จากข้อมูลยอดขายรถยนต์ในช่วงเดือน มกราคม – กันยายน ที่ผ่านมา ชี้ชัดได้ว่าปี 2024 เป็นอีกปีที่ “เหนื่อย” สำหรับตลาดรถยนต์ในบ้านเรา ท่ามกลางตัวเลข Year-on-Year แดงติดลบเกือบทั้งแผง ค่ายรถยนต์บางหลายเลือกที่จะชะลอแผนเปิดผ้าคลุมผลผลิตใหม่ของตนออกไป เพราะมองว่ากระแสตอบรับจากผู้บริโภคในช่วงนี้ อาจไม่คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ลงทุน ทว่ายังใช้วิธีการกระตุ้นตลาดด้วยการเปิดตัวรุ่นพิเศษและรุ่นปรับโฉมออกมา เพื่อไม่ให้ดูเงียบเหงาจนเกินไป รวมถึงยังมีอีกหลายที่เปิดเกมบุกต่อเนื่องแบบไม่ย่อท้อ ทำให้งาน Thailand International Moto EXPO ในปีนี้ ยังคงอุดมไปด้วยรถยนต์หลายรุ่นให้ทุกท่านได้ยลโฉมเหมือนเดิม
งาน Thailand International Motor Expo 2024 หรือ มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 จัดขึ้นโดย บริษัท สื่อสากล จำกัด ภายใต้แนวคิด “จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม…ยานยนต์ล้ำอนาคต”
ช่วงเวลาจัดงาน มีดังนี้
- 28 พฤศจิกายน เวลา 09.00 – 22.00 น. วันสื่อมวลชน บุคคลสำคัญ และพิธีเปิดงาน
- 29 พฤศจิกายน เวลา 12.00 – 22.00 น. วันมหากุศล สำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการเข้าชมงานในวันนี้ สามารถซื้อบัตรเข้าชมงานราคา 100 บาท เพื่อร่วมทำกุศลกับผู้จัดงาน
- 30 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม วันสำหรับบุคคลทั่วไป
- วันธรรมดา เวลา 12.00 – 22.00 น.
- วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ เวลา 11.00 – 22.00 น.
ในบทความนี้ ผมจะไม่ได้บอกเล่ารายละเอียดของรถยนต์ทุกรุ่น ยกเว้นรุ่นใหม่ เพิ่งเปิดตัว หรือรุ่นที่เป็นไฮไลท์ดาวเด่น แต่พยายามเก็บภาพทุกคันภายในงานมาให้ได้ชมกัน สำหรับคุณผู้อ่านที่ติดภารกิจกิจ ไม่สามารถเดินทางมาชมด้วยตาตนเองได้ อีกทั้งเพื่อให้ง่ายต่อการเล็งเป้า (หมาย) สำหรับคนที่กำลังจะเข้างานมาสัมผัสรถรุ่นที่สนใจ
ก่อนเลื่อนไปรับชม ของแจ้งก่อนว่า ภาพถ่ายทั้งหมดถูกเก็บในวันงานรอบสื่อมวลชน วันที่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม บางบูธอาจจัดรูปแบบการแสดงรถแต่ละรุ่นเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย ตามความเหมาะสม
AUDI
แม้ว่ายอดขายจะหดตัวลงพอสมควร ทว่า Audi ยังสู้ไม่ถอย ขนทัพรถยนต์แทบทุกรุ่นเข้าร่วมงานเหมือนเช่นเคย สำหรับรถยนต์ที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆ เป็น SUV 2 รุ่น เริ่มจาก Q6 e-tron Performance รถยนต์ไฟฟ้าทรงสูงกับค่าตัว 4,699,000 บาท เข้ามาแทรกตัวอยู่ระหว่าง Q5 และ Q7 มีจุดเด่นอยู่ที่การใช้แพลตฟอร์ม 800V ที่ทาง Audi พัฒนาขึ้นร่วมกับ Porsche ติดตั้งขุมพลังมอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง 302 แรงม้า พ่วงด้วยแบตเตอรี่ 100 kWh ตัวรถโดยรวมถือว่าน่าใช้ อ็อพชั่นแน่น เบาะนั่งสบาย เสียอย่างเดียว… ลายล้อแอบจืดไปนิด
คันต่อไปมาที่เพิ่งเปิดราคาไปหมาดๆ ก็คือ Q7 TFSI e quattro S line Edition One 4,799,000 บาท เป็นรุ่นปรับโฉม Minorchange ของ Q7 ขุมพลัง Plug-in Hybrid ได้รับปรับหน้าตาภายนอกเล็กน้อย พร้อมเปลี่ยนล้ออัลลอยลายใหม่จนแอบคล้าย Rolls-royce Cullinan (ที่ดูหนุ่มขึ้น) ด้านขุมพลังยังคงส่วนผสมระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน V6 3.0 ลิตร Turbo + มอเตอร์ไฟฟ้า แต่ปรับเพิ่มความจุแบตเตอรี่เป็น 25.9 kWh ตลอดจนปรับปรุงระบบจัดการแบตเตอรี่ใหม่ วิ่งต่ำกว่า 65 km/h ระบบฯ จะไม่ชาร์จแบตเตอรี่ ทำให้ประหยัด และวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกลขึ้น
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Audi Q7 TFSI e quattro S line Edition One (Minorchange 2024) ได้ที่นี่ Click Here
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Audi Q6 e-tron Performance ได้ที่นี่ Click Here
BMW / MINI
“แม้ว่าปีนี้จะเป็นปีที่ท้าทายของวงการยานยนต์ แต่เราก็ยังคงรักษาผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและความเป็นผู้นำในตลาด (Premium Brands) ไว้ได้อย่างต่อเนื่องตลอด 4 ปีที่ผ่านมา และใน 10 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้” คำกล่าวของคุณ เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและ CEO ของ BMW Group ประเทศไทย เป็นการเปรยเล็กๆ ว่าเราอาจได้เห็นค่ายใบพัดฟ้าขาวครองตำแหน่งจ่าฝูงในกลุ่มแบรนด์พรีเมียมได้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5
การเปิดตัวรถใหม่ของ BMW ช่วงปลายปีน้ี จะเน้นไปทางกลุ่ม Performance Cars เริ่มจาก M4 CS LCI รุ่นปรับโฉม “จุกจิกเช้นจ์” ค่าตัว 14,999,000 บาท เปลี่ยนเส้นไฟ Daytime Ruuning Light คล้ายเลข 11 พร้อมอัพเกรดไฟท้ายเป็นแบบเดียวกับ M4 CSL มีสีใหม่ให้เลือกเป็นสีฟ้า Riviera Blue และสีเขียว Frozen Isle of Man Green Metallic ขุมพลังยังคงเดิม ตามด้วย M5 ใหม่ รหัสตัวถัง G90 ซีดานตัวแรงที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินบล็อกโต V8 4.4 ลิตร Twin-Turbo Plug-in Hybrid ผลิตกำลังรวมได้ 727 แรงม้า 1,000 นิวตันเมตร ตัวเลขสมรรถนะเคลม อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 3.4 วินาที Top Speed ทะลุ 300 km/h เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าน้ำหนักตัว 2.5 ตัน ไม่ใช่ปัญหาสำหรับ M5 ในทางตรง แต่ความบรรเทิงในโค้ง ยังต้องรอการพิสูจน์… สำหรับค่าตัวของ M5 นั้น เริ่มต้นที่ 12,999,000 บาท หากอัพเกรดเบรกเป็น Carbon Ceramic ต้องจ่ายเพิ่มอีก 700,000 บาท
320d M Sport (G20) รุ่นขายดี ได้รับการอัพเดทเพิ่มเติมด้วยรุ่นปรับโฉม LCI รอบที่ 2 หน้าตาภายนอกเหมือนเดิม ส่วนที่ต่างจะอยู่ที่ภายในห้องโดยสารที่มาพร้อมช่องแอร์กลางและแผงควบคุมใหม่ พวงมาลัย M ดีไซน์ใหม่ วัสดุตกแต่งแผงแดชบอร์ดแบบอะลูมีเนียมผิวด้าน และระบบปฏิบัติการ BMW OS 8.5 ที่ใช้งานง่ายขึ้น
สำหรับสาย SUV มี X3 (G45) โฉมใหม่มาให้ได้ยลโฉม แต่ยังไม่ประกาศราคา ประเดิมด้วยรหัส xDrive20d M Sport Pro เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร Turbo พ่วงระบบ MHEV 197 แรงม้า 400 นิวตันเมตร ออกขายควบคู่กับ X3 M50 xDrive ขุมพลังเผ็ดกลาง นำเข้าทั้งคันจากสหรัฐฯ วางเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ 3.0 ลิตร Turbo MHEV พกแรงม้าจากโรงงาน 398 ตัว เคลมอัตราเร่ง 0 – 100 km/h ใน 4.6 วินาที น่าจะฟัดกับ AMG GLC 43 สนุกทีเดียว
รถใหม่ทางฝั่ง MINI เป็น Countryman S เวอร์ชั่นเครื่องยนต์สันดาปของ MINI ที่… ไม่เล็กนะครับ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร Turbo 204 แรงม้า 300 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ ALL4 สไตล์การตกแต่งภายนอกและภายใน มีให้เลือก 2 รูปแบบ ได้แก่ รุ่นเริ่มต้น Classic 2,599,000 บาท และรุ่นท็อป Hightrim 2,799,000 บาท
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ All NEW BMW M5 ได้ที่นี่ Click Here
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ BMW M4 CS (LCI) ได้ที่นี่ Click Here
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ BMW 320d M Sport (LCI 2024) ได้ที่นี่ Cilck Here
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ All NEW BMW X3 xDrive 20d M Sport Pro ได้ที่นี่ Click Here และ X3 M50 xDrive ได้ที่นี่ Click Here
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ All NEW MINI Countryman S ได้ที่นี่ Cilck Here
BYD / DENZA
ยังคงคึกคักเสมอสำหรับ BYD รถใหม่ประจำบูธนี้ Sealion 7 รถยนต์ไฟฟ้า Crossover SUV ท้ายลาดสไตล์ Coupe มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ Premium RWD มอเตอร์เดี่ยว 313 แรงม้า 380 นิวตันเมตร Performance AWD มอเตอร์คู่ 530 แรงม้า 690 นิวตันเมตร ทั้งคู่จะใช้แบตเตอรี่ความจุเท่ากัน 82.5 kWh เคลมวิ่งได้ไกลสุด 542 – 567 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) ภาพรวมการขับขี่จากที่ได้ลองขับเวอร์ชั่นโปรโตไทป์ในสนามพีระ เมื่อหลายเดือนก่อน ยังไม่ใช้สายเน้นขับสนุก แต่ลุกนั่งสบายพอตัว
อีกฟากของบูธถูกแบ่งออกสำหรับแบรนด์พรีเมียม Denza เพิ่งประกาศเปิดตัวแบรนด์ พร้อมเปิดผ้าคลุมรถรุ่นแรกอย่าง D9 เป็นรถ MPV 7 ที่นั่ง ขุมพลังไฟฟ้า พิกัดเดียวกับ Alphard / Vellifre มีดีที่ความคุ้มค่าในแง่อ็อพชั่นเทียบกับราคา สำหรับการใช้งานทั่วไป รุ่นเริ่มต้น Premium ราคา 1,999,900 บาท ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน ขณะที่รุ่นท็อป Performance AWD ซึ่งได้มอเตอร์หลังเพิ่มมาอีก 1 ตัว ช่วงล่างอัพเกรดเป็น DiSusC ปรับความหนืดด้วยไฟฟ้า รวมถึงสิ่งละอันพันละน้อย อาทิ ไฟเส้น LED บนกระจังหน้า กระจกมองหลังดิจิตอล ฯลฯ ดูไม่ค่อยคุ้มกับส่วนต่าง 7 แสนบาท
นอกจากนี้ รถรุ่นอื่นๆ ก็ยังมีมาโชว์ภายในงาน ไม่ว่าจะเป็น Dolphin, Atto3, Sealion 6 และ Seal
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Denza D9 ได้ที่นี่ Click Here
CHANGAN (CHANGAN / DEEPAL / AVATR)
สำหรับบูธ ChangAn ยังคงยืนพื้นด้วย Lumin, Deepal S07/L07 และ Avatr 11 ส่วนของใหม่เปิดตัวภายในงาน คือ Deepal E07 กระบะ + SUV หรือ SUV + กระบะ (แล้วแต่จะเรียก… เหมือนพริกน้ำปลา กับน้ำปลาพริก) มิติตัวรถไม่เล็ก ยาว 5.45 เมตร กว้าง 1.996 เมตร เน้นตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง ด้วยจุดเด่นบริเวณด้านหลังรถที่สามารถเปิด – ปิดหลังคาครอบกระบะท้ายได้ แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย ได้แก่ มอเตอร์เดี่ยว ขับหลัง 342 แรงม้า 365 นิวตันเมตร และ มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 598 แรงม้า 645 นิวตันเมตร เคลมอัตราเร่ง 0-100 km/h ใน 3.96 วินาที (จะแรงไปไหน!?) ทั้ง 2 รุ่น ติดตั้งแบตเตอรี่ ขนาด 89.98 kWh แล่นได้ไกลสูงสุด 590 – 640 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC)
สำหรับกระบะแท้ 100% ก็มีมาโชว์เช่นกัน Deepal P201 (บางตลาดในชื่อ Changan Hunter) ขุมพลัง EREV มอเตอร์คู่ 272 แรงม้า พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion LFP ความจุ 31.18 kWh เครื่องยนต์ที่ติดตั้งเข้ามาเพื่อทำหน้าที่เป็นเครื่องปั่นไฟ เป็นเครื่องยนต์เบนซิน รหัส JL486ZQ6 ขนาด 2.0 เทอร์โบ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า เพิ่มระยะทางขับขี่สูงสุดเป็น 1,031 กิโลเมตร
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Avatr 11 ได้ที่นี่ Click Here
FORD
Ford เพิ่มสีสันให้ตลาดอีกครั้งด้วยการเปิดตัว Ranger MS-RT รุ่นย่อยพิเศษสไตล์ Racing โดยได้รับการพัฒนาร่วมกับ Ford, สำนักแต่ง MS-RT และ M-Sport พันธมิตรด้านมอเตอร์สปอร์ตที่ทำงานร่วมกับ Ford ในยุโรป วางขุมพลังดีเซล V6 3.0 ลิตร Twin-Turbo 250 แรงม้า 600 นิวตันเมตร ผูกกับเกียร์อัตโนมัติ 10AT และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (Part-time/Full-time 4A) ภายนอกและภายในได้รับการตกแต่งเพิ่มเติม ฉีกจาก Ranger ปกติ ราวกับรถคนละรุ่น สิ่งที่โดดเด่นที่สุด คือ ชิ้นส่วนโป่งตัวถังด้านข้างแบบกว้างพิเศษราวกับนำเอา Ranger RAPTOR มาโหลดเตี้ย จนได้รับสมยานามจากลูกค้าชาวไทยว่า “แร็พเตี้ย”
อีกรุ่น แม้จะไม่ค่อยสร้างเสียงฮือฮา แต่ในแง่การทำยอดขาย ไม่ธรรมดา… Ranger Double Cab XLS รุ่นปี 2024 เพิ่มการตกแต่งภายนอกโทนเข้ม พร้อมล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว ลายใหม่ ภายในได้เบาะหนังเหมือนรุ่น Sport แม้อุปกรณ์โดยรวมจะไม่หวือหวา แต่ก็เพียงพอในแบบที่ลูกค้าต้องการ ตามจุดประสงค์ที่เขาต้องการให้เป็น กระบะ 4 ประตู ยกสูง เกียร์ออโต้ ค่าตัวถูกเป็นอันดับต้นๆ ของตลาด ด้วยราคาพิเศษ 799,000 บาท (จากราคาเต็ม 919,000 บาท)
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Ford Ranger MS-RT ได้ที่นี่ Cilck Here
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Ford Ranger Double Cab XLS (MY2024) ได้ที่นี่ Click Here
GAC (AION / HYPTEC)
รถภายในบูธ GAC รอบนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นรุ่นที่เปิดราคาและวางจำหน่ายเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น AION ES, AION Y Plus และ Hyptec HT สำหรับรุ่นที่เพิ่งประกาศราคาภายในงาน Motor EXPO 2024 ได้แก่ AION V รถที่มีความก้ำกึ่งในหลายด้าน รูปทรงมีความเป็นลูกครึ่งระหว่าง SUV และ MPV ขณะที่ไซส์รถก็ก้ำกึ่งระหว่าง B และ C-Segment แต่ไม่ว่าจะอย่างไร… นี่คือขุนศึกคนใหม่ของ AION ที่ถูกส่งมาฟาดคู่ต่อสู่ในสมรภูมิ EV อาศัยจุดเด่นด้านพื้นที่และประโยชน์ใช้สอยภายในห้องโดยสาร ตลอดจนการขับขี่โดยภาพรวมที่ดูเฟิร์มกระชับกว่ารถสัญชาติเดียวกันหลายรุ่น
นอกจากนี้ GAC ยังมีการหยั่งกระแสตอบรับจากกลุ่มลูกค้าที่กำลังมองหา MPV 7 ที่นั่ง ประตูสไลด์ ขุมพลังไฟฟ้า ด้วยการนำ AION M8 มาจัดแสดง ทว่ายังไม่ได้ระบุถึงการนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยแต่อย่างใด
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ AION V ได้ที่นี่ Click Here
GEELY AUTO
แม้ว่าทั้ง Geely Auto, Zeekr, Volvo, Lotus รวมถึง Riddara จะมีแม่ (Geely Holding Group) คนเดียวกันในจีน แต่พอมาทำงานในเมืองไทย ต่างก็ต้องแยกกันทำหน้าที่ของตนเอง ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจหากแต่ละแบรนด์ไม่ถูกมัดรวมเป็นบูธเดียวกัน สำหรับ Geely Auto ในประเทศไทย อยู่ภายใต้การบริหารงานโดยกลุ่มธนบุรีพานิช ถือฤกษ์งามยามดีช่วงงาน Motor EXPO 2024 เป็นเวทีเปิดตัว EX5 ในฐานะรถรุ่นแรกที่จะเข้ามาทำตลาดในบ้านเรา เจาะตลาดกลุ่ม B-SUV ขุมพลังไฟฟ้า ชนกับ BYD Atto 3 โดยตรง
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Geely EX5 ได้ที่นี่ Click Here
GWM (ORA / HAVAL / TANK / POER / WEY)
รอแล้ว รอเล่า เฝ้าแต่รอ… สุดท้ายก็ได้เวลาเฉิดฉาย สำหรับ POER Sahar (โพเออร์ ซาฮาร์) กระบะ 1 ตัน บนพื้นฐาน TANK 500 เน้นชูจุดเด่นด้านความหรูหราภายในห้องโดยสาร มีให้เลือกด้วยกัน 2 รุ่นย่อย ได้แก่ Double Cab 2.0 HEV PRO และ Double Cab 2.0 HEV ULTRA 4WD ประจำการด้วยขุมพลังเบนซิน 2.0 ลิตร Turbo Hybrid 244 แรงม้า 380 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 106 แรงม้า 268 นิวตันเมตร เน้นพละกำลังฉุดลาก แต่อย่าเพิ่งคาดหวังความประหยัด
ทางฝั่งรถโชว์ ปีนี้มี TANK 700 Hi4-T SUV ทรงกล่องสไตล์ Off-road ขุมพลังเบนซิน V63.0 ลิตร Twin-Turbi 360 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า ได้พละกำลังรวมสูงสุด 517 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ NMC ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9HAT ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD เคียงบ่าเคียงไหล่กับ WEY 80 PHEV รถตู้ MPV 7 ที่นั่ง ดีไซน์พิมพ์นิยม ถือเป็นการหยั่งกระแสตอบรับในกลุ่มรถยนต์ที่กำลังได้รับความนิ
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ POER Sahar HEV ได้ที่นี่ Click Here
HONDA
Honda ยังคงเดินหน้าเปิดตัวรถใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะขุมพลัง Hybrid e:HEV ที่สอดแทรกเข้าไปอยู่ในเกือบทุก Segment สำหรับงานในครั้งนี้ มีความอุ่นหนาฝาคั่งจากบรรดารถยนต์ Honda รุ่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น City, Civic, Accord, WR-X, BR-V, CR-V รวมถึง HR-V ที่เพิ่งปรับโฉม Minorchange ไปหมาดๆ แม้ว่าหน้าตาโดยรวมจะดูคล้ายรุ่นเดิม ทว่าอ็อพชั่นที่เพิ่มเติมเข้ามาให้นั้นมีไม่น้อย โดยราคาจำหน่ายในทุกรุ่นคงเอาไว้เท่าเดิม ยกเว้นรุ่นเริ่มต้น e:HEV E ที่ทำราคาพิเศษช่วงเปิดตัวออกมาเหลือเพียง 899,000 บาท หรือถูกกว่าเดิม 70,000 บาท เลยทีเดียว !
อ่านข้อมูลทั้งหมดของ Honda HR-V e:HEV Minorchange ได้ที่นี่ Click Here
HYUNDAI
ยังคงใส่เกียร์เดินหน้าเต็มพิกัดสำหรับ Hyundai Mobility (ประเทศไทย) รถใหม่พร้อมขายในช่วงปลายปีนี้ ประเดิมด้วย IONIQ 5 N พลังถ่านตัวแรงที่ได้รับการยกย่องจากสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ แม้กระทั่งพี่ J!MMY ของเรา ยังแอบปันใจให้ บินไปขับไกลถึงอินโดนีเซียมาแล้วยังไม่พอ ขอกลับไปซ้ำอีกรอบที่บริสเบน ออสเตรเลีย รอติดตามคลิปทดสอบได้เร็วๆ นี้
ส่วนคันถัดมาเป็น Hyundai Palisade Minorchange รถ D-SUV ร่างโต สมราคา 2,299,000 – 2,499,000 บาท ส่งตรงจากโรงงานตันจง ประเทศเวียดนาม ได้สิทธิพิเศษทางภาษีจนสามารถตั้งแต่ราคาให้อยู่ระดับที่คนส่วนใหญ่เข้าถึงได้ จริงอยู่ที่ Palisade รุ่นทดลองตลาด เครื่องยนต์เบนซิน V6 3.8 ลิตร รุ่นนำเข้าจากเกาหลี จะมีคุณภาพวัสดุหนังภายในห้องโดยสารที่ดีกว่า ทว่าเวอร์ชั่นที่ออกจำหน่ายในบ้านเรา ณ เวลานี้ กลับสร้างความน่าประทับใจได้มากกว่าในแง่ช่วงล่าง ซึ่งดูเหมือนว่ามีการปรับเซ็ตให้เฟิร์มขึ้น มีความนิ่งแน่นขึ้นในยามขับเดินทางไกลออกต่างจังหวัด ใครที่กำลังเล็ง SUV ระดับราคาไม่เกิน 2.5 ล้านบาทอยู่ อย่าเพิ่งมองข้ามคันนี้ไปครับ
อ่านข้อมูลทั้งหมดของ Hyundai Palisade ได้ที่นี่ Click Here
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Hyundai IONIQ 5 N ได้ที่นี่ Click Here
ISUZU
และแล้วก็มาถึง สำหรับเครื่องดีเซล 2.2 ลิตร Turbo 163 แรงม้า 400 นิวตันเมตร รหัส RZ4F-TC เป็นการพัฒนาต่อยอดจาก RZ4E-TC ดีเซล 1.9 ลิตร Turbo โดยเปลี่ยนชิ้นส่วนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น เสื้อสูบ ฝาสูบ ลูกสูบ ก้านสูบ เพลาข้อเหวี่ยง ตลอดจนระบบอัดอากาศ Turbo ลูกใหม่ ขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมระบบควบคุมแรงดันเวสเกสต์แบบไฟฟ้า จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ลูกใหม่ อัตราทดใหม่ และเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ลูกใหม่ ช่วงอัตราทดเกียร์กว้างขึ้น ประจำการทั้งใน D-Max และ MU-X
สมรรถนะของเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร Turbo ในภาพรวม แม้ในเกมจับเวลาหาอัตราเร่ง 0 – 100 km/h จะได้ผลลัพท์ไม่ต่างจากเครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร Turbo มากนัก ทว่าในการขับขี่แบบปกติทั่วไป กดคันเร่งราวๆ 30 – 50% แรงบิดช่วงต้นที่สูงขึ้น มาเร็วขึ้น ตลอดจนอัตราทดเกียร์ 8AT ที่ชิดกันมากขึ้น ทำให้เกิดความกระฉับกระเฉง และไหลลื่นมากขึ้น ประมาณหนึ่ง
สำหรับบูธ Isuzu ในรอบนี้ ยังคงมีทั้ง Isuzu D-Max และ MU-X ใหม่ เวอร์ชั่นปกติ และเวอร์ชั่นตกแต่งพิเศษ โดยพาร์ทเนอร์รายต่างๆ ขนทัพมาให้ชมกับแบบจุกๆ เหมือนเช่นเคย
อ่านบทความ First Impression ทดลองขับ ISUZU D-MAX & MU-X 2.2 Ddi MAXFORCE ได้ที่นี่ Click Here
JEEP
บูธ JEEP บนพื้นที่ของ MGC-ASIA ปีนี้ ยังไม่มีอะไรใหม่ พระเอกหลัก Jeep Grand Cherokee Summit Reserve 4xe และ Jeep Wrangler Rubicon 4-Door Minorchange ยังคงถูกนำมาให้สัมผัสกันตัวเป็นๆ ก่อนตัดสินใจเซ็นใบจอง
JUNEYAO
“จูนเหยา” แบรนด์หน้ารถยนต์ไฟฟ้าหน้าใหม่ที่ลงสู่สมรภูมิ EV ในประเทศจีนเมื่อช่วงกลางปี 2024 ที่ผ่านมา อยู่ภายใต้เครือ JuneYao Group บริษัทแม่ของสายการบิน JuneYao Airlines ในประเทศจีน แม้เพิ่งประกาศเริ่มดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรในบ้านเกิดไปหมาดๆ แต่ก็ไม่รอช้า… รีบปรี่เข้ามาในตลาดเมืองไทย นำทัพโดย คุณ จาง ไห่โป อดีตผู้บริหารค่ายจีนขึ้นต้นด้วย M ลงท้ายด้วย G วางกลยุทธ์ให้รถยนต์ไฟฟ้า JuneYao JY Air เป็นตัวเปิดเกม ตัวรถมาพร้อมระบบขับเคลื่อนมอเตอร์เดี่ยว 204 – 216 แรงม้า พ่วงด้วยแบตเตอรี่ ความจุ 51 – 64 kWh เคลมวิ่งได้ไกลสุด 430 – 520 กิโลเมตร (NEDC) สนนราคาในไทย 759,000 – 869,000 บาท จะสู้ค่ายอื่นไหวหรือไม่… ต้องรอติดตาม
KIA
หลังเปิดตัว EV5 และ EV9 ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่าน งานปลายปี KIA เลยขอสร้างสีสันต์และความน่าสนใจของบูธ ด้วยการนำ EV 5 GT-line รุ่นย่อยใหม่ มาโชว์ตัว สิ่งที่ทำให้ GT-line แตกต่างจากรุ่นปกติ ได้แด่ ชุดตกแต่งภายนอกรอบคันแบบ GT-Line แถบไฟ LED บริเวณกึ่งกลางกระจังหน้า ไฟเลี้ยวหน้า – หลัง แบบ Sequential สัญลักษณ์ GT -Line บริเวณฝาท้าย ล้ออัลลอย GT-Line ขนาด 20 นิ้ว รัดด้วยยาง 255/45 R20 ภายในห้องโดยสารเปลี่ยนมาใช้สีทูโทน ขาวสลับดำ เปลี่ยนพวงมาลัยเป็นแบบ GT-Line 3 ก้าน สนนราคาพิเศษช่วงเปิดตัวอยู่ที่ 1,849,000 บาท จำกัดแค่ 80 คัน หลังจากนั้น จะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น
สำหรับคนที่ยังไม่พร้อมใช้ EV ทาง KIA ก็ยังมีรถรุ่นอื่นๆ ให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น Sorento HEV รวมถึง Carnival รุ่นต่างๆ ที่ดูยั่วยวนมากที่สุด เป็นรุ่นไหนไปไม่ได้นอกจาก Carnival EX ที่ประกาศแคมเปญส่งเสริมการขาย รับมือตลาด MPV ที่กำลังดุเดือด ด้วยราคาพิเศษ 1,999,000 บาท จากราคาปกติ 2,234,000 บาท
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ KIA EV5 GT-line ได้ที่นี่ Click Here
LEAPMOTOR
แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า ภายใต้กลุ่ม Stellantis เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย บริหารงานโดยกลุ่ม พระนครยนตรการ เปิดตัวรถยนต์รุ่นแรกในชื่อ Leapmotor C10 พิกัดรถยนต์ C-Segment Crossover ขุมพลังไฟฟ้า มอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง RWD พละกำลัง 218 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 69.9 kWh เคลมระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จเต็ม 1 รอบ 424 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP คลิปทดสอบโดยพี่ J!MMY น่าจะคลอดออกมาให้ได้รับชมกันเร็วๆ นี้
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Leapmotor C10 ได้ที่นี่ Click Here
LOTUS
MASERATI
ย้ายจากบูธรถอังกฤษมาที่บูธรถอิตาลี่ Maserati ปีนี้ นำรถยนต์ขุมพลังไฟฟ้าตระกูล Folgore มาโชว์หลายรุ่น เริ่มจาก Grecale Folgore ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว รวมพละกำลังสูงสุดทั้งระบบ 557 แรงม้า 820 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ High-voltage 400V ความจุ 105 kWh เคลมอัตราเร่ง 0 – 100 km/h ใน 4.1 วินาที และสามารถไต่ความเร็วจาก 0 – 200 km/h ภายใน 16.1 วินาที
ถ้าคุณคิดว่านั่นยังไม่สะใจพอ… ข้างๆ กันยังมี GranTurismo Folgore ที่สามารถเร่งจาก 0 – 100 km/h ภายใน 2.7 วินาที และใช้เวลาอีกแค่ 6.1 วินาที ในการเร่งต่อไปที่ความเร็ว 200 km/h จบ Top Speed ที่ความเร็ว 320 km/h ด้วยพลังจากมอเตอร์ Radial Motors 3 ตัว กำลังสูงสุด 830 แรงม้า ในโหมด MaxBoost แรงบิดสูงสุด 1,350 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 800 V ความจุ 92.5 kWh ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD พร้อมระบบ Torque Vectoring มาครับทั้งรุ่นปกติ และรุ่น 110th Edition ผลิตเพียง 110 ในโลก และ สีนี้มีเพียง 55 คันทั่วโลก
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Maserati Grecale Folgore ได้ที่นี่ Click Here
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Maserati GranTurismo Folgore ได้ที่นี่ Click Here
MAZDA
ดาวเด่นแห่งบูธ Mazda ครั้งนี้ ได้แก่ BT-50 Minorchange 2025 มาดภายนอกใหม่ดูสวยลงตัวขึ้น มาพร้อมการปรับไลน์อัพใหม่ เปลี่ยนชื่อรุ่นย่อยเป็น XS, XT และ XTR ในรุ่น XS และ XT จะได้ขุมพลังใหม่ เป็นเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร Turbo 163 แรงม้า 400 นิวตันเมตร ผูกกับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ในแง่ของสมรรถนะการขับขี่ คาดว่าคงจะไม่ได้แตกต่างจากแฝดคนละฝาอย่าง Isuzu D-Max 2.2 Ddi MaxForce เท่าไหร่นัก
นอกจากนี้ ยังมี CX-5 รุ่นปรับโฉม Minorchange 2025 ให้ได้ยลโฉม แม้ความเปลี่ยนแปลงในแง่ดีไซน์ และการเพิ่มเติมอ็อพชั่น จะไม่ได้มากมายนัก ทว่าคราวนี้ Mazda ขอสู้ด้วยกลยุทธ์การตั้งราคาที่ปรับลดลงจากรุ่นก่อนหน้าราวๆ 1 – 2.5 แสนบาท และสำหรับใครก็ตามที่ยังเล็งๆ Mazda 6 เอาไว้ ได้ข่าวมาว่า มีโปรฯ ราคาพิเศษเสนอให้ด้วยเช่นกัน
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Mazda BT-50 Minorchange 2025 ได้ที่นี่ Click Here
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Mazda CX-5 Minorchange 2025 ได้ที่นี่ Click Here
MERCEDES-BENZ
มาต่อกันที่อีกหนึ่งบูธที่มีของดีของเด็ดให้รับชมกันแบบจุใจ รถเด่นประจำบูธ Mercedes-Benz ปีนี้ เป็น G-Class ขุมพลังไฟฟ้า มีพื้นฐานจากรุ่นปกติ แต่เปลี่ยนมาใช้ขุมพลังขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว ให้พละกำลังสูงสุดถึง 587 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,164 นิวตันเมตร ส่งกำลังลงสู่ล้อทั้ง 4 เป็นอิสระจากกัน ทำให้สามารถหมุนกลับรถ 360 องศาได้มากสุดถึง 2 รอบ ด้วยฟังก์ชั่น G-Turn ขึ้นชื่อว่า G ต้องมีความสามารถพิเศษด้านการลุย มอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 4 ของ G580 เป็นแบบ 2 อัตราทดสำหรับเพิ่มกำลังฉุดลากในช่วงความเร็วต่ำ แบตเตอรี่ 116 kWh ดูไม่มีอะไรซับซ้อน แต่พิเศษตรงที่มีเกราะป้องกัน Carbon-fiber Skid Plate หนา 3 เซนติเมตร ! ค่าตัวสำหรับ G580 เริ่มต้น 9,500,000 บาท ในรุ่นมาตรฐาน แต่ถ้าเป็นรุ่น Edition คันที่เห็นในภาพ ราคาจะแพงขึ้นเป็น 12,500,000 บาท และมีโควต้าแค่ 6 คันในไทย
Mercedes-Benz ทราบดีว่าระยะทางวิ่งของ G580 EV อาจเพียงพอสำหรับการเป็นรถวิ่งเก๋ๆ ในเมืองของบรรดาคนมีเงินทั้งหลาย งานนี้ จึงมีอีกรุ่นย่อยให้เลือกเป็นรหัส G450d ค่าตัวเริ่มต้นเท่ากับ G580 Edition One คือ 12,500,000 บาท มาพร้อมขุมพลังดีเซล 6 สูบ 3.0 ลิตร Turbo 367 แรงม้า 750 นิวตันเมตร เทียบกับ G350d ที่เคยนำเข้ามาขายเมื่อช่วง 4 ปีที่แล้ว รหัสใหม่นี้แรงขึ้นพอสมควร แถมยังมีระบบ MHEV เข้ามาช่วยให้การจอดติดไฟแดงแยกอโศกเป็นเรื่องที่ไม่น่าหดหู่จนเกินไป
สำหรับคนที่เหลือกินเหลือใช้ คุณสามารถสั่ง G 63 4×4² (Squared) ไปประดับโรงจอดรถได้ในราคาเริ่มต้น 30,200,000 บาท สำหรับค่าตัวที่แพงระยับ สิ่งที่จะได้ไปคือ G-Class รุ่น Limited 7 คันในไทย พวงมาลัยซ้าย ขุมพลังเบนซิน V8 4.0 ลิตร Bi-Turbo 585 แรงม้า 850 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Portal Axle แกนเพลาอยู่ในตำแหน่งสูงกว่าดุมล้อ เชื่อมระบบขับเคลื่อนด้วยชุดเฟืองกลไก เพิ่มความสามารถในการขับขี่ทาง Off-road พร้อมช่วงล่างยกสูงพิเศษ ระยะ Ground Clearance เพิ่มขึ้นเป็น 351 มิลลิเมตร และความสูงแนวหลังคาทะลุ 2.2 เมตร
นอกจาก G-Class ทั้ง 3 เวอร์ชั่น บูธ Mercedes-Benz ยังอัดแน่นด้วยรถหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็น V-Class Facelift รหัส 300d ดีเซล 2.0 ลิตร Turbo 237 แรงม้า Maybach S580e Premium MY2024 ปรับการตกแต่งภายใน เพิ่มสีตัวถังใหม่ High-tech Silver – Selenite Grey ราคาเริ่มต้น 11,200,000 บาท รวมถึง Maybach EQS 680 SUV ที่สุดของรถยนต์ไฟฟ้าใต้ท้องสูงที่มีสารพัดฟังก์ชั่นสำหรับผู้โดยสารเบาะหลัง กับค่าตัวเริ่มต้น 12,500,000 บาท
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Meredes-Benz G 580 EV ได้ที่นี่ Click Here
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Meredes-Benz G 450 d ได้ที่นี่ Click Here
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Meredes-Benz V 300 d Premium (Facelift) ได้ที่นี่ Click Here
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Meredes-Maybach EQS 680 SUV ได้ที่นี่ Click Here
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Mercedes-Maybach S 580 e Premium MY2024 ได้ที่นี่ Click Here
MG
บูธ MG ปีนี้ มีรถใหม่เป็น All NEW MG 3 น้องเล็ก B-Segment Hatchback ราคา 579,900 – 619,9000 บาท ชูจุดเด่นด้านขุมพลังที่มีชื่อว่า Hybrid+ เป็นเครื่องยนต์พลังเบนซิน 1.5 ลิตร NA ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ได้พละกำลังรวมทั้งระบบ 194 แรงม้า 250 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion (NMC) ความจุ 1.83 kWh เจ้าของรางวัล Thailand Car of The Year ประจำปี 2024
อีกรุ่นที่เป็นไฮไลท์ของบูธ คือ Cyberster MY2025 สเป็คและราคาจำหน่ายเท่าเดิม เพิ่มเติมสีตัวถังใหม่ Modern Beige จับคู่กับหลังคาผ้าใบสีแดง Red Soft-top เอาใจคนขอบความ Classy
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ All NEW MG 3 Hyrbid+ ได้ที่นี่ Click Here
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ MG Cyberster MY2025 ได้ที่นี่ Click Here
MITSUBISHI
Mitsubishi ปีนี้ เน้นขาย ไม่เน้นโชว์ของ รถยนต์ภายในบูธเป็นรุ่นที่เราคุ้นหน้าคร่าตากันดี ไม่ว่าจะเป็น Triton ใหม่ ทั้งรุ่นปกติและรุ่นตกแต่งพิเศษ Pajero Sport Minorchange รวมไปถึง Xpander HEV และ Xpander Cross HEV แอบเสียดายที่ยังไม่มีการนำรถต้นแบบ DST Concept มาเรียกกระแสความสนใจภายในงาน แต่เชื่อว่าปีหน้า เราจะได้เห็นการเปิดตัวรถใหม่ที่หลายคนรอคอยอย่าง XForce แน่นอน !
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Mitsubishi Xpander HEV & Xpander Cross HEV ได้ที่นี่ Click Here
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Mitsubishi Pajero Sport Minorchange ได้ที่นี่ Click Here
NETA
Neta V และ X ยังคงขายได้เรื่อยๆ แต่ไม่ถึงหวือหวา Neta จึงสร้างความน่าสนด้วยการนำรถยนต์รุ่นใหม่มาโชว์บ้าง รอบนี้ถึงคิวของ Neta S Shooting Brake เวอร์ชั่น Wagon กึ่งท้ายลาด ที่มาพร้อมขุมพลังขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 272 แรงม้า อาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่ Lithium-ion Phosphate และการปั่นไฟจากเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร NA หน้าตาตัวรถโดยรวมแอบดูจืดกว่ารูปโปรโมทเวอร์ชั่นจีนนิดหน่อย อาจเพราะลายล้อที่ยังไม่สะดุดตามากพอ รอดูต่อไปว่าจะเอาเข้ามาขายบ้านเราหรือไม่…
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Neta X ได้ที่นี่ Click Here
NISSAN
เปิดตัวรุ่นเก่า แต่เอารุ่นใหม่มาโชว์ มองบางมุมอาจเหมือนการเอารุ่นเก่ามาแขวน (ให้คนด่าเล่น) ทว่าในความเป็นจริงแล้ว มันคือทางออกที่ดีที่สุดในมุมของ Nissan ประเทศไทย เพื่อสร้างความเคลื่อนไหว ในระหว่างที่รอรถรุ่นใหม่เริ่มเดินสายการผลิต ณ โรงงานมาเลเซีย ปีหน้า
Nissan Serena S-Hybrid (C27) วางขุมพลังเบนซิน 2.0 ลิตร 150 แรงม้า 200 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าในช่วงจอดนิ่ง อ็อพชั่นต่างๆ ยกมาจากรุ่น Highway Star เวอร์ชั่นมาเลย์ เบาะนั่ง 3 แถว 7 ตำแหน่ง หุ้มด้วยวัสดุผ้าสีดำ ประตูสไลด์ไฟฟ้า 2 ฝั่ง บานฝาท้ายแบบแยกเปิดได้ 2 ส่วน ภายในห้องโดยสารอุดมไปด้วยสารพัดช่องเก็บของและช่องวางแก้วตามสไตล์รถ MPV วางราคาจำหน่ายที่ 1,469,000 บาท ถูกกว่ารุ่นใหม่ C28 ที่จะตามมาช่วงกลางปีหน้า ราวๆ 2-3 แสนบาท
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Nissan Serena S-Hybrid ได้ที่นี่ Click Here
OMODA / JAECOO
มาเรื่อยๆ แต่มาเรียงๆ สำหรับ Omoda & Jaecoo มีรถมาจัดแสดงหลากหลายรุ่น เริ่มจากรุ่นที่วางจำหน่ายกันไปแล้ว ทั้ง Omoda C5 EV รถยนต์ Compact Crossover ขุมพลังไฟฟ้า พิกัดเดียวกันกับ BYD Atto 3 มีจุดเด่นที่การเซ็ตช่วงล่างเน้นความเฟิร์มมากกว่ารถจากชาติเดียวกัน แต่ภายในห้องโดยสารด้านหลังแอบคับแคบไปนิด ส่วน Jaecoo 6 EV มีมาให้ชมทั้งรุ่น RWD และ AWD เอาให้เห็นกันชัดๆ สำหรับคนที่ลังเลกับส่วนต่างราคา 150,000 บาท
นอกจากนี้ ยังมีการนำรถมาโชว์ตัวอีกหลายคัน ไม่ว่าจะเป็น Omoda C9, Jeacoo 7 PHEV, Chery E05 และ i-Car X25 Concept ในจำนวนรถทั้งหมดนี้ มีบางคันที่เตรียมเปิดตัว และวางจำหน่ายในไทยเร็วๆ นี้ด้วย
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Omoda C5 EV ได้ที่นี่ Click Here
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Jaecoo 6 EV ได้ที่นี่ Click Here
PEUGEOT
บูธรถยนต์ภายใต้เครือ MGC-ASIA ปีนี้ มีสมาชิกใหม่อย่าง XPeng เพิ่มเข้ามา ทำให้ขนาดพื้นที่สำหรับ Peugeot ปีนี้เล็กลง แต่ยังมีการจัดแสดงรถยนต์ 2 รุ่น ทั้ง 3008 Allure ค่าตัว 1,489,000 บาท และ 408 Allure ขุมพลังเบนซิน 1.6 ลิตร Turbo 218 แรงม้า รุ่นเริ่มต้น Allure ราคา 1,499,000 บาท เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการควบสิงห์เขย่งแบบไร้มอเตอร์ไฟฟ้า
ปล. น้องสิงห์บนหลังคารถ.. นอนยิ้มน่ารักเชียว
อ่านข้อมูลทั้งหมดของ Peugeot 408 ได้ที่นี่ Click Here
PORSCHE
ของใหม่เกือบทั้งบูธ ! มากันครบทั้ง Porsche Panamera รุ่นเปลี่ยนโฉม Full Modelchange หุ่นเพรียวขึ้น ดูเป็น Taycan ในเวอร์ชั่นที่โดยด้านหลังสบายขึ้น 911 Facelift (992.2) ปรับดีไซน์ภายนอกใหม่ทั้งหน้าและหลัง พร้อมปรับรายละเอียดขุมพลังขับเคลื่อนใหม่ เปลี่ยนระบบอัดอากาศ Twin-Turbocharged ในรุ่นมาตรฐาน ตลอดจนขยายความจุกระบอกสูบ ติดตั้งระบบอัดอากาศ e-Turbocharged ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า T-Hybrid สำหรับรุ่น GTS
สำหรับ Taycan Facelift แม้หน้าตาจะเปลี่ยนไม่เยอะ แต่ขุมพลังแรงโหดขึ้นพอตัว ! ทีเด็ดอยู่ที่รุ่น Turbo อัพพลังมอเตอร์ขึ้นไปถึง 950 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,110 นิวตันเมตร ผมมีโอกาสสัมผัสคร่าวๆ ที่งาน Porsche World Road Tour 2024 เมื่อสัปดาห์ก่อน ลองกระโจนออกตัว 0-100 km/h ใช้เวลาแค่ 2.1 วินาที (เร็วกว่า Factory Claimed) ดึงหน้าหงาย แต่รถยังดูมั่นคง ไม่เสียวสันหลังเท่า Emeye R
อีก 2 รุ่น ผู้คนให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากราคาเข้าถึงไม่ยากนัก คือ Cayenne S-E Hybrid Coupe’ ประกอบมาเลเซีย ราคาเริ่มต้น 6,290,000 บาท ได้อ็อพชั่นเพียงพอต่อการใช้งาน Config ล้อโตเพิ่มอีกรายการก็น่าจะจบลงตัวแล้ว และอีกคัน Macan EV มีให้เลือกตั้งแต่ขุมพลังมอเตอร์เดี่ยว 360 แรงม้า 563 นิวตันเมตร ไปจนถึงมอเตอร์คู่ 639 แรงม้า 1,130 นิวตันเมตร ดึงแรงหน้าง่ายน้องๆ Taycan แต่ช่วงล่างแอบให้ตัวเยอะไปนิด สำหรับการขับในสนาม
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Porsche 911 Facelift (992.2) ได้ที่นี่ Click Here
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Porsche Taycan facelift ได้ที่นี่ Click Here
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Porsche Macan EV ได้ที่นี่ Click Here
RIDDARA
“ริดดาร่า” แบรนด์ในเครือ Geely Holding Group เปิดตัวรถกระบะไฟฟ้ารุ่น RD 6 จำนวน 4 รุ่นย่อย ราคา 899,000 – 1,299,000 บาท เมื่อช่วงปลายเดือน ตุลาคม ที่ผ่านมา และพร้อมส่งมอบได้ในทันที มีเป้าหมายยอดจำหน่ายช่วงที่เหลือประมาณ 2 เดือนของปี 2024 ที่ 500 – 1,000 คัน และตั้งเป้าหมายสำหรับปี 2025 ไว้ที่ประมาณ 10,000 คัน แต่ไม่ว่าจะถึงหรือพลาดเป้า ตัวเลขยอดขายของ RD6 จะเป็นตัวบ่งชี้ว่า ลูกค้ากลุ่มกระบะจะยอมรับขุมพลังไฟฟ้า หรือลูกค้าที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้านั้น ต้องการฟังก์ชั่นการใช้งานสไตล์กระบะ มากน้อยแค่ไหน !?
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Riddara RD6 ได้ที่นี่ Click Here
SUZUKI
ก่อนพบกับของใหม่ปีหน้า Suzuki ขอกระตุ้นตลาดช่วงปลายปีด้วย Jimny Off-road Edition รุ่นตกแต่งพิเศษสไตล์ลุยๆ ด้วยชุดกันชนและกระจังหน้าหน้าใหม่ เสริมด้วยสเกิร์ตด้านข้าง สติกเกอร์ตกแต่งฝาครอบถังน้ำมัน กรอบรองมือจับประตู ชุดฝาครอบล้อพร้อมสติกเกอร์ตกแต่ง Jimny แผ่นกันโคลน Jimny ตลอดจนโลโก้ Jimny Offroad Edition ทั้งหมดนี้ยังคงราคาเดิม 1,760,000 บาท เท่ากันกับรุ่นธรรมดาไม่มีชุดแต่ง
พร้อมสีสันต์ภายในบูธจากรุ่นตกแต่งพิเศษ Carry x พันธุ์ไทย ออกแบบและตกแต่งให้เป็นร้านขายกาแฟเคลื่อนที่ Celerio Milano ตกแต่งสไตล์กึ่งเรโทร สีภายนอก Tri-colors ฟ้า – น้ำตาล – ขาว รวมถึง Swift สีทูโทนไล่เฉดชมพูม่วง ชวนให้นึกถึง Blossom Collection ของ Lotus Emeya แต่มาในราคาที่ถูกกว่ากันหลายเท่าตัว
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Suzuki Jimny Off-road Edition ได้ที่นี่ Click Here
TESLA
ยังไม่มีความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมสำหรับ Tesla รถจอดโชว์ภายในบูธยังคงเป็น Model 3 Performance AWD มาพร้อมสีตัวถังใหม่ สีเงิน Quick Silver บวกเพิ่มจากสีดำ 85,000 บาท ส่วน Model Y Performance AWD ที่จอดอยู่ใกล้กัน เป็นสีแดง Ultra Red บวกราคาเพิ่มจากสีดำ 85,000 บาท เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ สำหรับ Model 3 และ Model Y รุ่นเริ่มต้น RWD ก็มีมาจอดให้ยลโฉมภายในงานด้วย
TOYOTA / LEXUS
Toyota เปิดรับคำสั่งจองคู่พี่น้องตัวแรง GR Yaris Minorchange และ GR Corolla Minorchange จำนวนจำกัด ทั้ง 2 รุ่น เป็นรุ่นปรับโฉม Minorchange ได้รับการอัพเกรดเพิ่มเติมด้านงานวิศวกรรม ตลอดจนงานออกแบบภายนอก – ภายในห้องโดยสาร ล็อตใหม่ที่เปิดจองในรอบนี้ จะเป็นเกียร์อัตโนมัติ DAT (Direct Automatic Transmission) 8 จังหวะ ลูกใหม่ทั้งหมด ไม่มีเกียร์ธรรมดาให้เลือก
สำหรับทัพรถยนต์รุ่นอื่นๆ ที่เพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ไม่นาน มีทั้ง Fortuner Leader S รุ่นเริ่มต้นใหม่ โดนหั่นอ็อพชั่นบางรายออกไป และทำราคาจำหน่ายให้เข้าถึงง่ายขึ้น หวังชิงส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่ม PPV Entry-level จากทั้ง MU-X Active และ Everest Trend ทางฝั่งรถเก๋ง นำทัพด้วย Camry ใหม่ Corolla Altis MY2024 เปลี่ยนแบตเตอรี่ Hybrid เป็น Lithium-ion พร้อมปรับดีไซน์ภายนอกรุ่น GR Sport ขนานใหญ่ รวมถึง Corolla Crossover รุ่น HEV ก็ได้รับการอัพเกรดแบตเตอรี่ Hybrid เป็น Lithium-ion ด้วยเช่นกัน ข้อมูลผลทดสอบอัตราสิ้นเปลืองตาม EcoSticker ประหยัดขึ้น 1.1 กิโลเมตร/ลิตร
ด้านแบรนด์หรูอย่าง Lexus ปีนี้ เปิดตัว LBX Bespoke เปิดโปรแกรมพิเศษ เปิดโอกาสให้บรรดาลูกค้าวัยรุ่นกระเป๋าหนัก เลือก Custom ตัวรถได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นสีภายนอก ลายล้ออัลลอย ตลอดจนการตกแต่งภายในห้องโดยสาร ในราคา 2,690,000 บาท แพงกว่ารุ่นธรรมดา 3 แสนบาทถ้วน !
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Toyota GR Yaris Minorchange ได้ที่นี่ Click Here
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Toyota GR Corolla Minorchange ได้ที่นี่ Click Here
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Lexus LBX Bespoke ได้ที่นี่ Click Here
VOLVO
ใครรอ Volvo EX90 อยู่ มาแล้วนะครับ ตัวจริงเสียงจริง ไม่ได้มาแค่ในจอเหมือนรอบที่แล้ว เป็นการเปิดตัวครั้งแรกใน Southeast Asia พร้อมประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ มีให้เลือก 2 รุ่นย่อยหลัก ได้แก่ Plus Twin Motor AWD ราคา 4,290,000 บาท ขุมพลังมอเตอร์คู่ 408 แรงม้า 770 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ 111 kWh และรุ่น Ultra Twin Performance AWD ราคา 4,890,000 บาท ขุมพลังมอเตอร์คู่เช่นกัน แต่แรงขึ้นเป็น 517 แรงม้า 910 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ 111 kWh สำหรับส่วนต่างที่แพงกว่า 600,000 บาท ในรุ่น Ultra สิ่งที่จะได้เพิ่มมาคือ ช่วงล่างถุงลม Air Suspension ไฟหน้า High-Definition PIXEL กระจกหน้าต่างคู่หน้าและหลังแบบลามิเนต ระบบนวดไฟฟ้า สำหรับเบาะนั่งคู่หน้า ชุดเครื่องเสียง Bowers & Wilkins พร้อมระบบ 3D sound พร้อมลำโพง Hi-Fi 25 ตำแหน่ง รวม Subwoofer
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Volvo EX90 ได้ที่นี่ Click Here
XPENG
Xpeng ในขณะนี้ เริ่มวางจำหน่ายรถรุ่นแรกอย่าง G6 ไปแล้ว อีกรุ่นที่เข้ามาทำตลาดในบ้านเรา คือ X9 MPV 7 ที่นั่ง ราคา 2,790,000 บาท รูปทรงแปลก… แต่แปลกแบบมีเหตุผล แนวเสากระจกบังลมหน้าและหลังที่ลาดเอียงผิดวิสัยรถตู้ ส่งผลดีต่ออากาศพลศาสตร์ การเปิดฝาท้ายกินพื้นที่ด้านหลังน้อย ภายในห้องโดยสารแม้จะไม่โปร่งโล่งเท่า Zeekr 009 และ Denza D9 แต่เบาะนั่งแถว 2 มีฟังก์ชั่น Zero Gravity ที่พอลองนั่งแล้ว สบายจริง ! อีกหนึ่งจุดเด่นที่สร้างความน่าสนใจให้กับ X9 คือการติดตั้งระบบเลี้ยว 4 ล้อ ช่วยลดรัศมีวงเลี้ยวลงเหลือแค่ 5.4 เมตร แทบเท่ารถเก๋งอย่าง Honda Civic หรือ Toyota Corolla Altis (คู่แข่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 5.9 – 6 เมตร)
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Xpeng X9 ได้ที่นี่ Click Here
ZEEKR
ปิดท้ายกันที่ Zeekr นำทัพโดย X รุ่น Standard และ Flagship รวมถึง 009 รถตู้หรูคู่ใจผู้บริหาร เริ่มส่งมอบกันไปแล้วสำหรับคนที่สั่งจองล่วงหน้า
สำหรับรถไฮไลท์ ยังไม่เปิดขาย มี 2 รุ่น เริ่มจาก 001 FR อีวีโชว์ของ อัดแน่นด้วยสารพัดเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นขุมพลังมอเตอร์ 4 ตัว 1,265 แรงม้า 1,280 นิวตันเมตร (ปล่อยเต็ม 100% ได้ใน 10 วินาที และแบตเตอรี่ต้องเหลือมากกว่า 50%) พร้อมแบตเตอรี่ 800V ความจุ 100 kWh เร่งความเร็ว 0-100 km/h ใน 2.07 วินาที จานเบรกแบบเซรามิคจาก Brembo ด้านหน้า ขนาด 420 มิลลิเมตร และด้านหลัง ขนาด 410 มิลลิเมตร จับคู่กับคาลิปเปอร์ของ AP Racing
ต่อมาคือ Zeekr 7X SUV ขุมพลังไฟฟ้า ตัวถังยาว 4.83 เมตร ด้านหน้าของรถมีการแสดงผลแบบจอ LCD แบบ Zeekr Stargate ที่สามารถฉายข้อความและภาพได้ ภายในเน้นเอาใจคนรักสบาย เบาะนั่งด้านหลังสามารถปรับเอนได้ด้วยแผงควบคุมระบบสัมผัส พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆ ทั้ง เบาะรองน่อง ถาดวางของหลังเบาะนั่งคู่หน้า ม่านบังแดดด้านข้างปรับด้วยไฟฟ้า ยังไม่มีกำหนดการแน่ชัดว่า Zeekr 001 FR และ 7X จะเข้ามาเสริมทัพ 009 และ X เมื่อไหร่…
—————————//—————————
บทความโดย QCXLOFT (Yutthapichai Phantumas)
ภาพโดย SANK Ritthiphon Saiyaprom