ขณะนี้ กระแสของรถแฮทช์แบคซับคอมแพคท์กำลังจะกลายพันธุ์แตกเนื้องอกเซกเมนต์
ย่อยออกมาจับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันเพื่อค้นหาความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด
บางค่ายต้องมีรถซับคอมแพคท์ B-Segment ตัวถังท้ายตัดออกมา 2 รุ่นกันเลยทีเดียว
Suzuki เจ้าสมรภูมิแห่งรถขนาดเล็กก็กำลังเดินตามเกมของ Nissan ที่จะต้องมีรถแฮทช์
แบคขนาดเล็กขายพร้อมกันถึง 2 รุ่นสำหรับกลุ่มตลาดที่แตกต่างกันถึงขั้นลงทุนเปิดตัว
Suzuki Baleno ใหม่สำหรับจับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเหตุผลในการซื้อมากกว่าอารมณ์สปอร์ต
ดังนั้น Suzuki Baleno ใหม่จึงมีบุคลิกภาพที่สวนทางกับ Suzuki Swift “ทุกอย่าง” เริ่ม
จากดีไซน์ภายนอกที่ดูอนุรักษ์นิยมเป็นอย่างมากจนถึงขั้นย้อนกลับไปใช้ทรงไฟหน้า Suzuki
ที่เคยนิยมในช่วงยุค 2000 ต้น ๆ มีจุดเด่นด้านความกว้างขวางของห้องโดยสารและเนื้อที่
ห้องสัมภาระที่จุดถึง 355 ลิตรเทียบเท่ากับรถซีดาน C-Segment ยอดนิยม (ขณะที่ Swift
กลับมีเนื้อที่ห้องสัมภาระแค่เพียง 210 ลิตร)
จุดขายสำคัญมาก ๆ ของ Suzuki Baleno คือเป็นรถ B-Segment ที่มีเนื้อที่ห้องโดย
สารหลังกว้างขวางมาก (สื่อมวลชนต่างชาติหลายรายก็ยกให้เป็นความดีของรถรุ่นนี้)
ด้วยตัวรถที่ยาวกว่า Swift ด้วยความยาว 3,995 มิลลิเมตร และมีฐานล้อที่ยาว 2,520
มิลลิเมตร ซึ่งจะพบว่าขนาดตัวถังและความยาวฐานล้อจะไม่ยาวเท่ากับ Honda Jazz
, Toyota Yaris Asian Version และ Nissan Note แต่ Suzuki Baleno ใหม่กลับ
มีความยาวห้องโดยสารที่ไม่แตกต่างจากผู้ผลิตทั้ง 3 เท่าไรนัก (Suzuki Baleno มีความ
ยาวห้องโดยสาร 1975 มิลลิเมตร, Honda Jazz 1,935 มิลลิเมตรและ Nissan Note
2,065 มิลลิเมตร)
ถ้าในเมื่อจุดขายของมันคือเป็นรถที่มีเนื้อที่ห้องโดยสารกว้างขวางเราจึงเห็นแนวทาง
การออกแบบภายในห้องโดยสารที่ดูเรียบง่าย เน้นเส้นสายเป็นแนวกว้าง ดูปลอดโปร่ง
พอสมควร
Suzuki Baleno เพิ่งทำตลาดในออสเตรเลียเมื่อเร็ว ๆ นี้โดยเป็นการนำเข้ารถมาจาก
ประเทศอินเดีย อันเป็นฐานการผลิตหลักของ Baleno ณ เวลานี้
สำหรับสเปค Suzuki Baleno เวอร์ชันออสเตรเลียจะไม่แตกต่างจากเวอร์ชันที่จำหน่าย
ในตลาดยุโรปมากนัก เริ่มกันที่ขนาดตัวถังที่มีความยาว 3,995 มิลลิเมตร กว้าง 1,745
มิลลิเมตร สูง 1,470 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,520 มิลลิเมตร ตัวรถถือว่าใหญ่กว่า
Suzuki Swift ทุกมิติ
ขุมพลังมีให้เลือก 2 รุ่น รุ่นแรก Suzuki Baleno GL เครื่องยนต์เบนซิน 1.4 ลิตร 91
แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 130 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์
ธรรมดา 5 จังหวะที่มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 5.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย
CO2 118 กรัมต่อกิโลเมตร (มีน้ำหนักตัวถัง 895 กิโลกรัม) และเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ
ที่มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 5.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 126 กรัม
ต่อกิโลเมตร (มีน้ำหนัก 915 กิโลกรัม)
Suzuki Baleno GLX Turbo จะติดตั้งเครื่องยนต์ BoosterJet บล็อก 3 สูบ 1.0 ลิตร
เทอร์โบชาร์จ 109 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 160 นิวตันเมตรที่ 1,500 –
4,000 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 5.2 ลิตร
ต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 121 กรัมต่อกิโลเมตร (มีน้ำหนัก 975 กิโลกรัม)
Suzuki Baleno เวอร์ชันออสเตรเลียทุกรุ่นจะติดตั้งถุงลมนิรภัย 6 ใบ, กุญแจอิมโมบิ
ไลเซอร์, ระบบเบรก ABS/EBD/BAS, ระบบช่วยเหลือการทรงตัว ESP/Traction Control
, จุดยึดเบาะ Isofix, ระบบช่วยขับขี่เนินเขา Hill Hold Control, Cruise Control
เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ลิสต์รายการออพชั่นที่เหลือก็น่าน้ำลายไหลทั้งนั้นเพราะฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์กล้า
จัดเต็มจัดจริง อาทิ เบาะหนัง, หน้าจอสัมผัสพร้อมแผนที่นำ/ออกคำสั่งด้วยเสียง
รองรับ Apple CarPlay/Bluetooth, ปุ่มปรับพวงมาลัย, ลำโพง 2 ตัวพร้อมทวีต
เตอร์ 2 จุด, กล้องส่องถอยหลังและสปอยเลอร์ท้ายทุกรุ่น
สำหรับ Suzuki Baleno GLX Turbo จะมีออพชั่นพิเศษเฉพาะตัว อาทิ แอร์อัตโนมัติ
, พวงมาลัยปรับระดับได้, ไฟหน้า HID Projector, ไฟเลี้ยงฝังกรอบกระจกมองข้าง
และมือจับประตูสีโครม เป็นต้น
สำหรับบ้านเราคงต้องลุ้นว่า Suzuki จะนำ Baleno เป็นทางเลือกที่สองต่อจาก Swift หรือไม่?
ที่มา : Suzuki Australia