Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic

ราคาอย่างเป็นทางการ (รุ่นประกอบในประเทศ)

  • GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic  5,190,000 บาท

GLE 300 d ประกอบในประเทศ ถูกลง 870,000 บาท จากเดิมรุ่นนำเข้า CBU ราคา 6,060,000 บาท Option เหมือนกันทุกประการ ยกเว้นตัด ที่วางแก้วน้ำแบบควบคุมอุณหภูมิ

Dimension มิติตัวถัง

  • ยาว  4,930 มิลลิเมตร
  • กว้าง  2,018 มิลลิเมตร
  • สูง  1,795 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ  2,995 มิลลิเมตร
  • ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย ขนาด 630 – 2,055 ลิตร (เมื่อพับเบาะลง)

Engine เครื่องยนต์

เครื่องยนต์ดีเซล รหัส OM654 แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 1,950 ซีซี. พ่วงเทอร์โบคู่ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 82.0 x 92.3 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.5 : 1 กำลังสูงสุด 245 แรงม้า ที่ 4,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,400 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC

อัตราทดเกียร์อัตโนมัติ 9G-Tronic

  • เกียร์ 1  5.354
  • เกียร์ 2  3.243
  • เกียร์ 3  2.252
  • เกียร์ 4  1.636
  • เกียร์ 5  1.211
  • เกียร์ 6  1.000
  • เกียร์ 7  0.865
  • เกียร์ 8  0.717
  • เกียร์ 9  0.601
  • เกียร์ถอยหลัง  4.798
  • อัตราทดเฟืองท้าย  3.270

รายละเอียด Option ของ GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic

Exterior ภายนอก

  • ไฟหน้า MULTIBEAM LED
  • ระบบปรับไฟหน้าตามการเลี้ยวของพวงมาลัย ALS
  • ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง Cornering Light
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist
  • ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง
  • กระจกมองข้าง ปรับและพับ ด้วยไฟฟ้า
  • ไฟเบรก และ ไฟท้าย แบบ LED
  • กระจกมองข้าง แบบปรับลดแสงอัตโนมัติ
  • กระจกมองหลัง แบบปรับลดแสงอัตโนมัติ
  • ไฟส่องพื้น สัญลักษณ์ Mercedes-Benz
  • ชุดกันชนหน้า – หลัง AMG Body Styling
  • สเกิร์ตข้าง AMG Body Styling
  • ล้ออัลลอย AMG ขนาด 21 นิ้ว Multi-Spoke
  • ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor
  • ฝาท้าย เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
  • ระบบเปิด-ปิดฝาท้าย โดยไม่ต้องใช้มือ Hands-Free Access
  • ระบบกุญแจ KEYLESS-GO
  • บันไดข้างสแตนเลสดีไซน์สปอร์ต
  • สัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนคาลิปเปอร์เบรก
  • อุปกรณ์ปะยางฉุกเฉิน TIREFIT
  • แผ่นรองกันกระแทกใต้ห้องเครื่อง

Interior ภายในห้องโดยสาร

  • หลังคากระจก Panoramic Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
  • แดชบอร์ดหน้า และ แผงประตูส่วนบนหุ้มด้วยหนัง ARTICO
  • พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ต
  • พวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง Nappa
  • วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร โครเมียม – H31 Anthracite open-pore oak wood
  • ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
  • ฟังก์ชั่น ECO Start / Stop
  • ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ DYNAMIC SELECT
  • ชุดมาตรวัดดิจิตอล ขนาด 12.3 นิ้ว
  • หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า Head-up Display
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ 4 โซน THERMOTRONIC
  • ม่านบังแดดประตูคู่หลัง ซ้าย-ขวา

Seating เบาะนั่ง

  • เบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง
  • เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa
  • เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อม Memory Seat
  • เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อม Memory Seat
  • เบาะนั่งแถวที่ 2 แยกพับอิสระ 60 : 40
  • เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเอน ด้วยระบบไฟฟ้า
  • เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเลื่อนหน้า-ถอยหลัง ด้วยระบบไฟฟ้า
  • ชุดมาตรวัดแบบ Full Digital ขนาด 12.3 นิ้ว

Entertainment ระบบความบันเทิง

  • ระบบมัลติมีเดียแบบ MBUX
  • หน้าจอกลาง Digital Widescreen Cockpit ระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 12.3 นิ้ว
  • ระบบสั่งงานด้วยเสียง Hey Mercedes
  • ระบบเชื่อมต่อรถยนต์ Mercedes me connect
    • ระบบโทรช่วยเหลือฉุกเฉิน Emergency Call System
    • ระบบวิเคราะห์สภาพรถยนต์ Telediagnostics / ตั้งค่ารถยนต์
    • ฟังก์ชั่นสตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อเปิดระบบปรับอากาศด้วยมือถือ Remote Engine Start
  • รองรับระบบ Apple CarPlay / Android Auto
  • ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester
  • ช่องเชื่อมต่อ USB Type C บริเวณที่นั่งทุกตำแหน่ง
  • ปุ่มควบคุมกลาง Touchpad
  • ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light ปรับได้ 64 สี


Safety ระบบความปลอดภัย

  • ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE
  • ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system)
  • โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program)
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Acceleration skid control)
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า ADAPTIVE Brake พร้อม Brake Hold
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill-Start Assist
  • ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน Adaptive Brake Light
  • ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ ASSYST service interval indicator
  • ระบบเตือนแรงดันลมยาง Tyre pressure loss warning system
  • ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Attention Assist
  • ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist with PARKTRONIC
  • ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Active Distance Assist DISTRONIC)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดบอดสายตา (Blind Spot Assist)
  • ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทาง (Active Lane Keeping Assist)
  • ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist)
  • ระบบรักษาสมดุลของตัวรถเมื่อมีลมมาปะทะด้านข้าง (Crosswind assist)
  • Electronic Traction System 4ETS สำหรับรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ
  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
  • ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 4 ตำแหน่ง
  • ม่านถุงลมนิรภัย 4 ตำแหน่ง
  • ถุงลมนิรภัยหัวเข่าคนขับ 1 ตำแหน่ง
  • กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง

สีตัวถังภายนอก มีให้เลือก 4 สี

  • สีขาว Polar White
  • สีดำ Obsidian Black
  • สีเงิน Iridium Silver
  • สีเทา Selenite Grey

Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic  5,190,000 บาท

Comfort Mode

  • อัตราเร่ง 0 – 100 km/h : 8.95 วินาที
  • อัตราเร่ง 80 – 120 km/h : 6.42 วินาที

Sport Mode

  • อัตราเร่ง 0 – 100 km/h : 8.72 วินาที
  • อัตราเร่ง 80 – 120 km/h : 6.19 วินาที

Top Speed

  • ความเร็วสูงสุด 213 km/h @ 4,200 rpm (7th gear)

 

Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic  5,190,000 บาท

Short Review

เกริ่นสักเล็กน้อยว่า GLE-Class นั้น แต่เดิมเรารู้จักกันในรถตระกูล ML-Class หรือเป็น SUV ของ Mercedes-Benz แต่ภายหลังมีการเปลี่ยนชื่อเรียกเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นในแต่ละรุ่น ว่าอยู่ใน Segment ไหนกันแน่ โดยการเติม Class ที่แบ่งออกเป็น 5 ระดับ คือ A-Class | B-Class | C-Class | E-Class และ S-Class ต่อท้ายประเภทรถนั้นๆ ซึ่งก็แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ Core Model ไม่มีอะไรนำหน้า เช่น C-Class, GL คือ รถประเภท SUV, SL คือ รถประเภท Roadster และ CL คือ รถประเภท 4-door Coupe’ ในขณะที่ล่าสุดมีตระกูลรถยนต์ไฟฟ้าออกมา คือ EQ การปรับเปลี่ยนทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเดือน พฤศจิกายน 2014 จนสุดท้าย ML-Class กลายเป็นชื่อ GLE-Class ในปัจจุบัน

Mercedes-Benz GLE-Class (W167) เปิดตัวครั้งแรกในโลก 12 กันยายน 2018 ที่ Stuttgart, Germany จากนั้น Mercedes-Benz ประเทศไทย เปิดตัว GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic เมื่อเดือน สิงหาคม 2019 เคาะราคา 6,060,000 บาท อันที่จริง รุ่นนำเข้านั้นตั้งราคาเป็นตุ๊กตาเอาไว้ เพราะให้หลังเพียงแค่ 3 เดือน ก็เปิดตัวรุ่นประกอบในประเทศที่ราคาถูกลง 870,000 บาท เหลือ 5,190,000 บาท ใส่เครื่องยนต์ดีเซล รหัสคุ้นเคย OM654 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พ่วงเทอร์โบคู่ 245 แรงม้า 500 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ เหมือนที่อยู่ใน CLS 300 d แต่เพิ่มระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC เข้ามา

ครั้งแรกที่เห็น GLE-Class รุ่นล่าสุด ยอมรับเลยว่า ผมค่อนข้างเฉยๆ ไม่ค่อยชอบมันสักเท่าไหร่ เพราะ ดีไซน์ด้านท้ายนั้น มีความคล้ายรถ SUV/PPV อย่าง Mitsubishi Pajero Sport รุ่นแรกอยู่บ้าง และ ดูเหมือนว่าภายนอก ไม่ได้ฉีกจนรู้สึกตื่นเต้นอะไรมากมาย จนกระทั่ง All NEW GLE 300 d เปิดตัวในงาน Motor Expo 2019 ผมเห็นรถคันจริงแล้ว กลับกลายเป็นว่า มันลงตัวดี แม้ล้อ Multi-Spoke ลายนี้ ผมค่อนข้างเบื่อ เพราะใช้ในรถแทบจะทุกรุ่นของ Mercedes-Benz ที่ขายในไทยเลยก็ว่าได้ ตั้งแต่ CLA-Class ยัน S-Class

แต่สิ่งที่ตอกย้ำผมอย่างชัดเจนมากขึ้น ก็ตอนได้มาใช้ชีวิตอยู่กับเจ้าคันนี้ มันยิ่งทำให้ผมเข้าใจว่า ทำไมมันถึงได้รับความนิยมค่อนข้างสูง เพราะบอกตามตรงว่า กว่าผมจะได้คิวคันนี้มา รอเกือบปี เพราะ ดีลเลอร์เอง ก็ยืมรถส่วนกลางให้ลูกค้าได้ทดลองกันอยู่ตลอด คิวแน่นมาก รวมไปถึงไปออก Event และ กิจกรรมต่างๆอย่างต่อเนื่อง เพราะมีแต่ลูกค้าถามหามัน

GLE เป็นอีกรุ่นที่ผมเซอร์ไพรส์เรื่องช่วงล่างมาก นุ่มกำลังดี เฟิร์มกำลังดี ไม่นุ่มไป ไม่แข็งไป แม้จะเป็นช่วงล่างแบบธรรมดา แต่การเก็บรายละเอียดรอยต่อถนนทำได้ดี ผมกลับชอบมันมากกว่าช่วงล่าง Adaptive ใน BMW X5 xDrive45e เสียอีก อันนั้นผมว่ามันค่อนข้างที่จะยวบไป การเปลี่ยนเลนกะทันหัน GLE 300 d ให้ความมั่นใจ ไม่ได้รู้สึกว่ามันโหวง หรือ ยวบเกินไป โดยรวมผมค่อนข้างประทับใจ และ เซอร์ไพรส์กับช่วงล่างมากครับ มันพอเหมาะกับรถแบบนี้ ไซส์นี้อย่างไม่น่าเชื่อ พวงมาลัยคม แม่นยำ ไว้ใจได้ ในภาพรวมค่อนข้างประทับใจในการขับขี่มากทีเดียว

ระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่มีมาให้ ก็ครบถ้วน

  • ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist with PARKTRONIC
  • ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Active Distance Assist DISTRONIC)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดบอดสายตา (Blind Spot Assist)
  • ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทาง (Active Lane Keeping Assist)
  • ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist)
  • ระบบรักษาสมดุลของตัวรถเมื่อมีลมมาปะทะด้านข้าง (Crosswind assist)

สิ่งที่ขึ้นมานั่งบนตำแหน่งคนขับแล้วตื่นตาตื่นใจ คือ หน้าจอ Head-up Display ขนาดใหญ่โต พร้อมแสดงผลได้หลากหลายมาก แบ่งออกเป็น 3 ส่วน แต่ละส่วนสามารถปรับการอ่านค่าได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว ระบบนำทาง เข็มทิศ ระบบช่วยเหลือการขับขี่ มุมไต่ แรง G ฯลฯ

ภายในห้องโดยสารทั้งงานดีไซน์ การใช้วัสดุ และ ไฟ Ambient Light ยังเป็นจุดเด่นของ Mercedes-Benz ที่ทำให้ GLE 300 d เหนือกว่าคู่แข่งทั้ง BMW X5 และ Audi Q7 แบบหลายช่วงตัว ลายไม้ Open-Pore แบบผิวด้าน ให้ความรู้สึกอบอุ่น และ พรีเมียมไปในเวลาเดียวกัน ตัวผิวสัมผัสมีความเป็นร่องไม้จริงๆ ส่วนตัวผมชอบมากครับ กับลายไม้แบบนี้ ขาดไม่ได้ก็คือ หลังคากระจกบานใหญ่ Panoramic Sunroof และ ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light ปรับได้มากถึง 64 สี ที่เป็นจุดเด่นของ Mercedes-Benz รุ่นใหม่ๆมานี้

เบาะนั่งคู่หน้าตัวใหญ่สบายมาก ปรับไฟฟ้า พร้อม Memory Seat มาให้ทั้ง 2 ฝั่ง เห็นเบาะเป็นทรงแบบนี้ แต่ปรับได้ละเอียดมากนะครับ ทีแรกผมนึกว่าชิ้นรองนั่ง รองน่อง จะปรับไม่ได้ แต่จริงๆแล้วมันปรับได้ครับ เหมือนเบาะทรงอื่นของ Mercedes-Benz เลย แม้จะไม่ได้มีฟังก์ชั่น Massage แต่มีระบบ Seat Kinetics ที่ช่วยปรับองศาเบาะเป็นจังหวะสลับกัน เพื่อให้คนนั่งรู้สึกผ่อนคลาย มันคล้ายๆระบบนวดครับ แต่ใช้วิธีการปรับองศาไปมาของพนักพิงเบาะ ปีกเบาะ และ เบาะรองนั่ง

เบาะแถวที่ 2 ปรับ และ พับด้วยระบบไฟฟ้าทั้งหมด มีสวิตซ์ควบคุมการยกเบาะ และ พับเบาะ ได้จากที่เก็บสัมภาระท้ายรถ แยกอิสระแบ่งเป็น 3 ส่วน 40 : 20 : 40 ปรับเอนได้ เลื่อนหน้า-ถอยหลังได้ สวิตซ์ควบคุมอยู่ที่แผงประตูด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง เหมือนเบาะนั่งคู่หน้า เบาะหลังนี่ก็นั่งสบายไม่แพ้เบาะคู่หน้า มีแอร์หลังแยกส่วนซ้าย-ขวา มีม่านบังแดดที่ประตูคู่หลังปรับด้วยไฟฟ้า ส่วนเบาะแถวที่ 3 แยกพับแบบ 50 : 50 แต่ส่วนของแถวหลังสุด เป็นการพับแบบ Manual ไม่ใช่ระบบไฟฟ้า ขอสารภาพว่าไม่ได้ไปลองนั่งเบาะหลังสุดครับ แต่ดูจากพื้นที่แล้ว ต้องเป็นเด็ก หรือ ผู้ใหญ่ตัวเล็กๆหน่อยล่ะครับ


สิ่งที่ทำให้ GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic คันนี้ มีจุดที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผลคือ ราคา ไม่สัมพันธ์กับ พละกำลังเครื่องยนต์อย่างที่ควรจะเป็น ไม่ใช่ว่า รหัส 300 d นั้นอืดอาด ยืดยาด ไม่ทันใจนะครับ แต่เป็นเพราะ ราคาค่าตัว 5,190,000 บาท ได้เครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 เทอร์โบ 245 แรงม้า ในขณะที่คู่แข่งอย่าง BMW X5 ให้เครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 เทอร์โบ 265 แรงม้า ในราคา 4,699,000 บาท แพงกว่าคู่แข่ง 5 แสนบาท แต่ได้เครื่องยนต์ที่เล็กกว่า พละกำลังน้อยกว่า

อันที่จริง รหัส 300 d ทำผลงานได้ดี ค่อนข้างเป็นที่น่าประทับใจครับ แม้ตัวเลขอัตราเร่งออกตัว และ อัตราเร่งแซง ออกมาไม่หวือหวามาก และ ไม่ได้เป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ แต่ในการขับใช้งานจริง ด้วยช่วงแรงบิดที่กว้าง และ มาไว ทำให้มันกดแล้วทันอกทันใจ และ ไหลมาอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่กดคันเร่ง แรงบิด 500 นิวตันเมตร และ ม้า 245 ตัว แสดงพลังออกมาได้ดีเยี่ยม จนหลัง 180 km/h ไปแล้ว จะเริ่มไต่ความเร็วได้ช้าลง ผมว่า มันไม่เร็ว แต่ขับสนุกครับ ผมว่าถ้าหากเป็น GLE 350 d 4MATIC ใช้รหัสเดียวกับที่อยู่ใน S-Class เครื่องนั้นลงตัว และ เหมาะสมกับราคาค่าตัวที่สุด 6 สูบ 3.0 เทอร์โบ 286 แรงม้า 600 นิวตันเมตร

แต่ก็อย่างว่าครับ ถ้าถูกใจ ไม่มีคำว่าแพง สำหรับลูกค้าที่มองหา SUV ระดับ 4-5 ล้านบาท อาจจะไม่มีปัญหากับเงินส่วนต่างก้อนนี้มากนัก เพราะเอาเข้าจริง ได้ลองขับ ลองนั่งเจ้า GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic คันนี้ น่าจะถูกอกถูกใจกันแน่ๆ ยิ่งเป็นสีเข้มๆ สีเทา สีดำ บวกกับดีไซน์รถคันจริงที่ดูบึกบึน ดูน่าเกรงขาม น่าจะทำให้ตัดสินใจกันได้ไม่ยากเลยล่ะครับ แต่หากมองหาความคุ้มค่าคุ้มราคากับค่าตัวที่จ่ายออกไป BMW X5 xDrive30d M Sport ก็ดูเป็นทางเลือกที่ดี ของเล่นครบ กับ ราคาที่ถูกที่สุดในกลุ่ม ส่วนถ้าใครชอบช่วงล่างที่แน่น เฟิร์ม พร้อมพาคุณสาดโค้งด้วยความเร็ว แล้วรู้สึกสบายๆ ไม่สะทกสะท้านอะไร แต่ต้องแลกกับข้าวของ ของเล่นที่หายไป อาจต้องไปลองขับ Audi Q7 45 TDI quattro S-Line

ใครชอบแบบไหน สไตล์ไหน ไปลองสัมผัส ลองขับ ลองนั่งกับรถคันจริงกันดูครับ เพราะ SUV ดีเซลล้วนกลุ่มนี้ ผมว่าสไตล์แต่ละรุ่นนั้น ต่างกันชัดเจนมากๆ ใครชอบแนวไหน ตัดสินใจไม่ยากเลยล่ะครับ


แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >> community.headlightmag.com/79758.0