All NEW Toyota Majesty
ราคาอย่างเป็นทางการ (นำเข้า CBU จากญี่ปุ่น)
- 2.8 Standard 6AT 1,709,000 บาท
- 2.8 Premium 6AT 1,899,000 บาท
- 2.8 Grande 6AT 2,199,000 บาท
Engine เครื่องยนต์
ดีเซล 2.8 ลิตร เทอร์โบ
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ รหัส 1GD-FTV ขนาด 2.8 ลิตร 2,755 ซีซี. VN-Turbo กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก 92.0 x 103.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.6 : 1 กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,200 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ รองรับน้ำมันดีเซลสูงสุด B20
Dimension มิติตัวถัง
Toyota Majesty
- ยาว x กว้าง x สูง : 5,265 x 1,950 x 1,990 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ wheelbase : 3,210 มิลลิเมตร
- ความจุถังน้ำมัน 70 ลิตร
Hyundai H-1
- ยาว x กว้าง x สูง : 5,169 x 1,920 x 1,925 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ : 3,200 มิลลิเมตร
KIA Grand Carnival
- ยาว x กว้าง x สูง : 5,115 x 1,985 x 1,740 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ : 3,060 มิลลิเมตร
Chassis ช่วงล่าง
- ช่วงล่างด้านหน้า McPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง
- ช่วงล่างด้านหลัง แบบ 4-link Suspension คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
2.8 Premium 6AT 1,899,000 บาท
Exterior ภายนอก
- เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 เทอร์โบ 163 แรงม้า 420 นิวตันเมตร
- เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift
- ระบบเบรกหน้า – หลัง ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน
- ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 235/60 R17
- กระจังหน้า – กระจกมองข้าง – มือเปิดประตูภายนอก แบบโครเมียม
- สเกิร์ดตรอบคัน
- สปอยเลอร์หลัง
- คิ้วกันกระแทกด้านข้าง
- กระจกมองข้าง ปรับ และ พับ ด้วยไฟฟ้า
- กระจกมองข้าง พับเก็บอัตโนมัติ เมื่อล็อครถ
- ประตูสไลด์ ซ้าย – ขวา เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
- ประตูสไลด์ไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ Protection Jam
- ฝาท้าย พร้อมระบบกลไกช่วยปิด Easy Door Closer
- ไฟหน้า Projector Lens แบบ LED
- ระบบไฟหน้าปรับระดับสูง-ต่ำ แบบอัตโนมัติ
- ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้า แบบอัตโนมัติ
- ไฟ Daytime Running Light แบบ LED
- ไฟตัดหมอกคู่หน้า
- ไฟท้าย แบบ LED
- ระบบปรับน้ำฝน แบบอัตโนมัติ Rain Sensor
Interior ภายในห้องโดยสาร
- พวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง
- พวงมาลัย ตกแต่งด้วยลายไม้
- พวงมาลัย ปรับได้ 4 ทิศทาง (ขึ้น-ลง-เข้า-ออก)
- มาตรวัดเรืองแสง Optitron
- หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID
- ช่องชาร์จไฟ 12V 2 ตำแหน่ง
- ช่องชาร์จไฟ USB 7 ตำแหน่ง
- ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร illumination Ambient Light
- ไฟอ่านหนังสือสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 4 ตำแหน่ง
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
- ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง แยกส่วน พร้อมหน้าจอแสดงผล
- ระบบปรับสมดุลในอากาศ Nanoe
- กุญแจรีโมท
- ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry
- ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
- กระจกหน้าต่างไฟฟ้าคู่หน้า ขึ้น-ลง อัตโนมัติ
- กระจกหน้าต่างคู่หน้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ Protection Jam
- ระบบเซ็นทรัลล็อค
Entertainment ระบบความบันเทิง
- เครื่องเสียงวิทยุ AM / FM / CD / DVD
- หน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 7 นิ้ว
- ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
- ลำโพง 6 ตำแหน่ง
Seating เบาะนั่ง
- เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง
- เบาะนั่งแบบ 4 แถว 11 ที่นั่ง
- เบาะนั่งจัดวางแบบ 3+2+2+4 ที่นั่ง
- เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง
- เบาะนั่งแถวที่ 2 แบบพรีเมียม Captain Seat หัวเบาะมิกกี้เม้าส์
- เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้า
- เบาะนั่งแถวที่ 2 พร้อมฟังก์ชั่นนวดบริหารหลัง ด้วยระบบไฟฟ้า
- เบาะนั่งแถวที่ 2 พร้อมที่วางขาปรับยกได้ด้วยระบบไฟฟ้า
- เบาะนั่งแถวที่ 3 แบบ Captain Seat พร้อมที่วางแขน
- เบาะนั่งแถวที่ 4 แยกพับอิสระ 50 : 50
- เบาะนั่งแถวที่ 4 ยกพับเก็บขึ้นได้
- จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX 4 ตำแหน่ง
Safety ระบบความปลอดภัย
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบเสริมแรงเบรก BA
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว VSC
- ระบบป้องกันการลื่นไถล TRC
- ระบบไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน ESS
- ระบบควบคุมเฟืองท้าย Auto Limited Slip Difference
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง Blind Spot Monitoring
- ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
- ถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง
- ม่านถุงลมนิรภัย 4 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยหัวเข่าผู้ขับขี่ 1 ตำแหน่ง
- กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา
- กล้องบันทึกเหตุการณ์ด้านหน้ารถ DVR
- ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
- ระบบสัญญาณกันขโมย
2.8 Grande 6AT 2,199,000 บาท
(สิ่งที่ได้เพิ่มจากรุ่น Premium + 300,000 บาท)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน Dynamic Radar Cruise Control
- ระบบความปลอดภัยก่อนการชน และ เบรกอัตโนมัติ Pre-Collision System
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto High Beam
- ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร Lane Departure Assist
- ระบบเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ VSW
- ระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง TPMS
- ลำโพง 12 ตำแหน่ง
- ระบบนำทาง Navigation System
- ระบบ T-Connect Telematics
- Find My Car เช็คตำแหน่งตัวรถผ่าน Application Find My Car หรือ Apple Watch
- Service Reminder ระบบแจ้งเตือนการบำรุงรักษารถยนต์ เมื่อถึงรอบตามระยะ
- Service Appointment บริการนัดหมายเข้าศูนย์บริการผ่านระบบออนไลน์
- My Message แจ้งข่าวสาร ข้อมูลส่วนลด พร้อมสิทธิพิเศษจากโครงการ Toyota Privilege
- Parking Alert ระบบแจ้งเตือนผ่าน Notification เมื่อรถถูกสตาร์ท หรือ เคลื่อนที่
- Stolen Vehicle Tracking ระบบตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์ เมื่อถูกโจรกรรม
- My Toyota Wi-Fi กระจายสัญญาณ เชื่อมต่อความบันเทิงได้พร้อมกันสูงสุด 9 อุปกรณ์
- OPS (Operation Service) ผู้ช่วยค้นหาเส้นทางตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมบริการจองร้านอาหาร
- SOS ประสานงานช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง
- Roadside Service บริการประสานงานไปยังผู้แทนจำหน่ายใกล้เคียง เพื่อขอรับความช่วยเหลือบนท้องถนน
- Health บริการประสานงานแจ้งเหตุฉุกเฉินด้านการแพทย์ โดยการส่งตำแหน่งที่คุณอยู่ไปยังสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)
สีตัวถังภายนอก มีให้เลือก 2 สี ภายในห้องโดยสาร 2 สี (ขึ้นอยู่กับสีตัวรถ)
รุ่น Premium / Grande
- สีดำ Black Mica – ภายในสีดำ Black
- สีดำ Black Mica – ภายในสีเบจ Beige
- สีขาว White Pearl – ภายในสีดำ Black
ผลทดสอบ อัตราเร่ง Toyota Majesty Diesel 2.8 6AT
Acceleration
- อัตราเร่ง 0 – 100 km/h : 15.07 วินาที
- อัตราเร่ง 80 – 120 km/h : 12.06 วินาที
Top Speed
- ความเร็วสูงสุด 181 km/h @ 3,100 rpm (6th gear)
ความเร็ว @ รอบเครื่องยนต์ (ณ เกียร์สูงสุด)
- 80 km/h @ 1,500 rpm (6th)
- 90 km/h @ 1,550 rpm (6th)
- 100 km/h @ 1,750 rpm (6th)
- 110 km/h @ 1,950 rpm (6th)
- 120 km/h @ 2,100 rpm (6th)
* อัตราเร่งคู่แข่งในกลุ่ม Segment เดียวกัน
- KIA Grand Carnival 0-100 km/h : 10.44 sec // 80-120 km/h : 7.83 sec
- Hyundai H-1 0-100 km/h : 13.24 sec // 80-120 km/h : 10.35 sec
Toyota Majesty 2.8 Premium / Grande : 1,899,000 – 2,199,000 บาท
Short Review
รถครอบครัวไซส์ยักษ์ที่มาทำหน้าที่แทน Ventury รุ่นเก่า ถือว่าเป็นการก้าวกระโดดเป็นอย่างมาก ทั้งเรื่องงานดีไซน์ภายนอก – ภายในห้องโดยสาร เมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้ว ด้านหน้าได้รับอิทธิพลมาจากรุ่นพี่ Alphard / Vellfire เต็มๆ เครื่องยนต์ย้ายมาเป็น Semi-Bonnet วางไว้หน้ารถแล้ว แทนที่จะอยู่ใต้เบาะนั่งด้านหน้า Cab Over Engine แบบรุ่นเดิม ข้อดีของการย้ายเครื่องยนต์มาไว้ด้านหน้ารถคือ เมื่อเวลาเกิดอุบัติเหตุชนด้านหน้า มีเครื่องยนต์มาช่วยรับแรงเพิ่มเติม แทนที่จะเป็นส่วนท่อนล่างของคนขับ และ ผู้โดยสารด้านหน้า เพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น
ดีไซน์ทั้งคันเหมือนจะจบลงตัวทุกส่วน แต่มาดูด้านท้ายรถ ออกจะเหลี่ยมมากไปหน่อย มากกว่ารุ่นเดิมด้วยซ้ำ วิ่งบนถนนยิ่งขับรถตาม มองท้ายตรง เหมือนกล่องสี่เหลี่ยมติดล้อดีๆนี่เอง
ภายในห้องโดยสารปรับปรุงด้านดีไซน์ และ การใช้วัสดุดีขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นการบุนุ่มที่แดชบอร์ด รวมไปถึง เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง ที่ผิวสัมผัสดี เนียน และ อยู่ในอันดับต้นๆของกลุ่ม เบาะนั่งคนขับ รองรับสรีระได้ดี ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง แต่จุดที่ต้องปรับปรุงคือ เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าที่เป็นแบบ 2 ที่นั่งติดกัน ที่นั่งตรงกลางไม่สามารถพับลงมาได้ (ต้องดัดแปลงข้างนอก หรือ ล้วงเข้าไปดึงกลไกด้านใน) และ ส่วนของเบาะรองนั่งที่ราบเรียบเกินไป วางของยังไหลไปด้านหน้าเวลาเบรก ถ้าปรับปรุงองศาเบาะรองได้ตรงนี้อีกนิด จะลงตัว
ห้องโดยสารด้านหลัง จัดเบาะนั่งแบบ 2-2-4 เบาะนั่งแถวที่ 2 แบบ Premium Captain Seat ปรับเอน และ ปรับส่วนรองน่องด้วยระบบไฟฟ้า คือ ไฮไลท์ของรุ่นนี้ เทียบกับคู่แข่ง ความสบายของเบาะนั่ง และ ฟังก์ชั่นต่างๆ ถือว่าเหนือกว่าอย่างชัดเจน เรียกได้ว่าจำลองเบาะของรุ่นพี่ Alphard / Vellfire มาไว้ที่นี่ มีฟังก์ชั่นระบบนวดบริหารหลัง ด้วยระบบไฟฟ้า Air Lumbar Pro ส่วนเบาะแถวที่ 3 ยังคงเป็นแบบ Captain Seat เช่นเดียวกัน แต่เป็นแบบที่เท้าแขนแบบธรรมดา แต่ก็ถือว่า เบาะมีขนาดใหญ่กว่าคู่แข่ง ทั้ง Hyundai H-1 และ KIA Grand Carnival ถ้าเน้นนั่งโดยสาร ส่วนตัวผมว่า Majesty ได้เปรียบคู่แข่งทั้งหมดทุกคัน
เบาะแถวที่ 4 เป็นแบบ 4 ที่นั่ง ตรงนี้ Kia Grand Carnival จะได้เปรียบกว่าในเรื่องของการพับเบาะที่สามารถทำได้ราบเรียบไปกับพื้นตัวรถเลย แต่ Majesty เป็นแบบแขวน แยก 50 : 50 แต่อย่างไรก็ตามก็ดีกว่า H-1 ที่ไม่สามารถพับเก็บได้เลย ทำได้เพียงเลื่อน และ ยกส่วนรองนั่งกระดกขึ้นเท่านั้น ฝาท้ายบานใหญ่ ปิดก็ไม่ยากมาก แต่ด้วยขนาดตัวรถที่สูง ทำให้เวลาเปิด-ปิด อาจจะไม่ง่ายมาก ถ้าในอนาคตมีระบบไฟฟ้าก็คงสมบูรณ์
บรรยากาศภายในห้องโดยสาร ใกล้เคียง Alphard / Vellfire มีไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Lighting ปรับเปลี่ยนได้หลายสี บริเวณด้านข้างตัวรถ แต่ด้วยความที่พื้นฐานตัวรถเป็น Frame Chassis ทำให้พื้นห้องโดยสารถูกยกขึ้นสูง และ Majesty ไม่ได้เป็นบอดี้ High Roof ทำให้พื้นที่ Headroom จะเหลือไม่เยอะมากเท่าไหร่ แต่ได้กระจกหน้าต่างรอบด้านบานใหญ่ จึงทำให้ภาพรวมไม่อึดอัด
ปิดท้ายด้วยเรื่องการขับขี่ เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 เทอร์โบ รหัสเดียวกับที่อยู่ใน Revo / Fortuner แต่มีการปรับจูน และ ชิ้นส่วนภายในไม่เหมือนกัน บุคลิกช่วงออกตัวคล้ายๆกับ Fortuner คือ ตีนต้นดี คันเร่งไว ติดเท้า ทำให้เวลาเร่งแซง หรือ ออกตัวในเมือง เป็นไปได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ถ้ากดคันเร่งเต็ม หรือ เร่งแซงช่วงความเร็วสูง อาจจะต้องเผื่อระยะ และ เผื่อเวลานิดหน่อย เทียบกับคู่แข่งอย่าง H-1 รายนั้นจะกระฉับกระเฉงกว่าพอสมควรในช่วงเร่งแซงการเดินทางไกล ส่วน Kia Grand Carnival ชนะอันดับ 1 ด้านพละกำลังเครื่องยนต์ และ ระบบส่งกำลังแบบไม่ต้องสงสัย
ช่วงล่างของ Majesty ไม่นุ่มไม่แข็ง นุ่มกว่า Commuter พอสมควร แต่ยังไม่ถึงขั้น Alphard / Vellfire ต้องขอบอกว่ายังห่างกันแบบรู้สึกได้ แต่ถ้าเทียบกับ H-1 แล้ว Majesty จะเก็บอาการความกระเด้ง กระดอน ซับแรงสะเทือนได้ดีกว่า แต่ยังแพ้ให้กับ Kia Grand Carnival เช่นเคย พวงมาลัยของ Majesty เบา สบาย และ คล่องตัว ขับในเมืองจะสบายมาก ผู้หญิงก็ขับได้ แต่อาจจะกะระยะยากหน่อย เพราะตัวรถค่อนข้างใหญ่ แต่สิ่งทีค่อนข้างเซอร์ไพรส์คือ วงเลี้ยวที่แคบ กลับรถสบายมาก ไม่น่าเชื่อว่ารถคันบิ๊กขนาดนี้ จะวงเลี้ยวแคบคล่องตัว
บทสรุปของ Majesty เหมาะกับคนที่ต้องการความสบายของเบาะนั่งโดยสารเป็นสำคัญ เพราะ คู่แข่งที่เหลือ ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ไม่ดีเท่า แต่ถ้าขับเองบ่อยๆ อาจจะสู้ Kia Grand Carnival ไม่ได้ เพราะรายนั้น เหมาะกับพ่อบ้าน แม่บ้าน สายบู้ สายซิ่ง เครื่องแรง ช่วงล่างเฟิร์ม หาคู่แข่งเทียบยาก ณ เวลานี้ ส่วน Hyundai H-1 ส่วนตัวมองว่า ถ้าไม่ถูกใจ 2 คันนี้ ก็คงไม่มีทางเลือก ต้องมาจบกับ H-1 เป็นทางสายกลางระหว่าง Grand Carnival และ Majesty
รุ่นย่อยของ Majesty นั้น มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ความคุ้มค่าจะมาตกที่รุ่น Premium 1,899,000 บาท ได้ทุกอย่างเหมือนรุ่น Grande หลักก็ขาดไปแค่ระบบ Toyota Safety Sense แต่ประหยัดเงินไป 300,000 บาท นอกนั้น เบาะนั่งจะเหมือนกันหมดทุกอย่าง รถตู้ทั้ง 3 รุ่น มีบุคลิกตอบโจทย์ผู้ใช้งานแตกต่างกันค่อนข้างชัดเจน แนะนำว่าให้พาสมาชิกไปลองกันแบบครบๆทุกคน น่าจะเลือกกันได้ไม่ยากครับ แต่อาจจะต้องเป็นช่วง COVID-19 ซาๆลงไปเสียก่อนครับ
แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >> community.headlightmag.com/74903.0