Subaru Forester (SGP Platform)
ราคาอย่างเป็นทางการ (ประกอบในประเทศ) * ราคารวม Option Pack เรียบร้อยแล้ว
- 2.0 i-L AWD 1,330,000 บาท
- 2.0 i-S AWD 1,380,000 บาท
- 2.0 i-S Eyesight AWD 1,450,000 บาท
- 2.0 i-S Eyesight AWD + GT Edition 1,550,000 บาท
มาพร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถ Warranty นาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และ บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 3 ปี เป็น Subaru รุ่นแรกที่จะผลิตที่โรงงาน T.C.Manufacturing & Assembly (Thailand) ย่านลาดกระบัง ประเทศไทย
ชุดแต่ง GT Edition ที่ Motor Image ร่วมมือผลิตอย่างใกล้ชิดกับบริษัทวิศวกรรมชื่อดัง Giken Co. Ltd และ มาซาฮิโกะ โคบายาชิ หรือ แจ็ค ) มร. โคบายาชิ เป็นอดีตหัวหน้านักออกแบบ (หัวหน้าทีม Global Advanced Design Studio) ของ Subaru Corporation และ รับผิดชอบด้านการออกแบบภายนอกของรถยนต์ซูบารุกว่า 12 รุ่น รวมถึงซูบารุ WRX STI
สิ่งที่ชุดแต่ง GT Edition เพิ่มจากรุ่นปกติ มีดังนี้ (+100,000 บาท)
- ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว สีทูโทน พร้อมยาง 225/55 R18
- ชุดแต่ง สเกิร์ตหน้า
- ชุดแต่ง สเกิร์ตข้าง
- ชุดแต่ง สเกิร์ตหลัง
- สปอยเลอร์หลังคา
- เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสีดำ ตกแต่งด้วยแถบสีขาว
- หน้าจอกลางระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว Panasonic
- กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา
Engine เครื่องยนต์
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบนอน Boxer ขนาด 2.0 ลิตร 1,995 ซีซี. Direct Injection กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD Symmetrical All-Wheel Drive รองรับน้ำมันสูงสุด E10
Exterior ภายนอก
- ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/55 R18
- ไฟหน้า Projector Lens แบบ LED
- ไฟหน้า ปรับระดับสูง-ต่ำ อัตโนมัติ
- ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้า แบบอัตโนมัติ
- ระบบไฟหน้า ปรับตามทิศทางการเลี้ยว
- ไฟตัดหมอกคู่หน้า แบบ LED
- ที่ฉีดน้ำล้างไฟหน้า Headlamp Washer
- ไฟ Daytime Running Light แบบ LED
- ไฟตัดหมอกหลัง
- ราวหลังคา
- ชุดแต่ง สเกิร์ตหน้า
- ชุดแต่ง สเกิร์ตข้าง
- ชุดแต่ง สเกิร์ตหลัง
- สปอยเลอร์หลังคา
- เสาอากาศแบบครีบฉลาม Shark Fin
- กระจังหน้า แบบเปิด-ปิด อัตโนมัติ
- กระจกมองข้าง ปรับและพับ ด้วยไฟฟ้า
- กระจกมองข้าง พร้อมไฟเลี้ยว LED ในตัว
- กระจกมองข้าง พร้อมระบบไล่ฝ้า
- ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor
- ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Special X-Mode
- ระบบ SI-DRIVE
Seating เบาะนั่ง
- เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง สีดำ ตกแต่งด้วยแถบสีขาว
- เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง
- เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง
- เบาะนั่งด้านหลัง แยกพับอิสระ 60 : 40
- ที่วางแขนตรงกลางเบาะนั่งด้านหลัง พร้อมที่วางแก้ว
- เบาะนั่งด้านหลัง ปรับเอนได้
- คันโยกพับเบาะนั่งด้านหลังจากที่เก็บสัมภาระ แยกซ้าย-ขวา
- แผ่นปิดที่เก็บสัมภาระด้านท้าย แบบถอดเก็บได้
Interior ภายในห้องโดยสาร
- ระบบเปิด-ปิดฝาท้าย ด้วยระบบไฟฟ้า
- พร้อมฟังก์ชั่นบันทึกตำแหน่ง
- ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry
- ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
- แป้นเหยียบ คันเร่ง – เบรก แบบอะลูมิเนียม
- พวงมาลัย ปรับได้ 4 ทิศทาง (ขึ้น-ลง-เข้า-ออก)
- แป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift
- หน้าจอแสดงข้อมูลอเนกประสงค์ บริเวณแดชบอร์ดหน้า
- มาตรวัดเรืองแสง Optitron
- หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมฟังก์ชั่น Auto Vehicle Hold
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระ ซ้าย-ขวา Dual Zone
- ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
Entertainment ระบบความบันเทิง
- หน้าจอเครื่องเสียง ขนาด 8.0 นิ้ว ระบบสัมผัส Touchscreen
- ระบบนำทาง Navigation System
- ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
- ช่องเชื่อมต่อ AUX
- ช่องเชื่อมต่อ USB
- ระบบเข้าสู่รถด้วยรหัส PIN
Safety ระบบความปลอดภัย
- ระบบเบรก
- คู่หน้า ดิสก์เบรก แบบมีช่องระบายความร้อน
- คู่หลัง ดิสก์เบรก แบบมีช่องระบายความร้อน
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบเสริมแรงเบรก BA
- ระบบ Brake Override System
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว VDC
- ระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ
- ระบบควบคุมแรงบิดอัตโนมัติ เมื่อเข้าโค้ง Active Torque Vectoring
- ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉินเมื่อเบรกกระทันหัน ESS
- ระบบป้องกันรถไหล โดยไม่ต้องเหยียบเบรก AVH
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง
- ม่านนิรภัย 2 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยหัวเข่าคนขับ 1 ตำแหน่ง
- เซนเซอร์กะระยะช่วยจอด ด้านหลัง
- กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา
- จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ EYESIGHT ประกอบด้วย
- ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Warning
- ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง SVRD
- กล้องมองภาพมุมมองด้านข้าง บริเวณล้อหน้าซ้าย Side View Monitor
- ระบบเบรกอัตโนมัติก่อนการชน Pre-Collision Braking
- ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control
- พร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go
- ระบบถอนคันเร่งก่อนการชน Pre-Collision Throttle Management
- ระบบเตือนเมื่อออกจากเลน Lane Departure Warning
- ระบบเตือนเมื่อขับรถส่าย Lane Sway Warning
- ระบบเตือนเมื่อการจราจรเคลื่อนที่ Lead Vehicle Start Alert
สีตัวถังภายนอก มีให้เลือก 7 สี
- สีเงิน Ice Silver Metallic
- สีเขียว Jasper Green Metallic
- สีเทา Dark Grey Metallic
- สีขาว Crystal White Pearl
- สีดำ Crystal Black Silica
- สีน้ำตาล Sepia Bronze Metallic
- สีฟ้า Horizon Blue Pearl
ผลทดสอบ อัตราเร่ง Subaru Forester 2.0 AWD 1,330,000 – 1,550,000 บาท
Acceleration
- อัตราเร่ง 0 – 100 km/h : 12.95 วินาที
- อัตราเร่ง 80 – 120 km/h : 8.78 วินาที
Top Speed
- ความเร็วสูงสุด Top Speed : 200 km/h @ 5,500 rpm
Fuel Consumption วิ่งเฉลี่ยที่ความเร็ว 110 km/h
- อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 15.81 km/l
Subaru Forester 2.0 i-S Eyesight AWD
Short Review
ชุดแต่ง GT Edition เป็นการต่อยอดจากรุ่น i-S Eyesight เพิ่มเติมเข้ามา นอกเหนือจากชุดแต่งรอบคัน ที่ออกแบบโดยนักออกแบบที่เคยสร้างสรรค์ผลงานไว้กับ WRX STi เพิ่มเงินจากรุ่นปกติ 100,000 บาท แล้วได้ระบบกล้องรอบคัน 360 Degree Camera พร้อมประมวลผลแบบ 3D ดูสมจริง เหมือนอย่างพวก Audi และ BMW นอกจากนี้ยังมีเบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสีทูโทนมาให้ คุ้มกับเงิน 1 แสนบาทที่จ่ายเพิ่มหรือไม่ คงต้องลองชั่งน้ำหนักกันดูครับ
ถ้าไม่นับเรื่องเงิน มองในด้านดีไซน์ของชุดแต่ง ส่วนตัวมองว่า มันก็ช่วยทำให้ Forester รุ่นปกติ ที่ออกจะดูจืดชืดไปสักนิด ดูมีมิติ มีชีวิตชีวามากขึ้น ในรูปจะดูเหมือนรกรุงรัง แต่พอมาอยู่ในรถคันจริง ก็ทำให้รถน่ามอง น่าสนใจมากขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว
งานวิศวกรรม เครื่องยนต์ – ระบบส่งกำลัง มันก็คือ Subaru Forester ประกอบในไทยแบบที่คุณคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาของรถดีไซน์ที่ไม่ค่อยหวือหวาเท่าคู่แข่ง หรือ พละกำลังจากเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร Boxer NA ซึ่งถูกหน่วงคันเร่งไว้ในตอนออกตัว ถ้ากดคันเร่งครึ่งๆกลางๆเหมือนจะมีแรงดี แต่พอกดเต็ม ก็เอื่อยเหมือนเดิม ยังดีที่อัตราเร่งแซงช่วง 60 – 100 km/h ยังพอไหว้วานได้
ถ้านั่งเต็มคันบรรทุกหนักออกวิ่งทางไกล คิดจะแซงก็เผื่อที่ไว้หน่อย ถ้าไปดูคู่แข่งเครื่องเบนซินระดับราคาเท่าๆกัน ทั้ง CR-V เบนซิน 2.4 , X-Trail เบนซิน 2.5 หรือ CX-5 2.0 จะเห็นว่าทุกคันล้วนมีอัตราเร่งที่ดีกว่า Forester ชัดเจน อัตราสิ้นเปลืองดูเหมือนดีหากวิ่งทางไกลแบบรักษาความเร็ว 100 km/h +/- แต่ถ้าหากขับแบบโหดๆ ก็จะเริ่มสูบน้ำมันดุ ยิ่งขับเร็วมากเท่าไหร่ ยิ่งจะกินน้ำมันใกล้เคียง CR-V 2.4 ลิตรมากขึ้น
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ EyeSight ซึ่งมีบทบาทในการเสริมความปลอดภัย และเพิ่มความผ่อนคลายในการขับขี่ แต่ถ้าหากคุณเป็นคนประเภทที่ไม่สนใจเทคโนโลยีในรถ มุ่งหาแต่รถที่ขับดี และ ตั้งใจที่จะขับเองโดยไม่เชื่อใจในคอมพิวเตอร์ใดๆเลย หยุดอ่าน Short Review นี้แล้วไปซื้อ Forester รุ่นรอง หรือ รุ่นเริ่มต้นได้เลยครับ
แต่ถ้าคุณอยากได้ของเล่นแปลกใหม่ที่มีประโยชน์ในชีวิตจริง ก็อ่านต่อ…ระบบ EyeSight นี้ ใช้กล้อง Twin Camera ที่ติดตั้งบริเวณกระจกบังลมหน้า ทำหน้าที่ประหนึ่งตาคน มองไปข้างหน้า แล้วใช้ภาพในการประมวลผล ต่างจากระบบของคู่แข่งค่ายอื่น ที่มักใช้เรดาร์ หรือ เรดาร์/เลเซอร์ ซึ่งทำให้รถสามารถตรวจจับสิ่งที่เกิดขึ้นข้างหน้า เบรกเองได้ถ้าจำเป็น อันนี้ไม่แปลก แต่ระบบ Adaptive Cruise Control พร้อม Stop & Go ที่เป็นฟังก์ชั่นหนึ่งของ EyeSight นั้น มีประโยชน์มาก
นึกภาพการจราจรแบบจะไปก็ไม่ไป จะหยุดก็ไม่หยุดสนิทแบบทางด่วนพระราม 9 ตอนเย็นๆ ช่วงเวลาปกติที่ไม่ใช่ COVID-19 ระบบของ Subaru สามารถปรับความเร็วแล่นตามรถคันหน้าเอง และ หยุดรถเองโดยอัตโนมัติ เมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัวแล้วคุณยังมัวตอบแชทแฟนอยู่ ก็จะมีเสียงเตือนดังว่ารถคันหน้าออกไปแล้ว คุณก็แค่กดคันเร่ง หรือกดปุ่ม RES มันก็จะกลับเข้าสู่ระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติอีกครั้ง ความจริงรถหลายๆรุ่นในระดับเดียวกันนี้ก็มีฟังก์ชั่นนี้มาให้แล้ว ไม่น่าแปลกอะไร แต่…
การทำงานของระบบ ใน Subaru Forester Eyesight ทำงานได้ละเอียดกว่าคู่แข่งนิดหน่อย เบรกหน้าไม่ทิ่ม ออกตัวไม่แรงเกินไป คุณสามารถปรับความไวในการออกตัว ของระบบ Adaptive Cruise Control บนจอมาตรวัดได้ แบ่งออกเป็น 4 ระดับ Level 1 – Level 4 : ECO ไปจนถึง Dynamic แต่ในระบบเตือนออกนอกเลน จะไม่มีฟังก์ชั่นใดๆที่คุมพวงมาลัย ถ้ารถเป๋ออกนอกเลน มันจะมีเพียงเสียงเตือน แต่จะไม่ดึงพวงมาลัยกลับให้
อาจฟังดูเหมือนให้ก็ให้ไม่ครบ แต่เป็นความตั้งใจของวิศวกร ซึ่งไม่ใช้คำว่า Semi-autonomous กับระบบ EyeSight ออกสื่อฯเลย แต่พยายามใช้คำว่าระบบช่วยเพิ่มความปลอดภัย หรือ ระบบช่วยเสริมความสบายเวลาขับมากกว่า การทำงานของระบบนั้นจะเชื่อคนขับเป็นหลัก เช่น หากระบบเบรกอัตโนมัติเกิดทำงานตอนคุณเร่งแซงยามคับขัน หากคุณกดคันเร่งสวนลงไป รถก็จะเชื่อฟังและปลดปล่อยพลังตามปกติ
ช่วงล่าง และ การขับขี่บังคับควบคุม คือ สิ่งที่น่าประทับใจอย่างยิ่งใน Forester คันนี้ ช่วงล่างที่นุ่มสบาย ซับแรงสะเทือนได้ดีที่สุดในกลุ่ม SUV ระดับราคาเดียวกัน แต่กลับกันถ้าอยู่ในโหมดบู้ ก็พร้อมที่จะพาคุณเกาะโค้งได้อย่างมั่นใจแบบไม่น่าเชื่อ นี่คือช่วงล่างที่หลายคนปรารถนาอยากจะให้มาอยู่ใน SUV แต่อนิจจัง กำลังเครื่องยนต์แสนจะอุ้ยอ้าย ไม่ได้สัมพันธ์กับช่วงล่างที่นุ่มสบาย และ จิกโค้งได้อยู่หมัดแบบนี้เลย
ดังนั้น หากจะซื้อ Forester ล่ะก็ ให้นึกภาพแบบเข้าข้างตัวเองว่า บ้านคุณอาจจะมีรถคันอื่นๆที่แรงกว่านี้อยู่แล้ว วันนึงคุณอยากจะได้รถครอบครัวสบายๆสักคันมาขับไปไหนมาไหน พร้อมกับคนในครอบครัว Forester จะเป็นรถที่คุณจะร้องหาในวันที่เหนื่อยล้า เมื่อคุณต้องการเดินทางอย่างมั่นใจ ช่วงล่างที่ไว้ใจได้ บู้ได้ถ้าเจอสถานการณ์ฉุกเฉิน ห้องโดยสารโปร่งโล่งสบาย ได้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD แต่ให้ลืมเรื่องความกระฉับกระเฉงไปได้เลย มันตอบโจทย์คุณไม่ได้แน่ๆ ถ้าเป็นคนเท้าหนัก แต่ถ้าที่กล่าวทั้งหมดนี้ตรงกับความต้องการของคุณ Forester น่าจะเป็นรถครอบครัวที่ทำให้คุณมีความสุขได้ไม่ยาก
แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >> community.headlightmag.com/75061.0