[สำหรับท่านที่ต้องการโหลดรูปภาพ ขอเชิญลิงค์ที่ท้ายบทความได้เลยครับ]
ความเป็นมาของการจัดกิจกรรมที่จังหวัดขอนแก่น
Suzuki และทาง Headlightmag ได้ร่วมมือกันจัดกิจกรรมทดลองขับ SWIFT standout ที่กรุงเทพไปในเดือนมีนาคม และได้ผลตอบรับที่ดี มีผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก พี่วัลลภแห่ง Suzuki จึงผุดความคิดที่จะจัดงานต่างจังหวัดบ้างหากเป็นไปได้ ผม (Pan) จึงได้จัดทำแบบสอบถามโพสท์ลงบนหน้า Facebook ของเว็บเรา เพื่อที่จะหยั่งเสียงดูว่าจังหวัดไหนพอจะมีคุณผู้อ่านของเราอยู่บ้าง ซึ่งเชียงใหม่ ก็คือคำตอบที่หนึ่ง นำมาซึ่งงาน Swift standout in Chiang Mai ซึ่งจัดเสร็จไปเมื่อเดือนเมษายน
สำหรับจังหวัดที่สองนั้น เมื่อผมเผยตัวเลขยอดผู้อ่านของเราให้พี่วัลลภฟัง ในที่สุดก็เลือกจังหวัดขอนแก่น ด้วยเหตุผลที่ว่ามีตำแหน่งค่อนข้างเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างจังหวัดต่างๆในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งบางท่านที่อาจอยู่ไกลออกไปถึงอุดรธานีหรือหนองคายยังพออยู่ในวิสัยที่จะมาร่วมสนุกกันได้ (และก็มีคนมาจากหนองคายกับอุดรฯจริงๆนะครับท่านผู้อ่าน)
สำหรับผมนั้น การได้มาขอนแก่น ถือเป็นโอกาสที่ดีของชีวิต เพราะตั้งแต่เกิดมาจนบัดนี้ ก็เคยแค่มาอาศัยนอนบ้านญาติที่ทำงานอยู่ ม.ขอนแก่น 1 คืน ที่เหลือก็คือการขับรถผ่าน ไปอุดรธานีหรือหนองคาย ไม่ได้มีเวลาแวะมากเท่าที่ควร ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะมาเยี่ยมเยียนจังหวัดนี้และได้เห็นตัวเมือง ได้ลิ้มรสอาหารที่นี่สักครั้ง แล้วก็ได้มาจริงๆ
นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสอันดีที่ได้พบปะกับผู้แทนจำหน่าย Suzuki ที่มาจากหลายจังหวัดในโซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่ว่าจะเป็นขอนแก่น, มหาสารคาม, อุดรธานี, นครราชสีมา ไปจนถึงร้อยเอ็ด (หากผมลืมเอ่ยชื่อผู้แทนจำหน่ายท่านได้ ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ) ซึ่งชวนลูกค้า ทั้งที่เป็นเจ้าของอยู่แล้วและลูกค้าที่สนใจทดลองขับ มาร่วมแจมกันอย่างครึกครื้น
ในครั้งนี้ จำนวนผู้สมัคร ทาง Suzuki แจ้งว่าเรารับได้ของ 60 ท่าน ส่วนลูกค้ารายอื่นๆที่มาร่วมนั้น ทางผู้แทนจำหน่ายจะเชิญมา ตอนแรกก็ใจแป้วว่าจะมีคนอยากมาขับรถในสนามปิดแบบนี้กี่มากน้อย แต่พอเห็นจำนวนคนที่มา ซึ่งเกินจำนวนที่คาดไว้ตอนแรก ก็นับว่าน่าพอใจ ซึ่งต้องขอชมผู้แทนจำหน่ายภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ช่วยดูแลประสานงานจนมีผู้ร่วมงานจำนวนมาก และเปลี่ยนจากกิจกรรมทดลองขับธรรมดาให้กลายเป็นโอกาสของลูกค้าเก่าและใหม่ในการพบปะเสวนา จะชมเรื่องไหน ติเรื่องใดก็ได้พูดคุยกับผู้บริหารดีลเลอร์โดยตรง ถือเป็นโบนัสช่องทางหนึ่งที่เรารู้สึกพึงพอใจ
แนวทางการกิจกรรม เราพยายามดำเนินไปในแบบเดียวกับงานที่กรุงเทพและเชียงใหม่ โดยผมและคุณ J!MMY เป็นพิธีกรดั้นสด จับมือกับ MC อย่างคุณฝน ซึ่งเราเห็นฝีมือจากงานที่เชียงใหม่แล้วว่าเหมาะกับกิจกรรมที่ต้องใช้ประสบการณ์ทั้งภาคสนามและวิชาการเช่น Swift standout และแน่นอนว่าเรายังมีการสัมภาษณ์ความเห็นของผู้อ่าน โดยคุณ J!MMY จะยกไมค์ให้พูดออกลำโพงกันได้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนที่พวกเขาชอบ หรือส่วนที่ไม่ชอบ
การจัดงานในลักษณะนี้ ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกสงสัยว่าเราจัดเพื่ออวย Suzuki หรือไม่ เนื่องจาก Review ออกมาแล้วเหมือนจะดี ทั้งที่ความจริง Swift ก็เหมือนอีโคคาร์คันอื่นที่มีทั้งจุดดีและจุดที่ยังต้องปรับปรุง งานของเรานอกเหนือจากการให้ผู้ร่วมกิจกรรมได้ทดลองขับกันอย่างสนุกและปลอดภัย ก็ยังมีการเปิดโอกาสให้ทุกคนแสดงความเห็น ซึ่งไม่จำเป็นต้องตรงกับ Review ของเราเสมอไป ดังบางข้อที่ท่านจะอ่านได้จาก Feedback ผู้เข้าร่วมฯ ที่ท้ายบทความ
ในการทดลองขับครั้งนี้ ทีมงานที่ควบคุมก็ยังคงเป็นทีม Win Win Win โดยพี่กรณ์พิทักษ์เช่นเคย เพราะวิธีการเลือกคนที่ Headlightmag จะทำงานด้วยนั้น จะเลือกคนที่เก่งและรู้งานอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเป็นคนที่สามารถพูดคุย อธิบาย ปล่อยมุกฮาได้บ้างถ้าโอกาสอำนวย เพราะเราไม่ต้องการให้ครูฝึกสอนขับ (Instructor) มีภาพพจน์เหมือนการสอบใบขับขี่ ที่ผ่านมากับงาน 2 จังหวัด เราคิดว่าพวกเขาสามารถมอบทั้งความปลอดภัยและสนุกให้ผู้ร่วมกิจกรรมได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม มันก็คงเป็นธรรมชาติของคนในความเกรงใจ เราจะพบได้ว่าผู้เข้าร่วมกิจกรรมส่วนใหญ่จะออกแนวใช้ประสิทธิภาพของรถไม่ถึง 30% บางรายก็ขับในลักษณะสอบใบขับขี่จริงจัง ซึ่งผมล่ะเสียดายแทน เพราะอุตส่าห์บอกไปแล้วว่าให้ดูสัญญาณจาก Instructor ถ้าคุณช้าไป เขาจะบอกให้เร็วขึ้น และจะไม่มายุ่งกับการขับของคุณเด็ดขาดถ้ามันไม่ได้กำลังนำพาไปสู่หายนะ แต่ด้วยลักษณะของคอร์สที่วางไว้ เราพยายามบาลานซ์กันอยู่แล้วระหว่างความสนุกและความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม สังเกตได้ว่านักขับชาวอีสานโดยเฉลี่ยแล้วจะเท้าหนักกว่าชาวเชียงใหม่ อาจเป็นเพราะอัตราส่วนลูกค้าวัยรุ่นค่อนข้างสูง
สำหรับท่านที่ไม่ประสงค์ลองขับ (มีนะครับไม่ใช่ไม่มี) ทางเรามีบริการ Course Taxi โดย Instructor จะเป็นผู้ขับให้นั่ง แต่ท่านต้องแจ้งก่อนว่าดีกรีความต้านทานแรงจีของท่านอยู่ในระดับไหน พี่ใหญ่และเพื่อนๆสามารถจัดให้คุณได้หมด
เราเลือกจัดงานในครั้งนี้บนลานอู้ฟู่ ถนนมิตรภาพ ซึ่งมีความกว้างไม่แพ้ลานประเสริฐแลนด์ที่เชียงใหม่ แถมยังดีตรงที่ไม่มีต้นไม้งอกมากลางสนาม ไม่มีแนวท่อระบายน้ำเหล็ก (ถ้าพลาดมาแรงไปก็จะวิ่งทะลุโค้งเข้าช่องสั่งอาหารของ McDonald พอดี แต่ไม่จำเป็นก็ใช้วิธีเดินไปซื้อจะดีกว่า)
อย่างไรก็ตามลานอู้ฟู่มีพื้นที่ค่อนข้างลื่น ทำให้ต้องปรับแนววางกรวยเพียงเล็กน้อย เพราะถ้าไม่เช่นนั้นจะเสียอรรถรส เข้าโค้ง ถ้าไม่มีไถล ไม่มีเสียงยาง แล้วมันจะไปสนุกอะไร ทีมงานของพี่กรณ์พิทักษ์ เลือกเส้นทางการวิ่งในแนวที่คล้ายกับงานที่เชียงใหม่มากที่สุด บางช่วงสามารถดึงเบรกมือให้ท้ายออกเล่นได้ถ้า Instructor มองว่าคนขับเก๋าพอ
ลักษณะของการทดสอบ
สิ่งที่ครอบคลุมในการทดสอบครั้งนี้ เมื่อเทียบกับงานที่เชียงใหม่
- การใช้งานระบบช่วยออกตัวบนเนินชัน Hill Hold Control – เหมือนงานที่เชียงใหม่
- การทดสอบพละกำลังของรถในการไต่เนินชัน – ไม่มี (งานที่เชียงใหม่ไม่มีเช่นกัน มีเฉพาะที่กรุงเทพ)
- ความคล่องตัวในการตอบสนองของรถ – วางกรวยคล้ายสนามเชียงใหม่ มีลักษณะการหักเลี้ยวเกือบเหมือนกัน 95%
- การตอบสนองและน้ำหนักของพวงมาลัย
- การเข้าโค้งที่ความเร็วปานกลาง หักพวงมาลัยเยอะ
- ความสะดวกสบายในการนั่ง และภาพรวมของอุปกรณ์ต่างๆในห้องโดยสาร
สิ่งที่ไม่ได้ครอบคลุมในการทดสอบครั้งนี้
- การทดสอบด้วยความเร็วสูงกว่า 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- การทรงตัวที่ความเร็วสูง
- การกระโดดจัมพ์สะพานแบบมอเตอร์เวย์ด้วยความเร็วสูง
- การทดสอบแบบถนนขรุขระมากกว่าปกติ
- การทดสอบถุงลมนิรภัย (เนื่องจากผมเนี่ยแหละไม่อนุญาตให้มี)
เราให้ผู้เข้าร่วมงานทุกท่านได้มีโอกาสขับรถตามกันไปรอบสนาม โดยที่มี Instructor มืออาชีพคอยอธิบายการเข้าโค้งกับความเร็วที่ควรใช้ในช่วงต่างๆก่อนหนึ่งรอบ จากนั้นจึงขับกลับเข้ามาพิท เพื่อตั้งแถวเตรียมตัวเข้าสู่การทดสอบจริง ซึ่งผู้กำกับสนามจะปล่อยรถให้วิ่งเพียงครั้งละ 1 คัน เพื่อลดความกดดันกรณีคันหน้ากับคันหลังมีทักษะการขับขี่ต่างกัน และลดโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุ
แน่นอนว่าหลังจากที่ปล่อยให้ทุกท่านขับกันเอง เราก็มีรอบพิเศษที่จับสลากผู้โชคดี ได้นั่งไปรอบสนามโดยมี Instructor ซึ่งมีดีกรีเป็นทั้งอาจารย์สอนแข่งรถ, นักแข่งมืออาชีพ เป็นผู้ขับพานั่งรอบสนามอย่างเร็ว แล้วก็ไม่ได้วิ่งคันเดียว แต่วิ่งแบบจี้ติดกันไป 4-5 คัน ให้มีลุ้นนิดๆว่าจะมีจูบท้ายกันหรือไม่ (สถิติเท่าที่เก็บได้ – ไม่มีการจุมพิตก้น แต่มีกรวยบาดเจ็บ 3-4 กรวย)
ปิดท้ายด้วยรอบพิเศษสำหรับผู้โชคดี จะได้นั่งไปรอบสนามเพียงคันเดียวโดยมีพี่ J!MMY เป็นผู้ขับให้
ในรอบพิเศษสองรอบหลังนี้ ผู้ร่วมกิจกรรมที่บ้ารถอยู่แล้วจะชอบกัน แต่บางท่านก็จะกลัว อย่างน้องเสื้อชมพูท่านนี้ ตอนแรกก็เหมือนจะเกร็งๆ แต่พอนั่งได้สองสามรอบก็เริ่มสนุกละครับ
***FEEDBACK จากผู้เข้าร่วมกิจกรรม***
เราพยายามสอบถามความคิดเห็นจากผู้ร่วมงาน และนำมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่ได้จากการสัมภาษณ์ผู้เข้ารวมกิจกรรมที่กรุงเทพ และเชียงใหม่ ผมไม่ค่อยแปลกใจที่เราได้ความเห็นในภาพรวมใกล้เคียงกัน บางคนอาจจะบอกว่าเพราะคนเหล่านั้นอ่านรีวิวเรามาก่อนหรือเปล่า..อย่าลืมนะครับว่าครึ่งหนึ่งของคนที่มาร่วมงานนี่ ไม่รู้จักด้วยซ้ำว่า Headlightmag คือใครมาจากไหน
สิ่งที่รู้สึกดีกับตัวรถ
- อัตราเร่งช่วงออกตัว – หลายคนที่ขับชมว่าดี คนที่เคยขับรถรุ่นที่แล้ว บอกว่าดีดออกตัวดีขึ้น เกียร์ทำงานดีขึ้น ซึ่งเหมือนกับ Feedback ที่เราได้รับจากชาวกรุงเทพ และเชียงใหม่
- การตอบสนองของพวงมาลัยดี น้ำหนักและความไว – ส่วนมากจะบอกว่าโอเค หรือ ดี แต่มีจำนวนน้อยที่ชมถึงขั้นประทับใจมาก มีบางท่านบอกว่าไม่ชอบ เพราะเบาไป ปกติขับรถเก๋งและรถกระบะที่ใช้พวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฮดรอลิก ชอบแบบนั้นมากกว่า
- ตัวรถเกาะถนนดี – ได้รับคำชมในลักษณะเดียวกับงานที่เชียงใหม่ บางส่วนอาจเป็นเพราะผู้ร่วมงานที่มีอัตราส่วนเป็นวัยรุ่นวัยแรงเยอะ บางท่านหลังจากที่ได้นั่งรถ Instructor ขับ บอกว่าคิดว่า “ไม่น่ารอดโค้ง” แต่พอถึงเวลาจริง กลับไปได้ฉลุย
- ภายในรถ นั่งสบาย ขับถนัดกว่ารุ่นเดิม – ตรงกับจุดที่ชาวกรุงเทพและเชียงใหม่ชม (เฉพาะคนที่เคยขับ หรือเป็นเจ้าของรุ่นเก่า)
- ช่วงล่างไม่ได้แข็งกระด้างอย่างที่คาดไว้ – ข้อนี้คนกรุงเทพจะชมเยอะ คนเชียงใหม่พูดน้อยกว่า และคนขอนแก่นแทบไม่มีใครพูดถึงเลย ส่วนมากมองว่าสมเหตุสมผล มากกว่าจะใช้คำว่านุ่มและเกาะ
- การออกแบบภายในดูดีขึ้น –
สิ่งที่รู้สึกว่ายังปรับปรุงให้ดีขึ้นได้
- ลายล้ออัลลอยไม่สวย ดูเหมือนฝาครอบราคาถูกๆ – ผู้ร่วมกิจกรรมที่อายุมากจะไม่ค่อยติ แต่ผู้ร่วมกิจกรรมระดับวัยรุ่น มักไม่ชอบ และแนะว่าทำเป็นลายปัดเงาแซมขอบดำน่าจะช่วยให้ดูดีขึ้นกว่านี้
- บรรยากาศภายใน เรื่องของวัสดุยังสู้ Mazda 2 ไม่ได้ – มีลูกค้าชาวขอนแก่นบางท่านมองว่าลักษณะแดชบอร์ดรุ่นเก่ามีเส้นสายที่สวยกว่า ส่วนรุ่นใหม่นั้นสวยเพราะชุดควบคุมเครื่องปรับอากาศและเครื่องเสียงรุ่น GLX Navi มันดูล้ำสมัยขึ้น
- ราคาขนาดนี้ ถ้าไม่มีกล้องหลังอย่างน้อยก็น่าจะมีเซ็นเซอร์ถอยจอดมาให้ – กรุงเทพ เชียงใหม่ ขอนแก่น ใจตรงกันครับ
- ความมั่นใจของช่วงล่าง ยังไม่เท่าคู่แข่งบางเจ้า – ไม่เหมือนที่เชียงใหม่ เพราะไม่มีใครพูดถึง แต่มองว่าทำได้โอเคแล้ว
- เกียร์ CVT ยังมีอาการเย่อเบาๆในความเร็วต่ำบางช่วง – ไม่มีผู้ร่วมงานที่พูดถึงการเย่อ แต่พูดถึงอาการหน่วงนิดๆที่ยังมีอยู่บ้างตอนออกตัว
- หน้าตาของรถมีเสน่ห์น้อยลง – มีจำนวน 1-2 ท่านที่บอกว่ารุ่นเก่าสวยกว่ามาก นอกนั้นจะบอกว่าสวยเท่ากันหรือรุ่นใหม่ดูสวยกว่า
- ยางที่ใช้น่าจะเกรดดีกว่านี้จะช่วยให้รถเกาะโค้งดีขึ้น- มีเพียง 1-2 ท่านที่แนะนำว่ายางติดรถควรใช้เกรดสปอร์ตที่จะทำให้เกาะถนนดีกว่านี้
- ประเด็นใหม่ที่มีคนพูดถึงคือ เสา A-Pillar มีขนาดค่อนข้างโต บางทีเวลาขับเข้าโค้งต้องโยกหัวไปมาตอนขับ ทำให้รู้สึกเวียนหัวเวลาต้องวิ่งต่อกันหลายๆโค้ง
บทสรุปของกิจกรรม Headlightmag presents SWIFT standout ณ ขอนแก่น
เรารู้สึกพึงพอใจกับการจัดกิจกรรม SWIFT standout ไม่ว่าจะเป็นที่เชียงใหม่หรือขอนแก่น เพราะไม่ได้ประสบความสำเร็จทางด้านยอดขาย แต่ตรงกันข้าม เป็นการเปิดโอกาสให้ Headlightmag ได้เข้าสู่ดินแดนแห่งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นท่านผู้อ่านที่อยู่ขอนแก่นหรือจังหวัดใกล้เคียง (มีท่านหนึ่งขับรถมาจากศรีษะเกษ) เราได้มีโอกาสจัดงานคล้ายมีตติ้งต่างภาคขึ้นเป็นครั้งที่สอง รวมถึงได้พาตัวเองไปให้คนที่ไม่เคยอ่านเว็บหรือหนังสือรถยนต์ และได้เรียนรู้วิธีการคิดแบบพวกเขา สำหรับผมมันช่วยในแง่การปรับทัศนคติในการตอบคำถามที่จะมีประโยชน์ต่อคนอื่นๆในอนาคต
ส่วนทาง Suzuki นั้น ก็ได้จัดกิจกรรมในฝั่งของเขา ซึ่งเปรียบเสมือนมี Event ใหญ่ประจำจังหวัด เท่านั้นยังไม่พอ ผู้แทนจำหน่ายจากจังหวัดใกล้เคียงก็ได้มาร่วมงาน เป็นโอกาสที่หลายฝ่ายได้พบปะพูดคุย ทั้งระหว่างชาวสำนักงานใหญ่กับดีลเลอร์ และดีลเลอร์กับลูกค้า รวมถึงระหว่างคนที่เป็นลูกค้าอยู่แล้ว ได้พูด คุย ชม แฉเรื่องต่างๆให้คนที่กำลังจะเป็นลูกค้าได้ฟัง
ส่วนโฟกัสสำคัญที่สุด คือผู้ร่วมกิจกรรม ซึ่งได้มีโอกาสลองขับ Suzuki Swift ในสนามปิดที่ปลอดภัย ได้มีโอกาสลองรถในแบบโหดๆที่ปกติถ้าไปทำบนถนนก็คงไม่แคล้วโดนตำรวจจับหรือโดนประชาชนคนอื่นด่า แต่มาที่นี่เราสนุก สบาย และปลอดภัย ตรงกับแนวทางของเรา และตรงกับวิธีการสร้างรถของ Suzuki
ผมยังยืนยันเหมือนเดิม ว่ากิจกรรมเหล่านี้ ไม่ใช่กิจกรรมส่งเสริมยอดขายรถ เพราะคนอื่นที่ไม่ได้ขับ ก็มีอีกเยอะ แต่เราขายประสบการณ์ ซึ่งประกอบด้วยปัจจัยมากมายจากทั้งตัวรถ จากการพูดคุย จากการได้เปิดโอกาสให้ผู้บริหารและผู้จำหน่ายพูดคุยกับคนที่มาร่วมกิจกรรม ทั้งหมดนี้ไม่ได้นำยอดขายมาให้โดยตรง แต่จะนำการตัดสินใจมาให้
ส่วนตัดสินใจจะจองหรือไม่ ทางเราไม่เกี่ยว มันจะเกิดได้หากตัวรถนั้นโดนใจผู้บริโภค Headlightmag ก็เป็นเหมือนแอพพลิเคชั่นชวนเดตที่พาพวกคุณมาเจอกับรถเหล่านี้ แต่จะปิ๊งหรือเปล่านั้น
เราให้คุณตัดสินใจเองเหมือนเดิม
—-////—-
***LINK ดาวน์โหลดรูปภาพกิจกรรม***
- รูปภาพสำหรับ กลุ่มที่ 1 ช่วงเช้า วันที่ 19 พฤษภาคม ดาวน์โหลดได้ที่นี่
- รูปภาพสำหรับ กลุ่มที่ 2 ช่วงบ่าย วันที่ 19 พฤษภาคม ดาวน์โหลดได้ที่นี่
- รูปภาพสำหรับ กลุ่มที่ 3 ช่วงเช้า วันที่ 20 พฤษภาคม ดาวน์โหลดได้ที่นี่
- รูปภาพสำหรับ กลุ่มที่ 4 ช่วงบ่าย วันที่ 20 พฤษภาคม ดาวน์โหลดได้ที่นี่
** รูปทั้งหมด สงวนสิทธิ์โดย ช่างภาพ คุณ ศาตพันธุ์ คันธา/ Suzuki Motor ประเทศไทย / Headlightmag อนุญาตให้โหลดไว้ดูเล่นได้ โพสต์ส่วนตัวได้ แต่ไม่ยินยอมให้มีการนำไปใช้ในเชิงการค้าขาย พาณิชย์ ธุรกิจอื่นที่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้สงวนสิทธิ์ทั้งสามฝ่าย **