Mercedes-Benz GLC 300e AMG Dynamic
ราคาอย่างเป็นทางการ (ประกอบในประเทศ)
- GLC 300e AMG Dynamic 3,749,000 บาท
Dimension มิติตัวถัง
- ยาว : 4,655 มิลลิเมตร
- กว้าง : 1,890 มิลลิเมตร
- สูง : 1,644 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ wheelbase : 2,873 มิลลิเมตร
- ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย ขนาด 395 – 1,445 ลิตร
Engine เครื่องยนต์
เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 1,991 ซีซี. เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,300 – 4,000 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 122 แรงม้า 440 นิวตันเมตร
เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งระบบ ให้กำลังสูงสุด 320 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC แบตเตอรี่ความจุ 13.5 kWh
GLC 300e AMG Dynamic 3,749,000 บาท
Exterior ภายนอก
- เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 เทอร์โบ + มอเตอร์ไฟฟ้า 320 แรงม้า 700 นิวตันเมตร
- แบตเตอรี่ความจุ 13.5 kWh
- เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic
- ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC
- ล้ออัลลอย AMG 5 ก้านคู่ ขนาด 20 นิ้ว สี Tremolite Grey
- ยาง
- คู่หน้า ขนาด 255/45 R20
- คู่หลัง ขนาด 255/45 R20
- อุปกรณ์ปะยางฉุกเฉิน TIREFIT
- ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor
- ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED
- ระบบปรับไฟสูง แบบอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist
- ระบบปรับโคมไฟหน้าตามการเลี้ยวของพวงมาลัย Active Light System
- ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง Cornering Light
- ระบบไฟสูง ULTRA RANGE Highbeam ระยะส่องสว่าง 650 เมตร
- ไฟ Daytime Running Light แบบ LED
- ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ไฟท้าย ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
- กระจกมองข้าง ปรับและพับ ด้วยไฟฟ้า
- กระจกมองข้างฝั่งคนขับ ปรับลดแสงอัตโนมัติ
- กระจกมองหลัง ปรับลดแสงอัตโนมัติ
- กุญแจรีโมทคอนโทรล
- ช่วงล่างธรรมดาแบบ Higher Ground เพิ่มความสูงจากรุ่นปกติ 20 มิลลิเมตร
- กันชนหน้า – หลัง AMG Bodystyling
- กระจังหน้าแบบ Diamond Radiator Grille สีเงิน พร้อมตรา Mercedes-Benz
- ท่อไอเสียโครเมียม 2 ท่อ
- บันไดข้างแบบสแตนเลสดีไซน์สปอร์ต
- อุปกรณ์ปะยางฉุกเฉิน TIREFIT
- หลังคากระจก Paronamic Sunroof เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า
- ฝาท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า
- ฝาท้าย เปิด-ปิด โดยไม่ต้องใช้มือ Hands-Free Tailgate
Interior ภายในห้องโดยสาร
- ฟังก์ชั่น ECO Start / Stop
- โหมดการขับขี่ DYNAMIC Select ปรับได้ 4 รูปแบบ
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ THERMATIC แยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone
- พวงมาลัยแบบ Sport Steering ตกแต่งด้วยหนัง Nappa
- พวงมาลัย ปรับระดับด้วยไฟฟ้า
- พวงมาลัย Multifunction พร้อมปุ่มควบคุม Touch Control
- แป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Galvanized
- มาตรวัดแบบ Full Digital ขนาด 12.3 นิ้ว ปรับเปลี่ยนได้ 3 รูปแบบ
- ชุดคันเร่ง และ แป้นเบรกแบบสปอร์ต พร้อมปุ่มกันลื่น
- แดชบอร์ดหน้า และ ด้านบนแผงประตูหุ้มด้วยหนัง
- ม่านบังแดดหลัง ประตูซ้าย-ขวา
- แผ่นปิดพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย
- ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light ปรับได้ 64 สี
- ระบบกุญแจ KEYLESS GO
- ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
- กาบบันไดเรืองแสง พร้อมตรา Mercedes-Benz
Entertainment ระบบความบันเทิง
- หน้าจอกลางระบบสัมผัส Touch Screen ขนาด 10.25 นิ้ว
- ระบบ Multimedia MBUX พร้อมระบบรายงานสภาพจราจร
- รองรับระบบ Apple CarPlay / Android Auto
- ระบบแผนที่นำทาง Navigation System พร้อมระบบรายงานสภาพจราจร
- ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
- ระบบควบคุม และ สั่งงานแบบสัมผัส Touchpad
- ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester
- ระบบเชื่อมต่อรถยนต์ Mercedes me connect
- ระบบโทรช่วยเหลือฉุกเฉิน Emergency Call System
- ระบบวิเคราะห์สภาพรถยนต์ Telediagnostics / ตั้งค่ารถยนต์
- ฟังก์ชั่นดูการชาร์จไฟฟ้าผ่านโทรศัพท์มือถือ
Seating เบาะนั่ง
- เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง ARTICO
- เบาะนั่งคู่หน้าทรงสปอร์ต หุ้มด้วยหนัง ARTICO
- เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า
- เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยไฟฟ้า
- เบาะนั่งคนขับ พร้อมระบบบันทึกความจำตำแหน่ง Memory Seat
- เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า พร้อมระบบบันทึกความจำตำแหน่ง Memory Seat
- เบาะนั่งด้านหลัง แยกพับอิสระ 60 : 40
- เบาะนั่งด้านหลัง ปรับเอนได้
Safety ระบบความปลอดภัย
- ดิสก์เบรกหน้า แบบมีช่องระบายความร้อน
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
- โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP
- ระบบช่วยเบรก Active Brake Assist
- ระบบเบรก Adaptive Brake พร้อมฟังก์ชั่น HOLD
- ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน Adaptive Brake Light
- ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า Active Distance DISTRONIC
- ระบบจำกัดความเร็ว Speedtronic
- ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ ASSYST
- ระบบเตือนแรงดันลมยาง Tyre Pressure lose warning
- ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Attention Assist
- เซนเซอร์กะระยะช่วยจอด Parktronic
- ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 4 ตำแหน่ง
- ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างป้องกันศีรษะ 4 ตำแหน่ง
- กล้องมองภาพขณะถอยจอด
สีตัวถังภายนอก มีให้เลือก 4 สี
- สีขาว Polar White
- สีดำ Obsidian Black
- สีเงิน Iridium Silver
- สีเทา Graphite Grey
ภายในห้องโดยสาร
- ARTICO Black สีดำ
- เบาะนั่งแบบสปอร์ต ในรุ่น AMG Dynamic
แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >>
GLC 300e Plug-in Hybrid เทียบกับ GLC 220d ต่างกันดังนี้
- เปลี่ยน เครื่องยนต์ดีเซล เป็น เบนซิน + มอเตอร์ไฟฟ้า 320 แรงม้า 700 นิวตันเมตร
- เพิ่ม แบตเตอรี่ ความจุ 13.5 kWh
- เพิ่ม ฟังก์ชั่นดูการชาร์จไฟฟ้าผ่านโทรศัพท์มือถือ
- ตัด ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE® system
- ตัด ระบบช่วยเตือนขณะเปลี่ยนช่องจราจร Blind Spot Assist
- ตัด กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา เหลือ กล้องมองภาพขณะถอยจอด
- เปลี่ยน ช่วงล่างแบบสปอร์ต เป็น แบบธรรมดา Higher Ground เพิ่มความสูงจากรุ่นปกติ 20 มิลลิเมตร
- เปลี่ยน ล้อขนาด 19 นิ้ว เป็น 20 นิ้ว 5 ก้านคู่ ยางขนาด 255/45 R20
- เพิ่ม ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC
- ราคาปรับเพิ่ม 50,000 บาท
ผลทดสอบ อัตราเร่ง Mercedes-Benz GLC 300e AMG Dynamic
Acceleration
Sport Mode
- อัตราเร่ง 0 – 100 km/h : 5.65 วินาที
- อัตราเร่ง 80 – 120 km/h : 4.04 วินาที
Top Speed
- ความเร็วสูงสุด Top Speed : 233 km/h @ 4,700 rpm (7th gear)
Mercedes-Benz GLC 300e AMG Dynamic 3,749,000 บาท
Short Review
เมื่อช่วงปลายปี 2019 ที่ผ่านมา เราได้เอา GLC 220d เครื่องยนต์ใหม่มาทดสอบกันแล้ว (http://www.headlightmag.com/photo-short-review-mercedes-benz-glc-220d-facelift/) ใช้เครื่องยนต์ใหม่ OM654 ดีเซล 2.0 เทอร์โบ ที่ใช้อยู่ใน E-Class W213 สามารถไปอ่านได้ที่ link ข้างบนนี้ จากนั้นเปิดปี 2020 Mercedes-Benz ประเทศไทย ก็เปิดตัวทางเลือกเครื่องยนต์รหัสใหม่ EQ Power กับ GLC 300e 4MATIC AMG Dynamic เคาะราคาเร้าใจที่ 3,749,000 บาท หรือ แพงกว่า GLC 220d AMG Dynamic เพียงแค่ 50,000 บาท แต่ได้อุปกรณ์เพิ่มมาหลายรายการ กลับกันก็ตัดออกหลายรายการเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบเตือนมุมอับสายตากระจกมองข้าง Blind Spot, PRE-SAFE และ กล้อง 360 องศา เหลือกล้องมองหลัง
แต่ก็ได้ของกลับมาหลายอย่าง เช่น ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC และ ล้อจาก 19 นิ้ว ลายดาว อัพขนาดเป็น 20 นิ้ว AMG ที่บอกสวยว่าลงตัวเข้ากับรถมากกก ที่สำคัญคือ Powertrain ที่เปลี่ยนจากดีเซลเทอร์โบ เป็น เบนซิน Plug-in Hybrid พละกำลังรวม 320 แรงม้า 720 นิวตันเมตร เห็นตัวเลขแล้วบอกเลยว่าไม่ธรรมดา ขับจริงก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน แรงสมใจอยาก ขยับจาก 190 แรงม้า เป็น 320 แรงม้า เพิ่ม 130 แรงม้า แรงบิดยิ่งได้ใจ จาก 400 นิวตันเมตร เป็น 700 นิวตันเมตร หรือ มากกว่ารุ่นดีเซล ถึงเกือบ 2 เท่าตัว
แม้จะเป็นครั้งแรกที่ GLC มีรุ่น Plug-in Hybrid แต่ถ้าพูดถึงระบบนี้ที่อยู่ใน GLC นับเป็น 2nd Generation แล้ว ขอลองเทียบกับ 1st Generation PHEV ของ Mercedes-Benz เอง ซึ่ง 350e เดิม ที่มีพละกำลังรวม 279 แรงม้า รวมทั้งระบบ 300e ก็เพิ่มเป็น 320 แรงม้า แรงบิดเพิ่มจาก 600 เป็น 700 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ก็เพิ่มจากเดิม 6.8 kWh เป็น 13.5 kWh หรือ 2 เท่าตัว
เทียบกับคู่แข่งตรงรุ่นที่เป็น SUV Plug-in Hybrid ด้วยกัน ก็เห็นทีต้องเทียบกับ Volvo XC60 T8 407 แรงม้า 640 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ 11.6 kWh จะเล็กกว่า GLC 300e เล็กน้อย ตัวเลขอัตราเร่งเมื่อเทียบกัน แม้ XC60 จะมีแรงม้ารวมมากกว่า แต่จับเวลาจริง GLC 300e ไปได้ไวกว่า ทั้งออกตัว และ เร่งแซง
- GLC 300e 4MATIC : 0-100 km/h : 5.65 sec | 80-120 km/h : 4.04 sec
- XC60 T8 AWD : 0-100 km/h : 6.03 sec | 80-120 km/h : 4.55 sec
แต่ถ้ายังไม่เห็นภาพเท่าไรนัก เพราะยังไม่เคยขับทั้ง 2 รุ่น ถ้าเทียบกับเครื่องยนต์สันดาปปกติ มันจะไปเร็วเท่าไหร่ ผมลองเอาตัวเลขของ Mercedes-Benz C 43 Coupe’ (390 แรงม้า) มาเทียบให้เห็นกัน C 43 Coupe’ : 0-100 km/h : 5.55 sec | 80-120 km/h : 3.91 sec การเร่งออกตัว และ เร่งแซง ช่วงสั้นๆ ถือว่าทำได้ใกล้เคียงกันมาก แต่ต้องทำใจในช่วงความเร็วปลายว่าจะโดนฉีกออกไปเรื่อยๆ ด้วยข้อจำกัดของระบบ Hybrid เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์สันดาปพ่วงเทอร์โบเพียวๆ ไม่มีมอเตอร์ไฟฟ้ามาเกี่ยวข้อง
เห็นได้จากตัวเลข 0-200 km/h จะเขยิบต่างกันชัดเจนมากขึ้น GLC 300e 0-200 km/h : 22.2 sec | C 43 Coupe’ 0-200 km/h : 16.5 sec
เนื่องจากแบตเตอรี่เพิ่มขนาดจากเดิม 6.38 kWh ในรหัส 350e เป็น 13.5 kWh ในรุ่นปัจจุบัน 300e การชาร์จไฟถ้าใช้ที่ชาร์จที่แถมมากับรถ เสียบกับเต้าเสียบบ้านธรรมดากำลังไฟ 2.3 kW ก็จะใช้เวลา 5 ชั่วโมง 50 นาที จึงจะเต็มจาก 0-100%
- ชาร์จไฟแบบเสียบปลั๊กปกติทั่วไป สามารถชาร์จได้เต็มจาก 0% ภายใน 5 ชั่วโมง 50 นาที
- Charging Station (กำลังชาร์จ 7.4 kWh) ชาร์จได้เต็มจาก 0% ภายใน 1 ชั่วโมง 50 นาที
ข้อได้เปรียบของ Mercedes-Benz GLC 300e คือรองรับกำลังชาร์จสูงสุดที่ 7.4 kW ทำให้การชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่เมื่อเสียบปลั๊ก ทำได้เร็วกว่า BMW ที่รองรับการชาร์จสูงสุดเพียง 3.7 kW เท่านั้น และ เมื่อเทียบกับ Volvo ก็รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 3.7 kW เท่ากับ BMW ทำให้ตอนนี้ถ้าหากเป็น Plug-in Hybrid ที่มีอยู่ในตลาด Mercedes-Benz จะชาร์จไฟได้เร็วที่สุด หากชาร์จที่กำลังสูงสุด
สำหรับค่าไฟในการชาร์จ 1 ครั้ง จาก 0-100 % อยู่ประมาณ 35 บาท แลกกับการวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ประมาณ 40 km. ค่าใช้จ่ายก็ตกอยู่ประมาณ 0.87 บาท ต่อ 1 กิโลเมตร
โหมดการขับขี่มีให้เลือก 6 รูปแบบ ECO / Comfort / Sport / Individual / Battery Level / Electric ซึ่ง Electric จะเป็นการเลือกเพื่อให้วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน ได้ราวๆ 40 กิโลเมตร ที่ความเร็ว 80-100 km/h ในโหมดไฟฟ้าล้วน จะวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดถึง 140 km/h
ข้อเสียของ Mercedes-Benz GLC 300e ที่น่าแปลกใจคือ ไม่มีปุ่มกดสำหรับเลือกโหมด EV เหมือนกับที่อยู่ใน C 300e ซึ่งในการปรับรูปแบบการขับขี่ Comfort สามารถกดเลือกได้ว่า จะวิ่งด้วยโหมด Hybrid หรือ E-MODE / E-SAVE / CHARGE ซึ่ง GLC 300e ไม่มีมาให้เลือกกด ทำให้การชาร์จแบตเตอรี่กลับเข้าจะทำได้ยากลำบากกว่า เน้นการชาร์จเสียบปลั๊กเป็นหลัก
ช่วงล่างใน GLC 300e เปลี่ยนจากเดิมเป็นแบบ Higher Ground ความสูงเพิ่มขึ้นจากเดิม 20 มิลลิเมตร ขับจริงก็ไม่แตกต่างจาก GLC 220d เป็นรถที่บาลานซ์จุดกึ่งกลางในคุณสมบัติแต่ละด้านได้ดี ถ้า X3 xLine อ่อนย้วยไป และ X3 M Sport กระด้างสะเทือนเกินกว่าจะใช้รับผู้เฒ่าผู้แก่ GLC คือรถที่มาเสียบอยู่ระหว่างกลางบุคลิกของรถทั้งสองอย่างเหมาะเจาะ เทียบกับ XC60 T8 ในโหมดบู้ GLC 300e จะมั่นใจกว่า แต่ถ้าหากเป็นการขับขี่แบบเจอหลุมบ่อ หรือ ลูกระนาน XC60 จะนุ่มนวลกว่ากันเล็กน้อย ทั้งนี้คงเป็นเพราะ ล้อ 20″ และ ยางที่แก้มบางกว่า พวงมาลัยน้ำหนักดี และ แม่นยำ ทั้งความเร็วต่ำ – ความเร็วสูง
เหลือก็แต่ ” ความทนทาน และ ไม่จุกจิก ” ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะ รหัสเดิม 350e สร้างบาดแผลให้กับ Mercedes-Benz Thailand เป็นอย่างมากเรื่องความจุกจิก รวนง่าย และ เป็นที่กล่าวขานกัน ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า รหัส 300e จะแก้ปัญหา และ ภาพลักษณ์ตรงนี้ไปได้หรือไม่ ด้านสมรรถนะหายห่วง เหลือก็แต่เรื่องนี้เรื่องเดียวแหละครับ ที่จะพิสูจน์ความน่าใช้ของเจ้าคันนี้ได้ แต่เท่าที่ตามดู พอเปลี่ยนมาเป็นรหัส 300e Plug-in Hybrid ก็ดูเหมือนปัญหาจะยังไม่มีให้เห็นเท่าไหร่นัก
แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >>