี้ยวให้พอดีกับการหลบหลีกอุปสรรคน่าจะช่วยได้ บาลานซ์ของรถในโค้งเทียบกับ 330e แล้วยังสู้ BMW ไม่ได้ เจ้านั้น สนุก..เจ้านี้..เสียว มันเหมือนลูกระเบิดที่ต้องคอยถืออย่างให้ความเคารพ เว้นเสียแต่ว่าคุณขับรถดริฟท์เป็นอาชีพก็คงไม่มีปัญหาอะไร
ปัญหาอีกอย่างของการเป็น Avantgarde คือการตัดอุปกรณ์จนบางอย่างก็รู้สึกว่าตัดแบบไม่มองหน้าคนซื้อก่อนเอาออก รถราคาสองล้านกลาง แต่ยังต้องกดรีโมทก่อนเข้ารถเพื่อปลดล็อค..เหมือน A200 AMG Dynamic นั่นล่ะ ผมว่าเป็นสิ่งที่ไม่น่าเจอแล้วในรถราคาระดับนี้ หรือถ้าบอกว่าคิดจะจับลูกค้ากลุ่มอายุสูง ไม่สนออพชั่น ผมว่าไม่ใช่ นอกจากนี้ การให้เบาะไฟฟ้ามา ก็ดีอยู่ แต่ควรจะมีระบบความจำตำแหน่งเบาะมาให้ มีแค่ด้านคนขับก็ได้ครับ ขอแค่นั้น ระบบไฟสูงอัตโนมัติที่ C-Class รุ่นอื่นๆมีหมด C 300 e Avantgarde เป็นรุ่นเดียวที่ไม่มี
ดังนั้น ผมไม่ค่อยแปลกใจเลยถ้าเบนซ์จะเปิดตัวรุ่นย่อย C 300 e AMG Sport มา แม้ผมจะยังไม่ได้ลองขับ แต่ดูราคาที่แพงกว่ากันแค่แสนบาท แต่คุณได้ทุกอย่างที่รถพรีเมียมระดับนี้ควรมี ระบบความจำตำแหน่งเบาะ เชื่อมกับคอพวงมาลัยปรับไฟฟ้า มี Keyless Go มีชุดแต่งสไตล์ AMG มาให้ แล้วยังได้หน้าปัด TFT จอสีใหญ่ และกล้อง 360 องศามาอีก…ถ้าผมซื้อเอง ผมก็ไป AMG Sport ครับ เว้นเสียแต่ว่า ราคาที่ปล่อยออกจริงๆที่โชว์รูมมันจะต่างกันมากกว่านี้ เช่น ถ้าหาก Avantgarde ได้ส่วนลดเหลือสัก 2.2 ล้านบาท แล้ว AMG Sport ยังลดได้มากสุดเหลือ 2.5 ล้านบาท แบบนี้ Avantgarde จะดูคุ้มกว่า แต่ถ้าท้ายสุดออกมาต่างกันไม่เกิน 150,000 บาท AMG Sport เป็นคำตอบที่ดีกว่าแน่นอน
ส่วนถ้าคุณจะเทียบกับยี่ห้ออื่น ในงบใกล้เคียงกัน คุณมี Volvo S60T8 ซึ่งได้ออพชั่นลั่นอย่างครบในราคาใกล้เคียงกัน มีม้า 407 ตัว แต่วิ่งจริงอาจไม่ต่างกันอย่างที่คิด ส่วน 330e ยังไม่มีรุ่นย่อยอื่นนอกจาก M Sport ดังนั้นคุณลงเอยจ่ายมาก ได้ของเล่นมาก ได้การบังคับควบคุมที่ดีกว่า แต่ถ้าคุณอยากได้รถแดร็กพันธุ์โหดโดดไล่รถสปอร์ต ที่มีอาการตอบสนองแบบรถขับหลัง มีแรงที่ชนะช่วงล่าง เหมือนรถอเมริกันยุค 60-70s ให้คุณเลือกเองว่าจะอยู่หรือจะไป ตามศรัทธาและฝีมือ แล้วเคลือบทั้งหมดนี้เอาไว้ด้วยความเรียบร้อย ดู Minimalism (และออพชั่นก็ Minimalism) แบบนั้น C 300 e Avantgarde คือ Sleeper ในแบบที่คุณต้องการครับ