สังคมยานยนต์โลกกำลังเปลี่ยนทิศทางครั้งใหญ่ในเวลาไม่ช้า เมื่อผู้ผลิตรถยนต์และผู้นำไอทีต่างพากันพัฒนาระบบขับขี่
อัตโนมัติเพื่อตอบรับกระแสสังคมการเดินทางที่ต้องการความปลอดภัยยิ่งขึ้น การตัดสินก็ใช้ข้อมูลใยพิภพซึ่งเป็นข้อมูลที่
ถูกต้องและมีมุมมองที่รอบรู้ รอบมิติกว่ามนุษย์อย่างมาก นั่นก็ทำให้ผู้ทำกิจการเกี่ยวกับรถยนต์ต้องเปลี่ยนวิธีคิดเพื่อ
สอดคล้องกับวิถีโลก

2015_10_06_Robot_Taxi

ดังนั้น Robot Taxi จึงถือกำเนิดขึ้นในญี่ปุ่นอันเป็นความร่วมมือจากบริษัท ZMP บริษัทพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติและ
Dena เครือข่ายอินเตอร์เน็ตไร้สายเพื่อช่วยผู้สูงอายุในญี่ปุ่นสามารถเดินทางทั่วญี่ปุ่นได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องจ้างวาน
คนขับอีกต่อไป

Robot Taxi จะเริ่มทดสอบนำร่องภายในเดือนมีนาคมปี 2016 โดยมีกลุ่มตัวอย่าง 50 หลังคาครัวเรือนในฟูจิซาวะ เมือง
ชายฝั่งทะเลขนาดใหญ่เป็นผู้ร่วมทดสอบโดยจะเดินทางจากบ้านไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตในระยะทางเพียงแค่ 3 กิโลเมตร

หลักการระบบขับขี่อัตโนมัติก็เหมือนกับผู้พัฒนารายอื่นคืออาศัยข้อมูลแผนที่ GPS และใช้เซนเซอร์พวกเรดาร์และกล้อง
สเตอริโอในการตรวจจับวัตถุ

เหตุผลสำคัญที่ทำให้ต้องมี Robot Taxi ก็เพราะประชากรชาวญี่ปุ่นอายุมากกว่า 75 ปีมากถึง 4.25 ล้านคนในปี 2013
และภายใน 3 ปีข้างหน้าก็จะมีจำนวนประชากรสูงอายุมากถึง 5 ล้านคน

อีกเหตุผลสำคัญมากคือ ตำรวจกำลังมองว่าผู้ขับขี่ที่มีอายุมากกว่า 74 ปีเป็นวัยที่มีสภาวะสมองเสื่อมจนไม่สามารถขับขี่
รถบนท้องถนนได้ตามผลระบุทางการแพทย์จนถึงขั้นเร่งเร้าให้มีกฏหมายห้ามผู้สูงอายุขับขี่รถบนท้องถนนกันแล้ว จาก
สถิติสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นรายงานว่า ผู้ขับขี่อายุตั้งแต่ 74 ปีขึ้นไปก่ออุบัติเหตุร้ายแรงถึง 458 ครั้งในปี 2013
หรือสูงขึ้นทศวรรษก่อนถึง 20%

หากโครงการนำร่องประสบความสำเร็จ Robot Taxi ก็จะเตรียมเปิดให้บริการสู่สาธารณะในฐานะรถข้ามฟากเพื่อต้อนรับ
มหกรรมกีฬา Olympic 2020 และเปิดให้บริการในที่ชุมชนอาศัยอยู่น้อยหรือไร้ระบบขนส่งสาธารณะ

ถือเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้สังคมน่าอยู่ แทนที่จะใช้เทคโนโลยีเพื่อหาผลประโยชน์ใส่ตัวครับ

ที่มา : The Guardian