MG ZS EV – 1,190,000 THB
Likes : แรงดี กระทืบเป็นมา ราคาเป็นต่อ รูปหล่อใช้ได้ ของติดกายไม่น่าเกลียด
Dislikes : เบรกไหลต้องอาศัยความชิน ความแรงเกินช่วงล่างรถ และ QC สไตล์ MG
MG ZS EV น่าจะนับได้ว่า เป็นรถที่เปิดประตูให้คนไทยเข้ามาเมียงมองแมวดมสังคมรถถ่านไร้ไอเสียได้อย่างแท้จริง ด้วยราคาที่เปิดมา 1,190,000 บาท ซึ่งต่ำกว่าที่ตัวผมเองคาดเอาไว้หลายแสน ก็ไม่แปลกเลยที่จะทำให้มันเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบวิ่งถนนหลวงได้ และนั่งได้ 4-5 คนจริงจัง ที่มียอดขายดีที่สุดในปี 2019 ที่ผ่านมา
ถ้ามองแบบไม่อคติ ผมคิดว่าการนำขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า 150 แรงม้า/ 350 นิวตันเมตร ช่วยแก้ปัญหาเรื่องการสนองเดชแรงจีให้กับรถอย่าง ZS ซึ่งในรุ่นเบนซินนั้น มีทุกอย่างให้คุ้มกับราคา ทว่าขาดแค่พลังเร่งแซงเวลาเดินทางไกล ใน ZS EV นี้ซาร่าห์จะประทับใจ เพราะทันทีที่ตอกคันเร่ง รถดีดออกไปราวแมวกระโจนหนีเสียงประทัด 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตามโหมดทดสอบของเว็บ จบที่ 8.4 วินาที และ 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง จบที่ 6.37 วินาที ภายใต้เพดานความเร็วที่กฎหมายกำหนด คุณจะดูดตามรถญี่ปุ่น C-Segment เทอร์โบราคาล้านต้นเล่นๆก็ยังได้ ความเร็วสูงสุด 155 กิโลเมตร/ชั่วโมง บางคนบอกว่าน้อย แต่ส่วนตัวผม สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ดูก็รู้ว่าทำมาเน้นการขับในเมือง ได้ตัวเลขระดับนี้ ผมรับได้
อย่างไรก็ตาม คุณควรนึกเอาไว้ด้วยว่า มันคือแชสซีส์เดียวกับ ZS รุ่น 1.5 ที่ต้องแบกน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีก 270 กิโลกรัมโดยประมาณ แม้ว่าน้ำหนักที่เพิ่มมาจะไปกระจุกอยู่ที่ใต้ท้องรถ แต่เวลาเลี้ยวหรือหักหลบแรงๆ ก็ยังสามารถรู้สึกได้ว่าน้ำหนักที่เพิ่มมา มีส่วนทำให้รถเปลี่ยนทิศทางได้ยากขึ้น สำหรับนักขับที่มองเข็มความเร็วประจำ มันอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ และบางคนอาจจะบอกว่า รถประเภทนี้ไม่มีใครเขาเอามาซิ่งกันหรอก แต่บางคนที่ขับแบบใจร้อน ไม่ดูเลขความเร็ว ความที่ ZS EV มีแรงถีบดี ความเร็วไหลแบบไม่รู้ตัวแม้จะกดคันเร่งไม่ลึก ทำให้บางครั้งคุณมาถึงโค้งเร็วกว่าที่ตั้งใจเอาไว้ ขอให้ระวังในจุดนี้
ตำแหน่งแบตเตอรี่ แขวนไว้ใต้ท้องด้านนอกรถ ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะอยู่ภายในรถ ถ้าหากไปเจอลูกระนาดใหญ่บ้านบึ้มแล้วไม่ระวังชะลอความเร็วให้เพียงพอ ก็อาจมีโอกาสทำให้แบตเตอรี่เสียหายได้ ตรงนี้ก็ต้องระวัง โดยเฉพาะคนขับรถใต้ท้องสูงจนชิน มักจะนึกว่าเขาสามารถเอาชนะลูกระนาดทุกลูกในกทม.ด้วยความเร็ว 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง
แต่ในการขับแบบปกติ มันก็จะเหมือนกับ ZS 1.5 ที่บรรทุกเต็มคัน เวลาวิ่งผ่านลูกระนาดหรือสันถนนคมๆในซอย ความสะเทือนที่ส่งเข้ามาจะมากกว่า ZS 1.5 เรียกได้ว่ามีความตึงตังมากกว่า แต่เวลาวิ่งบนมอเตอร์เวย์ 90-130 กลับรู้สึกว่ารถวิ่งนิ่งกว่ารุ่นเบนซิน ซึ่งอาจจะเป็นผลมาจากน้ำหนักที่ช่วยกดตัวถังเอาไว้ พวงมาลัยจะออกแนวไว แต่ไม่ถึงกับเกร็งประสาทเวลาขับ จะมีก็แต่เบรก ซึ่งพอเหยียบน้อยไป ก็จะแอบไหลตอนก่อนหยุด พอเหยียบมากไปนิดเดียว ก็หน้าทิ่ม ผมขับช่วงแรกๆก็เบรกทิ่มเหมือนมือใหม่ ต้องอาศัยเวลาปรับความชินเท้าพอสมควร ในเรื่องการเซ็ตแป้นเบรก ผมรู้สึกว่ารถยนต์ไฟฟ้าของคู่แข่งจากญี่ปุ่นและเกาหลี ยังทำได้ดีกว่า
พิสัยการวิ่ง ตามสเป็คระบุไว้ 337 กิโลเมตร ตามโหมดทดสอบ NEDC ซึ่งค่อนข้างใจดีกับบริษัทรถ ถ้าลองนำมาวิ่งจริงๆ อาจจะเหลือ 260-280 กิโลเมตร และถ้าหากจำเป็นต้องวางแผนเพื่อการเดินทางไกล เผื่อตัวเลขไว้สักหน่อย หาจุดชาร์จระหว่างทางทุกๆ 230 กิโลเมตร หากทำได้ ผมว่าไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นผม ผมเก็บ ZS EV ไว้ขับใช้งานชีวิตประจำวัน เวลาไปเที่ยวทางไกล เช่ารถเบนซินหรือดีเซลวิ่ง หรือขโมยรถเพื่อนไปใช้ดูจะง่ายกับชีวิตมากกว่า
เรื่องความสบายในห้องโดยสาร ZS EV ก็คือ ZS คันนึง..ที่มีเบาะหน้านั่งสบาย ผมชอบพนักพิงศีรษะที่ไม่ดันกบาลมากเกินไป ตัวเบาะนุ่มแน่นใช้ได้ ส่วนเบาะหลังนั้น ก็ยังถือว่าดีสำหรับการให้คนตัวใหญ่โดยสาร และมีความนุ่มแน่นแบบเดียวกับเบาะหน้า ไม่แข็งเป็นกระดาน อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงของเล่นเอาเก๋ ก็มีมาให้ค่อนข้างดี หลังคา Panoramic จอกลางพร้อมระบบ i-SMART ที่ใช้ควบคู่กับสมาร์ทโฟนแล้วสามารถตรวจสอบรถ สั่งล็อคประตู สั่งเปิดระบบปรับอากาศได้ มีระบบสั่งการด้วยเสียง เบาะไฟฟ้าด้านคนขับ สำหรับราคาเท่านี้ ผมว่าขาดแค่เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ ที่เหลือโอเคหมด
อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับความปลอดภัย คือจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ ZS EV แน่นอนว่าคุณได้กล้องถอยหลัง ได้เซ็นเซอร์กะระยะหลัง ไฟหน้าและไฟสูงเปิดปิดอัตโนมัติ ระบบตรวจสอบค่าลมยางผิดปกติ ระบบเตือนรถในจุดบอดกระจกส่องข้าง ที่ชอบอีกอย่างคือ ด้วยค่าตัวที่สูงขึ้นจากรุ่น 1.5 มาก MG ก็พยายามทำภายในรถให้มีบรรยากาศดูดีขึ้น ZS EV นำเข้าจากจีน แต่การเก็บงาน เบาะ ลายตะเข็บต่างๆ ทำมาดีกว่ารถประกอบในประเทศ
หากรถคันหนึ่งผลิตขึ้นมาแล้วไม่มีวันเสีย หรือหากเราอยู่ในโลก Autopia ที่รถทุกคันไม่มี Defect ไม่ต้องสงสัยเลยว่า MG ZS EV จะเป็นฮีโร่ที่ส่งมอบเทคโนโลยีรถถ่านถึงมือคนฐานะปานกลาง ให้สิ่งต่างๆคุ้มค่าตัว คุณไม่จำเป็นต้องรวย เพื่อที่จะเป็นเจ้าของรถไฟฟ้าอีกต่อไป…แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น ตลอดระยะเวลา 8 เดือนที่ผ่านมา ZS EV ก็ยังรักษามาตรฐานความเป็น MG ในเรื่อง Quality Control อย่างต่อเนื่อง รถล็อตแรกๆที่กดเดินไฟแล้วไม่ติด (ผมใช้คำว่าเดินไฟ แทนสตาร์ท ดัดจริตดี อย่าสับสนกับการอยู่ไฟ) เบรกเสียงดัง ซึ่งแก้ได้ แต่ในรถโรงงานมันไม่ควรต้องมาให้แก้ หรือการทำงานของระบบหน้าจอต่างๆ
บางคน ทนได้ กับเรื่องแบบนี้ เสียเหรอ? ก็ซ่อมไปสิ แต่บางคน การที่รถสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่ไม่คาดคิด สำคัญกว่าเทคโนโลยี และอุปกรณ์ที่ประเคนให้ คุณต้องคิดให้ดู ว่าคุณเป็นคนแบบไหน สำหรับผมรถของ MG ยังต้องพัฒนาเรื่องการควบคุมคุณภาพให้ดีกว่านี้ เพื่อที่รถจะได้ไม่หักหลังคนที่รักและไว้ใจมัน เมื่อ MG สามารถผลิตรถให้ไร้ปัญหาได้ติดต่อกันสัก 2-3 รุ่น คนไว้ใจมากขึ้น ลูกค้าซื้อมากขึ้น ศูนย์มีเรื่องให้เหงื่อตกกีบน้อยลง ทุกอย่างจะดีขึ้นถ้าคำว่าคุณภาพก้าวไปพร้อมกับคำว่าเทคโนโลยี
ก็ไม่เลว ถ้าจะนำมาใช้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของบ้าน แต่ต้องบอกว่า ความคุ้มค่าส่วนมาก มาจากการที่ตัวรถมีราคาถูก ถูกจนทำให้แม้ว่าชื่อเสียงด้านความทนทาน ความจุกจิกของ MG จะแย่เพียงใด แต่ความที่คู่แข่งที่เป็นครอสโอเวอร์พลังไฟฟ้าแต่ละตัว ราคาแพงแรงฉีก MG ไปมาก หรือถ้าไม่เอาครอสโอเวอร์ จะเอาเป็นรถเก๋งอย่าง Nissan LEAF คุณก็ยังต้องจ่ายส่วนต่างอีกราว 7 แสนบาท นี่คือจุดที่ทำให้หลายคนคันๆมืออยากลองรถยนต์ไฟฟ้าสักครั้ง แต่ผมสงสัยเหมือนกันว่าถ้าไม่มีข้อได้เปรียบเรื่องส่วนลดภาษีนำเข้า ZS จะขายดีอย่างที่มันเป็นอยู่มากแค่ไหน