Audi RS 5 Coupe quattro
5,990,000 THB
Likes: ขับเหมือน RS 4 90% บุคลิกซุกซนกว่านิดๆ ขับมั่นแต่สะใจ ขับไกลก็ไม่สะเทือนเกิน ได้รถคลาสเดียวกับ M4 กับ C 63 ในราคาที่ถูกกว่า
Dislikes: ม้าไม่เยอะเท่า M4 กับ C 63 ขาดความสนุกขนลุกแบบรถขับหลัง อุปกรณ์ด้านเซฟตี้บางจุดยังขาดอยู่ เช่นเดียวกับ RS 4 และแพงกว่า RS 4
สีเทา เป็นแมวของชูใจ ใครเข้าใจก็แปลว่าอายุไม่น้อยแล้ว แต่เจ้าสีเทาคันที่เป็นหัวเรื่องของเราในวันนี้ มาด้วยอารมณ์ต่างกัน ไม่มีเสียงเหมียวเหมียวจาก Audi คันนี้ มีแต่เสียงขู่ คำราม ที่ผสานความหวานเน้นๆแบบนมข้นคาร์เนชั่น เข้ากับความดุแบบไอ้เสือออกศึก ผมนั้นนับถือความไพเราะจากเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง เหนือเครื่องแบบ V6 มาโดยตลอด แต่ก็ต้องยอมรับว่าเครื่องยนต์ 2.9 ลิตรพ่วงหอยมาเป็นคู่ 450 แรงม้าในรถคันนี้ ร้องเพลงได้ถูกคีย์ ถูกใจผมชะมัด
ขุมพลังที่เกิดจากความร่วมมือของ Porsche และ Audi นี้ ไม่ได้ดีแต่เสียงเท่านั้น ในงบหกล้านบาท ถ้าไม่นับ EV ตัวโหดทั้งหลาย มีรถน้อยคันมากที่จะถีบคุณติดเบาะได้หนักเท่า RS 5 อัตราเร่ง 0-100 ไม่ต้องใส่ Launch Mode ก็ตอกหลัก 4.9 วินาทีได้แม้อากาศจะร้อนแบบไทยๆตอนกลางวัน และแช่คันเร่งค้างต่ออีก 10 วินาทีเศษๆ RS 5 ก็แหวกอากาศผ่าน 200 kmh ไปแล้ว มันเป็นสมุนซาตานที่ใช้ความเร็วราวยาเสพย์ติด จะไต่ความเร็วระดับหาพระแสง..เพียงกดคันเร่ง มันก็ไปถึงจุดนั้นอย่างง่ายดาย แรงดึงอาจจะไม่จุกจนอยากได้อีโนแบบรถ EV แต่มันเป็นแรงดึงคลาสสิคแบบรถเทอร์โบชั้นดีที่มาแบบไม่หยุดหย่อนจนกระทั่งกล่องตัด
มรดกดีงามที่เหมือนกับ RS 4 Avant อีกประการคือ นิสัยเครื่องยนต์ที่สามารถเป็นได้ทั้งเสือร้ายหรือหมีใหญ่ใจดี แล้วแต่ว่าคุณเหยียบคันเร่งมากขนาดไหน เกียร์ Tiptronic ทำงานดีจนผมคิดว่าในรถระดับนี้ เราไม่จำเป็นต้องง้อเกียร์คลัตช์คู่ให้เปลืองต้นทุนกันอีกต่อไป เกียร์เองก็มีนิสัยเหมือนเครื่องยนต์ที่รองรับทุกบทบาทการขับ ทำให้คุณสามารถใช้รถคันนี้ได้ทุกวันโดยไม่เหนื่อยล้า ตรงกับแนวคิด Performance Car for Every Day ของรถตระกูล RS
นิสัยของมันเหมือน RS 4 มากระดับ 85-90% แต่ไอ้ส่วนที่มันต่างกัน ก็คือ อัตราเร่งช่วงปลายของ RS 5 ไหลขึ้นเร็วกว่า RS 4 อยู่เล็กน้อย (0-200 ต่างกัน 0.6 วินาที หรือประมาณนั้น) ช่วงล่างหลังแข็งสะเทือนกว่าเล็กน้อย รวมถึงคาแร็คเตอร์การตอบสนองของรถที่ RS 5 จะใส่ความดุ๊กดิ๊กเข้าไปมากขึ้น ในขณะที่ RS 4 จะพยายามอยู่กับร่องจ้องกับรอย เป็นเด็กดีมากกว่า การจะทำ RS 4 ให้ท้ายออกในโค้งนั้นยากกว่า RS 5 ซึ่งสามารถตบคันเร่งสะบัดพวงมาลัยส่งได้ ซึ่งแปลกดีว่าทั้งๆที่ท้ายรถของ RS 4 น่าจะยาวและหนักกว่า
แต่ที่พูดถึงนี่คือความต่าง 10-15% เท่านั้นนะครับ บุคลิกในภาพรวมของรถทั้งสองคัน ยังเหมือนกันเกือบเป๊ะ ช่วงล่าง RS Sports Tuning ไม่มีระบบปรับความหนืดใดๆเหมือนกัน เป็นรถสไตล์ Performance ที่ไม่กระแทกกระทั้นดีดเด้งบ้าบอเหมือนกัน เกาะถนนดีเกือบจะเหมือนกัน ซึ่งผมก็จะพูดเหมือนกันว่า..คุณลูกค้าต้องรู้ตัวเองนะว่าชอบแบบไหน ถ้าคุณชอบรถสะบัดสะบิ้งซิ่งแล้วซน สนุก อยากเห็นควันยางเยอะๆ แบบนั้น ยังไงรถขับหลังของคู่แข่งก็ตอบโจทย์ได้ดีกว่า สำหรับผมเอง ถ้าสมมติว่ามีคนยื่นกุญแจให้แล้วบอกว่า พังไม่ต้องจ่าย ให้ขับในสนามแข่งได้ตามสบาย ผมก็คงเลือก M4 หรือ C 63 มากกว่า Audi แต่ถ้าเป็นบนถนนในวันฝนตก คำตอบจะกลับกัน
ในด้านการใช้งาน RS 5 มีบอดี้ที่เตี้ยกว่า แต่การเข้าไปนั่งเบาะหน้า หากคุณสวิงเปิดประตูได้สุด จะกลายเป็นว่าเข้าไปนั่งง่ายกว่า RS 4 เสียอีกเพราะประตูมันยาว มีช่องให้ตวัดขาเข้าได้ง่ายมาก ขนาดผมในวันที่ขาซ้ายไม่ปกติก็ยังขึ้นรถได้ไม่ต้องร้องเรียกแม่ให้ช่วยอุ้มขึ้น แผงแดชบอร์ด การจัดวางจอและสวิตช์ต่างๆ เหมือนกับ RS 4 รวมถึงวัสดุตกแต่งคาร์บอนด้านๆที่โดยส่วนตัวผมรู้สึกว่าแบบเงาจะทำให้ภายในรถดูอลังการขึ้น Audi ไม่ได้เน้นแสงสีเสียงมากแบบ Mercedes-AMG ดังนั้นบรรยากาศห้องโดยสารตอนกลางคืน จึงไม่ Cozy เท่า อุปกรณ์หลายอย่าง ก็ขาดก็ของที่เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่นกล้องรอบคัน Cruise Control แบบปรับความเร็วตามรถคันหน้าอัตโนมัติ ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ เป็นต้น ซึ่งของเหล่านี้ คุณจะพบได้ใน BMW M4
การตัดอุปกรณ์บางตัวนั้นก็มีส่วนทำให้ราคาของรถถูกกว่าคู่แข่งเยอรมันด้วยกันหลายล้านบาท นี่คือส่วนได้ส่วนเสียที่ลูกค้าจะเป็นผู้ตัดสินว่ามัน “ใช่” สำหรับเขาหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ความต่างของ RS 5 เมื่อเทียบกับ RS 4 ในแง่สมรรถนะการขับ และอุปกรณ์นั้น น้อยมากจนผมสามารถพูดได้ว่า คุณชอบเปลือกนอกแบบไหน ชอบพื้นที่ท้ายรถแบบไหน ก็เลือกตามใจได้เลย ส่วนตัวผม ถ้าให้เลือก ผมก็ยังจะเลือก RS 4 Avant เพราะชอบความเป็นรถหน้าตาพ่อบ้านแวก้อนที่สามารถวิ่งไล่เล่นกับตัวแสบคันอื่นได้สนุกสนาน แต่ถ้าใครชอบ RS 5 มากกว่า ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะแม้ RS 4 จะขายดีกว่าในช่วงแรกๆ แต่ในปี 2021 จู่ๆ RS 5 กลับทำยอดขายตีขึ้นมาจนแทบจะเท่ากับ RS 4 แล้ว
แต่ไม่ว่าคุณจะชอบ พ่อบ้านพันธุ์โหด หรือหนุ่มโสดพร้อมรบ รถทั้งสองคันนี้ก็วางตำแหน่งตัวเองลงในโลกของ Performance Car ได้อย่างลงตัว ด้วยดีกรีและระดับคลาสที่เท่า C 63/M4 อัตราเร่ง แรง เร็วกว่า C 43/ M340i ในขณะที่ราคาก็ค่อนไปทาง C 43/ M340i มากกว่า ดังนั้น ต่อให้ออพชั่นขาดๆไปบ้าง ยอดจองที่เข้ามา ก็ยังยาวจน Audi เองก็ยิ้มได้ทั้งวัน