Nissan TERRA (เทอร์ร่า)
ราคาอย่างเป็นทางการ
- 2.3 Twin Turbo VL 4WD A/T 1,457,000 บาท
Engine เครื่องยนต์
ดีเซล 2.3 ลิตร เทอร์โบคู่
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ รหัส YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร 2,298 ซีซี. DOHC Twin-Turbo Intercooler (เทอร์โบคู่) กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 85.0 x 101.3 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.4 : 1 กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 2,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ
ภายนอก Exterior
- ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Part-time 4WD (Shift-on-Fly)
- ไฟหน้า Projector Lens แบบ LED
- ไฟ Daytime Running Light แบบ LED
- ไฟตัดหมอกคู่หน้า
- ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า แบบอัตโนมัติ
- กระจังหน้า V-Motion แบบโครเมียม
- ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว แบบปัดเงา พร้อมยาง 255/60 R18
- บันไดข้างสีเงินเมทัลลิค
- มือเปิดประตูภายนอกโครเมียม
- ราวหลังคาแบบ Built-in
- กระจกบังลมหน้าแบบลดเสียงรบกวน Acoustic Glass
- กระจกมองข้าง พร้อมไฟเลี้ยวในตัว
- ไฟท้าย LED Light Guiding
ภายในห้องโดยสาร Interior
- ภายในห้องโดยสารโทนสีดำ
- มือจับบนหลังคาภายในห้องโดยสาร 6 ตำแหน่ง
- ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ที่คอนโซลกลาง
- ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง บนเพดาน
- สวิตซ์ปรับแรงลม ระบบปรับอากาศแยกส่วนสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- ที่วางแขน พร้อมที่วางแก้วน้ำ สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- ชุดมาตรวัดแบบ Optitron
- หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID แบบ สี TFT ขนาด 5 นิ้ว
- แสดงข้อมูลตัวรถ
- แสดงข้อมูลอัตราสิ้นเปลือง
- แสดงแรงดันลมยาง
- แสดงระบบช่วยเหลือการขับขี่
- แสดงข้อมูลระบบขับเคลื่อน
- แสดงข้อมูลการขับขี่ Off-Road
- ระบบกุญแจอัจฉริยะ Smart Keyless Entry
- ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย – ขวา Dual Zone
- พวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง ตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน
- สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
- หัวเกียร์หุ้มด้วยหนัง
ระบบความบันเทิง Entertainment System
- ชุดเครื่องเสียงหน้าจอระบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว
- เครื่องเสียง วิทยุ AM/FM CD MP3 DVD
- ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
- ช่องเชื่อมต่อ AUX
- ช่องเชื่อมต่อ USB
- ช่องเชื่อมต่อ HDMI
- ระบบนำทาง Navigation System
- หน้าจอบนเพดานสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ขนาด 11 นิ้ว
- ลำโพง 6 ตำแหน่ง
เบาะนั่ง Seating & Upholstery
- เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง สีน้ำตาล
- เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทาง
- เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยมือ 4 ทิศทาง
- เบาะนั่งแถวที่ 2 แยกอิสระ 60 : 40
- เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเอนได้
- เบาะนั่งแถวที่ 2 เลื่อนหน้า – ถอยหลังได้
- เบาะนั่งแถวที่ 2 พับทบมาด้านหน้า (Tumbling Function)
- เบาะนั่งแถวที่ 2 พับด้วยสวิตซ์ไฟฟ้า แบบ One Touch แยกซ้าย-ขวา
- เบาะนั่งแถวที่ 3 แยกพับอิสระ 50 : 50
- เบาะนั่งแถวที่ 3 ปรับเอนได้
- เบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถพับได้ราบเรียบ
- ระบบเบรก คู่หน้า ดิสก์เบรก / คู่หลัง ดรัมเบรก
ระบบความปลอดภัย Safety
- ระบบเบรก ABS / EBD / BA
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VDC)
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA)
- ระบบช่วยลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC)
- ระบบล็อคเฟืองท้าย Rear Diff-lock
- กระจกมองหลังแบบใช้กล้องแสดงภาพ Intelligent Rear View Mirror (i-RVM)
- ระบบเตือนแรงดันลมยาง Tire Pressure Monitoring System (TPMS)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Warning (BSW)
- ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง Lane Departure Warning (LDW)
- ระบบตรวจจับวัตถุและบุคคลรอบคัน Moving Object Detection (MOD)
- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย)
- กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา Around View Monitor (AVM)
สีตัวถังภายนอก มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี
- สีน้ำตาล Earth Brown
- สีขาวมุก White Pearl
- สีเงิน Brilliant Silver
- สีเทา Twilight Grey
- สีดำ Black Star
ผลทดสอบ อัตราเร่ง Nissan Terra 2.3 VL 4×4 7AT
Acceleration
- อัตราเร่ง 0 – 100 km/h : 10.92 วินาที
- อัตราเร่ง 80 – 120 km/h : 7.78 วินาที
Top Speed
- ความเร็วสูงสุด Top Speed : 189 km/h @ 3,800 rpm (6th gear)
Fuel Consumption
- อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ทำได้เฉลี่ย 14.45 km/l
Nissan Terra 2.3 Twin Turbo VL 4WD 7AT
Short Review by Pan Paitoonpong
เมื่อเทียบกับ Ford Everest Bi-turbo 4WD แล้ว Terra ดูเหมือนรถที่ไม่มีอะไรจะโชว์ ภายนอกที่ดูธรรมดา ล้อที่ขนาดเล็กกว่า ภายในที่ดูเหมือน Navara โดยไม่มีการอัพเกรดวัสดุ หรือดีไซน์ให้มีความแตกต่าง มีเพียงเบาะหนังสีน้ำตาลเท่านั้นที่ต่างกัน แต่ถ้าพิจารณาจากราคาค่าตัวที่ถูกกว่า Ford อยู่ถึง 342,000 บาท ทำให้มันเป็นทางเลือกที่ยังไม่ควรมองข้ามง่ายๆโดยเฉพาะในเมื่อทั้ง Ford และ Toyota มีราคาสูงกว่า
สิ่งที่ Nissan ยังสู้ค่ายอื่นไม่ได้คือน้ำหนัก และ ความไวของพวงมาลัย ของ Everest นั้นเซ็ตมาให้น้ำหนักเบาที่ความเร็วต่ำ หนืดขึ้นที่ความเร็วสูง มีความไวน้องๆรถเก๋งทำให้ขับเลาะโค้งตามเขาได้คล่องตัว ในขณะที่พวงมาลัยของ Terra นั้น CTRL+C, CTRL+V มาจาก Navara อันเป็นพวงมาลัยไฮดรอลิกที่ให้ความรู้สึกแบบรถกระบะจากยุคก่อนๆ ถ้าขับทางตรง พวงมาลัยจะเริ่มเบานิดๆที่ความเร็วสูงแต่ด้วยความที่มันทดเฉื่อยทำให้ผมไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร จะมีก็แต่เวลาต้องเปลี่ยนเลน เลี้ยวตามซอย หรือเล่นโค้งตามภูเขา เวลาที่ต้องเลี้ยวไปมา พวงมาลัยทำให้ Terra น่าขับน้อยลง ตรงจุดนี้มันทำลายอารมณ์ในการขับขี่ของรถที่ขับสนุกไปเสียจนหมดสิ้น
เพราะ Ford ดันไปปรับแก้ช่วงล่าง Everest จนนุ่มเอาใจลูกค้าส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ขับเร็วมาก ทำให้เสียเสถียรภาพในโค้งไป วันนี้ Terra จึงเขยิบขึ้นมาเทียบได้ใกล้เคียง และ ออกจะควบคุมการดีดของตัวถังในโค้งแบบถนนไม่เรียบได้ดีกว่าด้วยซ้ำ ส่วนการขับแบบใช้งานทั่วไป หรือลุยถนนออฟโรด Terra มีช่วงล่างที่บาลานซ์ดีระหว่างความนุ่มนวลและความมั่นใจ คุณอาจจะเสียวสันหลังบ้างเวลาหักหลบหมาตัดหน้าแต่เวลานี้ก็มีเพียงแค่ Fortuner TRD เท่านั้นที่มั่นใจกว่าแต่ก็แข็งสะเทือนกว่า
เครื่องยนต์ YS23 เทอร์โบคู่ แม้จะมีแรงม้า 190 ตัวเท่าเครื่องยนต์ YD25 ของ Navara แต่กลับสร้างอัตราเร่งได้เร็ว ทั้งที่รถหนักกว่า มีแรงบิดรอบต่ำที่ดีมากเหมือนรถเครื่องความจุ 2.8-3.0 ลิตร อัตราเร่งรอบกลาง และ ปลายก็ไปแบบเหมือนจะไม่เร็วแต่จับเวลาออกมาแล้วไล่ล่ากับ Bi-turbo 213 แรงม้าของ Ford ได้สบาย แถมถ้าขับแบบคันเร่งนิ่งๆยังประหยัดน้ำมันจนน่าแปลกใจ อาจเป็นเพราะรถพยายามเข้าเกียร์สูงและคงรอบให้เสถียรไว้ตลอด ไม่ค่อยดีดรอบไปมาหรือพยายามปรับเกียร์ตามคันเร่งแบบ Ford สิ่งนี้อาจทำให้ Terra ดูน่าเบื่อหากขับแบบครึ่งๆกลางๆกับคันเร่ง
ใน Manual mode รถเข้าเกียร์ตอบสนองได้ดีตามคำสั่ง แต่ก็อยู่ในระดับใกล้เคียง PPV คันอื่น ในขณะที่ Ford จะฉลาดเวลาอยู่เกียร์ D แต่เวลาเล่นเกียร์เอง ปุ่มที่หัวเกียร์ใช้งานไม่ค่อยถนัดมือและบางครั้งก็ไม่ค่อยยอมทำตามสั่ง ซึ่งเป็นปัญหาตรงที่การมีเกียร์ 10 จังหวะทำให้เวลาขับบนเขาแล้วเจอทางชัน ต้องลดเกียร์รอไว้ล่วงหน้านานในขณะที่ Terra เปลี่ยนเกียร์ลงที่หน้าทางชันยังทัน
เบาะนั่งแถวหน้า ดันหลังช่วงล่างค่อนข้างมาก พนักพิงศีรษะดันหัวน้อยกว่า Navara ล็อตแรก เบาะแถวสองมีความสบายพอประมาณ ส่วนเบาะแถวสามค่อนข้างวางเบาะรองนั่งเตี้ยติดพื้น ทำให้คนขายาวต้องชันเข่ามาก จุดที่ดีของ Terra คือการที่คนขับสามารถกดปุ่มพับเบาะแถวสองได้ง่ายจากคอนโซลกลางแม้อาจไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้ ส่วนกระจกมองหลังที่เป็นภาพฉายนั้น ภาพยังไม่ค่อยคม และมีปัญหาสำหรับคนอายุมากเพราะภาพมุมรถเล็กเกินไป
อุปกรณ์ต่างๆในภาพรวม ลูกเล่นน้อยกว่า Mitsubishi แต่ Safety equipment เยอะกว่า MU-X รวมถึงระบบขับสี่ทีมี Diff-lock หลังและ Brake Limited Slip แต่ยังใส่เกียร์ขับสี่วิ่งถนนดำแบบมิตซูไม่ได้
โดยสรุป Terra เหมาะกับคนที่ต้องการ PPV พลังสูง และ มีขับสี่ แต่มีงบไม่เยอะ ยอมทำใจได้ถ้าจะไม่มีของเล่นไฮเทคแบบมิตซูกับฟอร์ด แต่ก็ได้รถที่แรง ประหยัดแถวหน้าของกลุ่ม และคุณต้องโอเคกับพวงมาลัยที่ทดเฉื่อยแบบรถยุคเก่า ตรงนี้เองทำให้ Chevrolet Trailblazer ที่ลดค่าตัวลงมาถูกกว่า Nissan Terra ไปแล้ว ณ วันนี้ จึงทำให้ Terra ดูจะมีจุดขายที่น้อยลงไปกว่าเดิม จนสะท้อนเป็นยอดขายรั้งท้ายของกลุ่ม PPV ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2019 นี้
แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >> community.headlightmag.com/70939.0