KIA Grand Carnival 2.2 Diesel SXL 8AT
[2,292,000 บาท]
Likes: ปิดกลบจุดอ่อนเดิมๆด้านความปลอดภัยได้ครบ เป็น MPV ที่ขับมันส์ และดีไซน์ภายนอกภายในลงตัว ผู้หญิงขับได้สบายมือ
Dislikes: เบาะนั่งยังไม่สบายแบบพวก 7 ที่นั่ง อัตราเร่งบางช่วงช้าลงกว่ารุ่นเกียร์ 6 จังหวะ และถ้าไม่เน้นอุปกรณ์มาก Grand Carnival LX 1,397,000 บาทก็พอ
เมื่อครั้งที่ผมลองขับ Grand Carnival รุ่นก่อน Minorchange มันเป็น MPV ที่ให้ครบทุกรสชาติในแบบที่ผมต้องการจากรถประเภทนี้ ขาดแต่เพียงอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย เช่น ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว พอมาเป็น Minorchange KIA ก็ได้แก้ปัญหานี้ ในรุ่น 2.2 SXL ที่ราคาขยับไปที่ 2 ล้านต้น แต่มันมีทุกอย่างที่ผมต้องการ ครบ และ จบในที่สุด แถมยังได้ชุดหน้าจอ Touchscreen ใหม่ รองรับ Apple CarPlay / Android Auto ชุดมาตรวัดที่มีจอ MID ดูสวยงามขึ้น มี Sunroof 2 ตอนเพิ่มเข้ามา และ มีจอแยก 2 จอที่หัวหมอน สำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 KIA Grand Carnival ในวันนี้ แทบจะมีอุปกรณ์ใกล้เคียง MPV หรูอย่าง Vellfire/Alphard แล้ว
ในเรื่องการโดยสารนั้น เบาะคู่หน้า จัดว่ามีส่วนรองนั่งที่ค่อนข้างสั้น น่าจะพอดีกับคนไทยส่วนใหญ่ ยกเว้นคนที่ตัวสูง 180 cm. ขึ้นไป หรือ มีขายาวจะรู้สึกว่าส่วนรองน่องขาดไปนิด เบาะคนขับมี Memory Seat เพิ่มมาให้แล้ว ส่วนเบาะนั่งแถวสอง จะมีความสบายแค่พอประมาณ เนื่องจาก Grand Carnival รุ่นนี้ ต้องออกแบบให้รองรับผู้โดยสาร 11 ที่นั่ง เพื่อผลทางด้านภาษี ตัวเบาะจึงสบายยังไม่สุด คนตัวใหญ่นั่งแล้วจะรู้สึกล้นด้านข้าง ส่วนเบาะแถวสามนอกจากไม่มีพนักเท้าแขนวงในแล้ว พนักแขนรอบนอกก็ไม่มี ต้องเท้ากับแผงข้างของรถเอา เบาะแถวที่ 4 ถ้าไม่จำเป็นก็คงไม่มีใครอยากนั่ง ทำมาเพื่อเหตุผลทางภาษีล้วนๆ แต่ KIA จะได้เปรียบคู่แข่งตรงที่เบาะแถวที่ 4 พับแล้ว ราบเรียบไปกับพื้นรถ ต่างจากรุ่นอื่นที่ต้องยกขึ้น หรือ ทำได้แค่เลื่อนไปชิดด้านหน้า ซึ่งทำให้ Grand Carnival มีพื้นที่วางสัมภาระด้านหลังเหลือเฟือ หากใช้งานเพียงแค่เบาะ 3 แถว
เมื่อเป็นคนนั่งหลัง ผมยังไม่ถูกใจแบบเต็มร้อยนัก แต่ถ้าให้เป็นคนขับล่ะก็ มาเหอะ มาเลย ได้ทุกเมื่อ ไม่มี MPV คันไหนแล้วที่ผมจะเอ็นจอยกับการขับไปมากกว่านี้ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท Grand Carnival Minorchange เปลี่ยนจากเกียร์ 6 จังหวะ มาเป็น 8 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 km/h กับ 80-120 km/h จะช้าลงประมาณครึ่งวินาที เพราะอัตราทดไม่เอื้ออำนวยเฉพาะในช่วงความเร็วดังกล่าว แต่คุณได้บุคลิกโดยรวมที่เหมือนเดิม MPV บ้าอะไร กระแทกออกตัวมีอาการหน้าดิ้นคล้ายรถเก๋งขับหน้าพ่วงเทอร์โบ แรงต่อเนื่อง กดตรงไหนก็พุ่ง บางจังหวะสามารถออกตัวล้อฟรีได้เลย (แบบในคลิป 0-100 km/h ด้านบน)
พละกำลัง 197 แรงม้า รับใช้สุดความสามารถทุกตัว คุณจะไม่คิดเลยว่า MPV 11 ที่นั่ง 4 สูบดีเซล 2.2 เทอร์โบ จะสามารถแซ่บได้ขนาดนี้ อัตราสิ้นเปลือง ยังดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมอีกประมาณ 7-12% อันเป็นผลมาจากเกียร์ 8 จังหวะ ที่ทดเกียร์สุดท้ายใช้รอบเครื่องน้อยลง
ช่วงล่างของ Kia Grand Carnival จัดอยู่กึ่งกลางระหว่าง Hyundai H-1 กับ Toyota Vellfire ในขณะที่ H-1 เป็นรถที่ขับเร็วๆบ้าๆแล้วสนุกอย่างเหลือเชื่อ แต่ก็แข็งกระด้าง นั่งไม่ค่อยสบายในช่วงความเร็วต่ำ แม้จะเปลี่ยนโช้คในรุ่นใหม่แล้ว ก็ยังเหลือความสะเทือนแบบรถพาณิชย์อยู่บ้าง Kia Grand Carnival จะมีลักษณะนุ่ม แน่น คล้ายรถเก๋งที่ตัวหนัก และ เซ็ตช็อคอัพไว้หนืดปานกลาง มันให้ความมั่นใจได้พอสมควรแม้จะมีอาการโยนไหวไปมาบ้างหากหักพวงมาลัยแรงๆ ส่วน Vellfire นั้น จะนุ่มไปเลย นุ่มแบบผู้ดี แต่บู๊แล้วไม่สนุกเท่า ถือว่า KIA เลือกเดินทางสายกลางได้อย่างเหมาะสม การเก็บเสียงรบกวน ซีกหน้าทำได้ดี แต่ซีกหลัง บริเวณประตูหลังและซุ้มล้อจะยังค่อนข้างดังอยู่
ดังนั้น ถ้าให้สรุป บุคลิกของ KIA Grand Carnival ใหม่นี้ เหมาะจะเป็น MPV ประเภทที่พ่อบ้านหรือแม่บ้านขับเองประจำ เรื่องหรูสบายอาจจะไม่เท่า Vellfire แต่ราคารถก็ถูกกว่ากันมากและ ขับสนุกกว่า หลังคาที่ค่อนข้างเตี้ยกว่าเพื่อน อาจลดความรู้สึกโปร่งลงไปบ้าง แต่ก็แลกกับอาการโยนซ้ายขวาที่น้อยลง ถ้าเทียบกับ H-1 แล้ว เจ้านั้นจะออกเน้นสมบุกสมบัน ใหญ่ แกร่ง แข็ง เหมาะสำหรับรถใช้งานแบบวิ่งข้ามจังหวัดความเร็วสูง ส่วน KIA จะเหมาะกับคนที่ต้องการความคล่องตัวในทุกที่ และ มีความนุ่มนวลแบบที่ยังสามารถรับคนเฒ่าคนแก่ได้ เหมาะมากสำหรับบ้านที่มีที่จอดน้อย มีสมาชิกครอบครัวเยอะ เพราะคันเดียว เปรี้ยวได้ทุกงาน
ค่อนข้างน่าเสียดายที่ผมยังไม่มีโอกาสได้ลองขับ Majesty แต่เท่าที่ลองนั่งดูกับรถจอดนิ่งๆ เบาะแถว 2 และ แถว 3 ของ Majesty นั้นจะนั่งสบายกว่า KIA ด้วยความกว้างตัวรถที่มากกว่า ทำให้จัดสรรขนาดเบาะได้ใหญ่โตกว่า แต่ดูเหมือนบางโอกาส Majesty จะไม่เหมาะเป็นรถครอบครัวที่ขับเองในบางโอกาสเพราะความใหญ่โตของมัน เอาเป็นว่า ณ เวลานี้ ถ้าคุณอยากไปไหนมาไหนโดยไม่มีคนขับรถ ชอบขับรถเอง มุดเข้าห้างหรืออาคารจอดรถได้ทุกที่โดยไม่ต้องกังวล KIA คือคำตอบ แต่ถ้าหากมีคนขับรถในบางโอกาส หรือ ชินกับรถใหญ่ๆ นั่งโดยสารด้านหลังบ่อยๆมากกว่าขับเอง Majesty ก็ดูจะคุ้มราคาค่าตัวอยู่