การมาของ Tesla Model S เมื่อปี 2012 ถือว่าเป็นการกระตุกหนวดแบรนด์รถยนต์เก่าแก่มากมาย
เพราะเป็นตัวอย่างที่ดีว่า แท้จริงแล้ว รถยนต์ไฟฟ้าที่สวย เซ็กซี่ ขับสนุก และมีคุณภาพระดับพรีเมี่ยม ก็สามารถทำได้
โดยเฉพาะการมาของรุ่น Model S P85D เมื่อปีที่แล้ว พร้อมกับโหมดการขับขี่ ‘Insane Mode’ ซึ่งทำให้
ตัวรถสร้างอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.1 วินาที อันเป็นตัวเลขเดียวกันกับ Porsche 911 Turbo
มันเป็นการเทียบสมรรถนะกันอย่างช่วยไม่ได้
เรื่องนี้ ไม่ทำให้ Porsche นิ่งนอนใจแน่นอน จึงซุ่มคิดแผนทำรถมาสะกัดดาวรุ่งอย่าง Model S มานานแล้ว
และในงาน Frankfurt Motor Show 2015 ปีนี้นี่เอง Porsche ขอแง้ม”ของ”ในบ้านที่ซุ่มพัฒนา มาข่มคู่แข่งกันบ้าง
ด้วย ‘Porsche Mission E Concept’ …แค่ชื่อก็ฟังดูเหมือนเป็นการประกาศภารกิจทำรถไฟฟ้าระดับสุดยอดให้สำเร็จ
ยังไงยังงั้น
งานดีไซน์ภายนอก เป็นงานออกแบบที่เราไม่เคยเห็น Porsche ทำแบบนี้มาก่อน เป็นการฉายวิสัยทัศน์งานออกแบบ
ของแบรนด์ตนในช่วง 10 ปีข้างหน้า ประกอบไปด้วย รูปทรงลิ่มกว่าเดิม เน้นล้อวงใหญ่ แนวหลังคาลาดเท
พร้อมเส้นสายที่สะอาดสะอ้าน ไม่มากมาย แต่ก็ให้มิติที่ดูทรงพลังอยู่ในที
โดยรวมแล้ว Mission E Concept เปรียบเสมือนเป็นร่างทรงของ Panamera ในอนาคต ด้วยการเป็นคูเป้ 4 ประตู
พร้อมที่นั่งแบบ 4 ที่นั่ง ซึ่งตรงนี้อาจจะเป็นจุดด้อยจาก Model S เพราะรายนั้น เขาทำที่นั่งไว้ถึง 7 ที่นั่งเลยทีเดียว
ภายในห้องโดยสาร มีกลิ่นอายของเอกลักษณ์ Porsche ด้วยแผงมาตรวัดดิจิตอล 5 จอ คอยแสดงข้อมูลที่สำคัญ
ของตัวรถ โดดเด่นด้วยคอนโซลทรงตัว T ออกแบบให้เป็นแนวกึ่งลอยตัว คล้ายกับ Porsche รุ่นใหม่ และพวงมาลัย 3 ก้าน
ทรงสปอร์ตออกแบบใหม่ แต่ไม่ดูล้ำอนาคตเกินความเป็นจริง และดูมีสิทธิ์ว่าจะได้ลดโทนลงมาเพื่อใช้กับรถยนต์
รุ่นใหม่ที่เตรียมเปิดตัวในระยะเวลาอันใกล้
นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีตรวจจับสายตาคนขับด้วยกล้องบันทึกภาพ เพื่อจับว่าผู้ขับขี่กำลังกวาดสายตามอง
มาตรวัดจอไหนอยู่ ส่วนผู้โดยสารด้านหน้า จะมีหน้าจอโฮโลแกรมช่วยฉายแอพพลิเคชั่นต่างๆของตัวรถ
เช่น ระบบปรับอากาศ ระบบความบันเทิง ระบบนำทาง ฯลฯ เป็นต้น
จุดเด่นที่ Porsche เตรียมงัดมาเพื่อต่อกรกับ Tesla Model S โดยตรง คือระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบ All-Wheel Drive
และระบบช่วยเลี้ยว 4 ล้อ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ลูกบริเวณแกนล้อหน้า-หลัง เมื่อทำงานรวมกันจะได้กำลังรวมสูงถึง
600 แรงม้าเลยทีเดียว แต่น่าแปลกใจว่า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้แค่ 3.5 วินาที ซึ่งยังไม่ปราบ Model S ได้สำเร็จ
กระนั้น Porsche ก็ยังปล่อยข้อมูลว่ารถยนต์คันนี้จะทำรอบสนามนูร์บวกริงภายในเวลา 8 นาที
อีกหนึ่งจุดเด่นคือเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ‘Porsche Turbo Charging’ ใช้ระบบชาร์จไฟกลับเข้าด้วยกำลังไฟ
สูงถึง 800 โวลต์ ทำให้สามารถชาร์จไฟกลับ 80% ภายในเวลาเพียง 15 นาที และการชาร์จไฟเต็มจะทำให้
แล่นได้สูงสุด 400 กิโลเมตร อีกทั้งยังรองรับการชาร์จไฟแบบไร้สายได้อีกด้วย
แม้จะส่งรถต้นแบบออกมาแบบนี้ Porsche ยังคงอุบเงียบและไม่เผยว่าจะนำมาขึ้นสายการผลิตจริงเมื่อไหร่กันแน่
แต่อย่างน้อยๆ ทิศทางงานออกแบบของรถยนต์รุ่นนี้ น่าจะบอกใบ้ Panamera โฉมต่อไป หรือแม้กระทั่ง Pajun
(ซีดานคูเป้รุ่นใหม่ที่เล็กกว่า Panamera) ได้เป็นอย่างดี
ที่มา : Porsche