All NEW Toyota Camry รุ่นใหม่ล่าสุด นับเป็นรุ่นที่ 8th Generation เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่สหรัฐอเมริกา เมื่อเดือน มกราคา 2017 คราวนี้มีการปรับรูปแบบการทำตลาดของ Camry ใหม่ กลายเป็น ” Global Model ” หรือ ดีไซน์เดียวใช้กันทั่วโลก ไม่ได้มีการแบ่งโฉมอเมริกา หรือ เอเชียเหมือนรุ่นเดิมอีกต่อไป โดยสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มใหม่ TNGA : Toyota NEW Global Architecture

ถึงแม้ว่าจะเป็น Global Model ก็ตาม แต่ก็มีการแบ่งการดีไซน์ด้านหน้ารถออกเป็น 2 รูปแบบ ที่ส่วนใหญ่แล้วตามแต่ละตลาดก็จะมีให้ลูกค้าได้เลือกซื้อกันทั้ง 2 หน้า เช่นที่ญี่ปุ่นเอง ก็มีทั้งหน้าปกติ และ รุ่นหน้าสปอร์ต (ในญี่ปุ่นใช้ชื่อว่า Camry Sport) โดยทั้ง 2 รุ่นใช้ขุมพลังเดียวกัน คือ 2.5 Hybrid THS II ไม่ได้จำกัดว่า หน้าตาแบบสปอร์ตต้องใช้กับเครื่องยนต์ปกติแต่อย่างใด

สำหรับประเทศไทย อันที่จริงแล้ว All NEW Camry TNGA 8th Generation ตามแผนจะต้องเปิดตัวในช่วงต้นปี 2018 แต่เนื่องจากมีการทำตลาดรถรุ่นใหม่ ใน Segment ใหม่อย่าง Toyota C-HR ที่ใช้แพลตฟอร์มใหม่ TNGA เช่นเดียวกัน ต้องปรับไลน์ผลิตกันใหม่ จึงต้องขยับแผนให้ All NEW Camry มาเปิดตัวช่วงปลายปี 2018 แทน

All NEW Toyota Camry TNGA 8th Generation จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย วันที่ 29 ตุลาคม นี้ 

* หากนับเฉพาะการทำตลาดในไทย All NEW Camry (TNGA) จะเป็นรุ่นที่ 6th Generation ใช้รหัสตัวถัง XV70 / ACV70

วันนี้ทีมงานขอพาไปชม Camry Hybrid รุ่น G Leather Package เวอร์ชั่นญี่ปุ่น ล้อ 18 นิ้ว กันก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในบ้านเรา

Exterior ภายนอก

Engine เครื่องยนต์

2.5 ลิตร Dynamic Force Hybrid THS II (Toyota Hybrid System II)

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ รหัส A25A-FXS ขนาด 2.5 ลิตร 2,487 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 87.5 x 103.4 มิลลิเมตร ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า (PS) ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 221 นิวตันเมตร ที่ 3,600 – 5,200 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 202 นิวตันเมตร เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า จะได้พละกำลังสูงสุดรวม 211 แรงม้า (PS) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT

แบตเตอรี่แบบ Lithium-ion / Ni-MH (สเป็คแตกต่างกันไปในแต่ละตลาด) ย้ายไปติดตั้งที่ใต้เบาะนั่งด้านหลัง แทนที่ท้ายรถ ทำให้พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายเพิ่มขึ้น รวมไปถึงจุดศูนย์ถ่วงของรถที่ดีขึ้นอีกด้วย

(เดิม Camry Hybrid รุ่นปัจจุบัน เครื่องยนต์เบนซิน รหัส 2AR-FXE ขนาด 2.5 ลิตร 160 แรงม้า 213 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 105 แรงม้า 270 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันกับเครื่องยนต์ ได้พละกำลังรวม 205 แรงม้า แบตเตอรี่ Ni-MH)

โครงสร้างของ All New Toyota Camry เป็นแบบ TNGA (Toyota New Global Architecture) ซึ่งมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำทำให้มีความมั่นคงเวลาใช้ความเร็วสูง ช่วงล่างพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด โดยที่ด้านหน้าเป็นแบบ MacPherson Struts ด้านหลังเป็นแบบ Double Wishbone

All New Toyota Camry มีการเปลี่ยนแท่นเครื่องทั้ง 4 จุดไปใช้แบบ Hydraulic เป็นครั้งแรกในรถยนต์ Toyota ซึ่งช่วยลดเสียงและแรงสะเทือนจากภายในห้องเครื่อง

Dimension มิติตัวถัง

All NEW Camry (TNGA)

  • ยาว x กว้าง x สูง : 4,885 x 1,840 x 1,445 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ : 2,825 มิลลิเมตร

Camry รุ่นปัจจุบัน

  • ยาว x กว้าง x สูง : 4,850 x 1,825 x 1,470 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ : 2,775 มิลลิเมตร

เทียบกับรุ่นเดิม พบว่า All NEW Camry ยาวขึ้น 35 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 15 มิลลิเมตร เตี้ยลง 25 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อยาวขึ้น 50 มิลลิเมตร

 

Interior ภายในห้องโดยสาร

ความเห็นเรื่องภายในห้องโดยสารจาก J!MMY via Exclusive First Impression : รีวิว ทดลองขับ Toyota Camry Hybrid (TNGA) ใหม่ เช่าขับก่อนใคร ไกลถึง Tokyo (อ่านบทความตัวเต็มได้ที่นี่ >> http://www.headlightmag.com/exclusive-first-impression-2019-toyota-camry-hybrid-in-japan/)

 

ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด เห็นได้ชัดเลยว่า มีความพยายามออกแบบ แผงหน้าปัด (Dashboard) ด้านหน้า ให้ดูลื่นตา และมีรอยต่อของแต่ละชิ้นส่วน น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อุปกรณ์ต่างๆ ถูกจัดวางตำแหน่งมาเพื่อช่วยให้คนขับสามารถมีสมาธิกับการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นแผงควบคุมกลาง, หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID (มีครบทุกรุ่นย่อย) และ หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ Head Up Display (มีเฉพาะรุ่น G “Leather Package” และ WS ตัวท็อป)

พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน ทรงสปอร์ต จับกระชับมือขึ้น ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง เหมาะสมกับรูปแบบตัวรถมากขึ้น คราวนี้ Toyota เลิกใช้สวิตช์ Cruise Control แบบก้านเล็กๆที่ด้านขวาของแป้นแตร ซึ่งอยู่คู่กับรถยนต์ Toyota/Lexus มาชั่วนาตาปี ตั้งแต่ 1987 แล้วเสียที โดยย้ายขึ้นมาเป็นแผงสวิตช์ Multi function บนพวงมาลัยฝั่งขวาแทน ควบคุมระบบ Radar Cruise Control ส่วนด้านซ้าย ควบคุมหน้าจอกลาง Multi Information Display บนชุดมาตรวัด ใต้แผงสวิตช์บนก้านพวงมาลัยทั่ง 2 ฝั่ง มีชุดสวิตช์ สำหรับควบคุมการทำงานของเครื่องเสียง

แผงควบคุมกลาง ล้อมกรอบด้วย Trim ประดับแบบ Piano Black ตามสมัยนิยม เครื่องปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติ แยกฝั่งซ้าย – ขวา โดย DENSO มาพร้อมระบบฟอกอากาศ Nano-e จาก Panasonic ส่วนชุดเครื่องเสียง พร้อมหน้าจอ Monitor สีแบบ Touch Screen แสดงการทำงานของระบบนำทางผ่านดาวเทียม GPS Navigation System นั้น สำหรับตลาดญี่ป่น เป็นอุปกรณ์สั่งซื้อพิเศษ ซึ่งคุณต้องจ่ายเงินเพิ่ม ไม่ได้แถมมากับรถจากโรงงาน เช่นเดียวกับหลังคากระจก Panoramic Glass Roof และชุดเครื่องเสียงจาก JBL ที่ต้องสั่งติดตั้งเพิ่มเช่นเดียวกัน

ทุกอย่างเหมือนจะดูดี แต่ก็มีเรื่องให้น่าตำหนิอยู่บ้าง นั่นคือ แม้ว่า Toyota จะพยายามเลือกใช้วัสดุในห้องโดยสาร ที่ดูดีขึ้น สวยงามขึ้น แต่ถ้ามองลงไปในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ บางอย่าง กลับถูกละเลย อย่างไม่ควรเป็น นอกเหนือจากฝาปิดช่องวางแก้วบนพนักวางแขนด้านหลัง ที่เราตำหนิกันไปแล้วข้างต้น ยังมีอีกประเด็นนั่นคือ การประดับ Trim ตกแต่ง บริเวณฝั่งซ้ายของแผงหน้าปัด และแผงรอบคันเกียร์ เสียสวยงาม แต่กลับไม่นำลายดังกล่าว มาประดับ ชิ้นพลาสติกรอบสวิตช์กระจกไฟฟ้า แบบขึ้นลง On-Touch ทั้ง 4 บาน เลย ปล่อยให้เป็นพลาสติกสีดำธรรมดาๆแบบด้อยราคากันไปอย่างนั้น ต่อให้เป็นรุ่น G Leather Package หรือ WS อันเป็นรุ่น ท็อป ก็เป็นเหมือนกันหมด!

หรือจะเป็นฝาปิดช่องใส่ของขนาดเล็ก ใต้สวิตช์ติดเครื่องยนต์ ฝั่งขวา ซึ่งปกติแล้ว ในตลาดญี่ปุ่น มักใช้เป็นช่องติดระบบตัดเงินค่าทางด่วนอัตโนมัติ ETC (Electronic Toll Control) ตัวฝาปิดนั้น เป็นพลาสติกบางๆ ที่ดูบอบบางมาก เกรงว่าจะไม่ทนทานเมื่อต้องใช้งานจริงๆ ในระยะยาว อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ ในรุ่น Minorchange หรือรุ่นปรับอุปกรณ์ กันต่อไปด้วย

ชุดมาตรวัด เป็นแบบสองวงกลม ฝั่งขวาเป็นมาตรวัดความเร็ว ส่วนฝั่งซ้ายเป็นมาตรวัดการทำงานของระบบ Hybrid ตรงกลางเป็นหน้าจอแบบ Multi niformation display (MID) แสดงข้อมูลต่างๆ ทั้งมาตรวัดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง แบบเฉลี่ย และแบบ Real Time หน้าจอชุดเครื่องเสียง เข็มทิศ แจ้งข้อมูลระบบนำทาง ระบบเตือนต่างๆของตัวรถ และตั้งค่าเซ็ตการทำงานของตัวรถ เป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด (แหงะละ เพราะรถคันนี้ อยู่ในประเทศญี่ปุ่นนี่หว่า)

นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้ง ระบบ แสดงข้อมูลบนกระจกบังลมหน้า HUD (Head Up Display) ซึ่งปรับปรุงให้แสดงผลแบบ Graphic สี ที่สวยงามขึ้น แจ้งได้ทั้ง ข้อมูลความเร็วรถ การนำทาง และระบบ เตือน Radar Cruise Control พร้อมตั้งระยะห่างจากรถคันข้างหน้าได้

การเข้า-ออกจาก บานประตูคู่หน้า ทำได้ดีมาก แม้เบาะจะไม่ได้ถูกปรับลงตำแหน่งต่ำสุด เรื่องที่ไม่รู้จะน่าชมเชยดีไหมก็คือ น้ำหนักบานประตู พอๆกับ Crown ใหม่ล่าสุด (ซึ่งเบาพอๆกับ Toyota รุ่นปกติที่ขายกันในเมืองไทยนั่นแหละ)​

ภายในห้องโดยสารของ Camry เวอร์ชันญี่ปุ่นนั้น ต้องบอกกันเอาไว้ก่อนว่า ถ้าคุณคาดวังจะเห็นความหรูหรา อย่างที่คุ้นเคยใน Camry ACV50 รุ่นเดิมแล้ว คงต้องบอกว่า อาจผิดหวังนิดนึง เพราะ Toyota เน้นการออกแบบ Camry ใหม่ให้เอาใจกลุ่มลูกค้าในอเมริกาเหนือ เป็นหลัก ซึ่งพวกเขา ไม่ได้ต้องการความหรูหรามากเท่ากับที่ลูกค้าชาวไทยและเอเชีย คาดหวังไว้ ดังนั้น อาจต้องทำใจกันไว้สักนิดนึง

แผงประตูด้านข้าง มีพนักวางแขนแบบลาดลง เหมือน BMW รุ่นก่อนๆ วางท่อนแขนได้สบายพอดีเลย มีช่องวางขวดน้ำขนาด 7 บาท แต่ถ้าสงสัยว่า ทำไมแทบไม่เหลือพื้นที่เอาไว้ให้ใส่เอกสาร สมุดจดงาน หรือข้าวของจุกจิกอื่นๆเลย ความจริงแล้ว ถ้าสังเกตดีๆ คราวนี้ ทีมออกแบบ เล่นย้ายตำแหน่งสำหรับใส่สมุดหรือหนังสือขนาดเล็ก เอาไว้ด้านหน้าลำโพงคู่หน้า เสียอย่างนั้น !

เบาะนั่งคู่หน้า ในรุ่น G Leather Package จะหุ้มด้วยหนังที่มีพื้นผิวเนียนมือขึ้นกว่ารุ่นเดิมเล็กน้อย จะปรับระดับได้ด้วยสวิตช์ไฟฟ้า พร้อมสวิตช์ดันหลังด้วยไฟฟ้า แต่ไม่สามารถปรับระดับสูง – ต่ำ ของตัวดันหลังได้ รวมทั้งมี Heater อุ่นเบาะ 3 ระดับมาให้อีกด้วย ส่วนรุ่น G กับ X ซึ่งเป็นรุ่นพื้นฐาน หุ้มเบาะด้วยผ้า เบาะคนขับของรุ่น G จะยังปรับด้วยสวิตช์ไฟฟ้า แต่รุ่น X จะปรับระดับด้วยคันโยกตามปกติ ความสูงของเบาะนั่งจากพื้นรถ อยู่ในระดับที่คนทั่วไปน่าจะชอบ คือ ลดลงเล็กน้อย ใกล้เคียงกับรุ่นเดิม เป็นผลมาจากการลดความสูงของพื้นรถลงจากเดิม ซึ่งก็ส่งผลให้ตำแหน่งจุดศูนย์ถ่วง ถอยหลังจากเดิมไปอีกนิดเดียว แต่อันที่จริง เบาะคูหน้า น่าจะปรับลงต่ำได้มากกว่านี้อีกหน่อย

พนักพิงหลัง ใช้ฟองน้ำที่เฟิร์มแต่นุ่ม ออกแบบมาดี รองรับสรีระของผู้ขับขี่ได้ดีกว่าที่คิด ปีกข้างเบาะถูกเสริมขึ้นมาให้ช่วยซัพพอร์ต​สรีระได้ดีขึ่น เหมือนนั่งลงไปพอดีกับหลุมเลยทีเดียว ส่วนเบาะรองนั่ง ความยาวพอๆกับ Toyota รุ่นก่อนๆ ปีกข้างออกแบบมาโอเค มีมุมเงยในระดับเหมาะสม และนุ่มเฟิร์มกำลังดี ส่วนเข็มขัดนิรภัยคู่หน้า เป็นแบบ ELR 3 จุด ปรับระดับสูง – ต่ำได้ พร้อมระบบลดแรงปะทะ และดึงกลับอัตโนมัติ Pre-tensioner & Load Limiter

พนักศีรษะ ค่อนข้างเกือบจะแข็ง ดันกบาลพอกันกับ Lexus ES300h และ  Toyota C-HR​ นั่นแหละครับ แต่ยังดีว่า มีการออกแบบให้รองรับช่วงต้นคอมาให้ดีอยู่ จึงไม่รู้สึกแย่นัก ถ้าจะนั่งให้สบาย อาจกลายเป็นว่า ต้องปรับพนักพิงพลังให้เอนลงกว่าตำแหน่งขับขี่ที่ถูกต้องของแต่ละคนสักเล็กน้อย จึงจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพนักพิงดันกบาล ที่จำเป็นต้องออกแบบตามมาตรฐานอันเข้มงวดด้านความปลอดภัยของประเทศชาติที่เต็มไปด้วยฝรั่งมังค่า เหล่านั้นได้

ภาพรวมของเบาะคู่หน้า ออกแบบมาเอาใจคนที่ชอบขับรถเป็นหลัก ไม่ได้เน้นการนั่งสบายแบบผ่อนคลายเหมือนรุ่นก่อนๆ อย่างว่าละครับ ทีมออกแบบเขาเบนเข็มมามุ่งเน้นความกระชับและสบายเพื่อการขับขี่อย่างแท้จริงมากขึ้น

การเข้า – ออกจากบานประตูคู่หลัง ทำได้ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิม เนื่องจาก เสากรอบประตูมีขนาดกว้างและยาวขึ้น อีกทั้งคราวนี้ มีการออกแบบให้ เสาหลังคาคู่หลัง C-Pillar ร่นถอยไปทางด้านหลังเพิ่มขึ้นอีกหน่อย ช่วยให้ตำแหน่งเสากรอบประตูบริเวณที่ศีรษะจะลอดเข้าไป ยาวขึ้น และแอบสูงขึ้นชัดเจน ดังนั้น หัวจะไม่โขกกับขอบหลังคา หรืออย่างมาก ก็แค่เฉียดไปนิดหน่อย การก้าวขา ขึ้น – ลง ทำได้ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมด้วยเช่นเดียวกัน

แผงประตูคู่หลัง มีพนักวางแขนแบบลาดลง เหมือน ด้านหน้า วางท่อนแขนได้ แต่สำหรับข่อศอก แอบเตี้ยไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น มีช่องใส่เครื่องดื่ม แบบขวด PET ขนาดเล็กได้ 2 ขวด แต่ใส่ขวดน้ำดื่ม 7 บาท ของบ้านเรา ได้แค่ ขวดเดียว

พื้นที่วางขาด้านหลัง (Legroom) ยาวพอๆกับ Toyota Crown ใหม่ สามารถนั่งไขว่ห้างได้สบายๆ แต่พื้นที่เหนือศีรษะ (Headroom) ดูเหมือนว่าน้อยลงกว่าเดิม อันเนื่องมาจากการออกแบบหลังคาให้เน้นความลู่ลมขึ้น กระนั้น เมื่อนั่งด้านหลังแล้ว หัวของผม (สูง 170 เซ็นติเมตร) ยังไม่ชนเพดานหลังคา และยังเหลือพื้นที่อีกราวๆ 2 นิ้วมือในแนวนอน

เบาะหลังนั่งสบาย มุมองศาการเอียง เหมาะสม เท่ากับเบาะของ Crown ใหม่ พนักพิงหลัง เฟิร์มแอบนุ่มกำลังดี แต่พนักศีรษะแอบแข็ง และมีขอบล่าง ระคายเคืองต้นคอนิดนึง ต้องยกขึ้นมา จึงจะรองรับศีรษะได้พอดี โดยแอบดันหัวเพียงนิดเดียวเท่านั้น (ดันมากกว่า Crown ใหม่ นิดนึง)​

พนักวางแขนแบบพับเก็บได้ สามารถวางแขนได้สบายพอดีๆ มีช่องวางแก้วน้ำมาให้ สำหรับรุ่น G กับ X เบาะผ้านั่น ฝาปิดช่องวางแก้ว ใช้พลาสติกที่ดูก๊องแก๊ง บอบบางกว่า Hilux Revo เสียอีก! แต่พอเป็นรุ่น G ” Leather Package ” วัสดุ ก็ดีขึ้นทันตา ตามราคาตัวรถจริงที่คนญี่ปุ่นต้องจ่ายกันเลยทีเดียว

เบาะรองนั่ง เชื่อหรือไม่ว่า ยาวกว่า Crown ใหม่อยู่นิดนึง! เฟิร์มแต่นุ่มกำลังดี มีมุมเงยในระดับเหมาะสมมากๆ แต่แอบมีการปาดของมุมเบาะเล็กน้อย คล้ายๆกับเบาะหลังของ Nissan Slyphy ซึ่ง บางคน อาจไม่ชอบ นอกจากนี้ เบาะหลังสามารถแบ่งพับได้ในอัตราส่วน 60 : 40 เพื่อเพิ่มพื้นที่ห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง ทว่า การพับเบาะนั้น ต้องเปิดยกฝาท้ายขึ้นมาก่อน คุณจะเห็นคันโยก บริเวณ เหนือช่องกรอบทางเข้า ฝาท้าย ดึงปลดล็อก 1 ครั้ง แล้วต้องเดินย้อนกลับไปพับพนักพิงหลังให้ลงราบด้วยตัวของคุณเอง! มาในสไตล์รถยุโรปแท้ๆ ซึ่งผมไม่ค่อยชอบวิธีพับเบาะแบบนี้เท่าใดนัก เพราะมันไม่สะดวกเท่าที่ควร

เข็มขัดนิรภัยด้านหลัง เป็นแบบ ELR 3 จุด ทั้ง 3 ตำแหน่ง (ซ้าย กลาง ขวา) มีจุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็ก มาตรฐาน ISOFIX มาให้ ทั้งฝั่งซ้ายและขวา

ฝาประตูห้องเก็บของ สามารถเปิดได้ด้วยสวิตช์ไฟฟ้า ทั้งจากภายในรถ บนรีโมทกุญแจ และบริเวณเหนือช่องใส่ป้ายทะเบียนหลัง  มีพลาสติกครอบทับขายึดทั้ง 2 ฝั่ง รวมทั้งมีพรม Recycle ปิดผนังด้านหลังของฝาท้ายไว้ด้วย ทั้งเพื่อความสวยงาม และลดเสียงรบกวนจากกระแสลมที่หมุนวนบริเวณบั้นท้ายรถในขณะขับขี่ แต่เวอร์ชันญี่ปุ่น ดูเหมือนว่าไม่มีระบบเปิด – ปิดฝาท้ายอัตโนมัติมาให้

ห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง มีขนาดความจุ 524 ลิตร ตามมาตรฐาน VDA เยอรมนี (โตขึ้นกว่ารุ่นเดิม 84 ลิตร)มีความกว้าง 1,680 มิลลิเมตร ยาวถึงฐานเบาะหลัง 1,150 มิลลิเมตร สูง 520 มิลลิเมตร ส่วนช่องทาง เพิ่มพื้นที่สัมภาระเมื่อพับเบาะนั้น ช่องทางมีความกว้าง 815 มิลลิเมตร สูง 215 มิลลิเมตร มีพื้นที่ในภาพรวมกว้างใหญ่ขึ้นมาก เป็นผลมาจากการย้ายตำแหน่งแบ็ตเตอรีระบบขับเคลื่อน ไปไว้อยู่ใต้เบาะหลังแทน

เมื่อยกพื้นรถขึ้นดู พบช่องโฟมสำหรับใส่เครื่องมือประจำรถ และเมื่อยกถาดโฟมออก จะพบยางอะไหล่ของ Dunlop แบบบาง พร้อมกระทะล้อเหล็กสีดำ แถมมาให้ ส่วนผนังด้านข้างฝั่งขวา มีปลั๊กไฟ A 100 V 1,500W มาให้ 1 ตำแหน่ง สำหรับเสียบปลั๊กชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ได้

All NEW Camry มาพร้อมระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense P ซึ่งประกอบไปด้วย

  • ระบบเรดาร์ตรวจจับวัตถุด้านหน้า Millimeter Wave Radar
  • ระบบกล้องตรวจจับวัตถุด้านหน้า Monocular Camera
  • ระบบเบรกอัตโนมัติ Pre-crash brake assist
  • ระบบแจ้งเตือนออกนอกช่องจราจร Lane Departure Alert
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Radar Cruise Control
  • ระบบปรับไฟสูงไฟหน้าอัตโนมัติ Auto HighBeam
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Monitoring
  • ระบบเตือนเมื่อมีวัตถุตัดผ่าน ขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert
  • ระบบเบรกอัตโนมัติ เมื่อถอยหลัง Rear Cross Traffic Auto Brake (ติดตั้งเป็นครั้งแรกในรถยนต์ Toyota)

All NEW Toyota Camry เวอร์ชั่นไทยจะได้เครื่องยนต์ใดบ้าง รวมถึงสเป็คอุปกรณ์ ระบบความปลอดภัย และ ที่สำคัญที่สุดคือ ราคา จะมีการปรับขยับขึ้น หรือ ลดลง มากน้อยเพียงใด ทั้งหมดติดตามชมได้ช่วงวันที่ 29 ตุลาคม ที่จะถึงนี้


ภาพถ่ายรถคันจริง All NEW Camry Hybrid G Leather Package (TNGA) โดย www.headlightmag.com


เรียบเรียงข้อมูลทั้งหมดโดย www.headlightmag.com


แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >> community.headlightmag.com/67767.0


บทความที่ควรอ่านเพิ่มเติม : Exclusive First Impression : รีวิว ทดลองขับ Toyota Camry Hybrid (TNGA) ใหม่ เช่าขับก่อนใคร ไกลถึง Tokyo >> http://www.headlightmag.com/exclusive-first-impression-2019-toyota-camry-hybrid-in-japan/

Exclusive First Impression : รีวิว ทดลองขับ Toyota Camry Hybrid (TNGA) ใหม่ เช่าขับก่อนใคร ไกลถึง Tokyo