Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic
ราคาอย่างเป็นทางการ (รุ่นประกอบในประเทศ)
- GLA 200 AMG Dynamic 2,399,000 บาท
Dimension มิติตัวรถ
GLA-Class
- ยาว 4,436 มิลลิเมตร
- กว้าง 1,849 มิลลิเมตร
- สูง 1,605 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,729 มิลลิเมตร
- ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย 435-1,430 ลิตร
- ความจุถังน้ำมัน 43 ลิตร
Engine เครื่องยนต์
GLA 200
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง รหัส M282 ขนาด 1.3 ลิตร 1,332 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 72.2 x 81.4 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.6 : 1 กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,620 – 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ Dual Clutch 7G-DCT 7 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า
Exterior ภายนอก
- ไฟหน้า LED High Performance
- ไฟ Daytime Running Light แบบ LED
- ไฟท้าย LED
- ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor
- กระจกมองข้าง พร้อมไฟเลี้ยว LED ในตัว
- กระจกมองข้าง ปรับและพับ ด้วยไฟฟ้า
- กระจกมองข้าง แบบปรับลดแสงอัตโนมัติ
- กระจกมองหลัง แบบปรับลดแสงอัตโนมัติ
- กุญแจรีโมทคอนโทรล
- ระบบกุญแจ KEYLESS-GO
- เสียงเครื่องยนต์แบบสปอร์ต
- กันชนหน้า – หลัง แบบ AMG Bodystyling
- กระจังหน้า Diamond Grille สีเงิน พร้อมสัญลักษณ์ Mercedes-Benz
- อุปกรณ์กันกระแทกโครงหลังคาแบบ Aluminium
- ปลายท่อไอเสียคู่ แบบโครเมียม
- ล้ออัลลอย AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว สี Tremolite Grey
- ยาง Runflat ขนาด 235/50 R19
- สัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนคาลิปเปอร์เบรกหน้า
- ช่วงล่างแบบ Lowered Comfort Suspension
Interior ภายในห้องโดยสาร
- ฟังก์ชั่น ECO Start / Stop
- ระบบโหมดการขับขี่ DYNAMIC SELECT
- ECO
- Normal
- Sport
- Sport+
- Individual
- ภายในตกแต่งแบบ AMG Interior Package
- เบาะนั่งคู่หน้า แบบ Sport Seats
- เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง ARTICO สลับ DYNAMICA microfibre สีดำ ตกแต่งด้วยตะเข็บด้ายสีแดง
- เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง Memory Seat
- เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยไฟฟ้า
- ระบบดันหลังสำหรับเบาะนั่งคู่หน้า ปรับได้ 4 ทิศทาง Lumbar Support
- เบาะนั่งด้านหลัง แยกพับอิสระ 40 : 20 : 40
- ที่วางแก้วน้ำบริเวณคอนโซลกลาง
- พวงมาลัย Multi-function แบบ Sport Steering Wheel
- พวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง Nappa
- แป้นคันเร่ง และ เบรก แบบสปอร์ต พร้อมปุ่มยางกันลื่น
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
- ช่องแอร์แบบ Turbine Airvents พร้อมไฟเรืองแสง
- ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light ปรับได้ 64 สี
- ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
- มาตรวัดแบบ Full Digital ขนาด 10.25 นิ้ว
- กล่องเก็บสัมภาระใต้เบาะนั่งคู่หน้า
- พรมปูพื้น พร้อมสัญลักษณ์ AMG
Entertainment ระบบความบันเทิง
- หน้าจอกลางระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 10.25 นิ้ว
- ระบบปฎิบัติการ Multimedia MBUX
- ระบบสั่งงานด้วยเสียง ‘ Hey Mercedes ‘
- รองรับระบบ Apple CarPlay / Android Auto
- ระบบแผนที่นำทางแบบ 3 มิติ Hard-disk Navigation
- ปุ่มควบคุมหน้าจอกลาง Touchpad
- ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
- ระบบเชื่อมต่อ Smartphone Integration
- รองรับ Apple CarPlay / Android Auto
- ระบบเชื่อมต่อรถยนต์ Mercedes me connect
- ระบบโทรช่วยเหลือฉุกเฉิน Emergency Call System
- ระบบวิเคราะห์สภาพรถยนต์ Telediagnostics / ตั้งค่ารถยนต์
- ฟังก์ชั่นสตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อเปิดระบบปรับอากาศด้วยมือถือ Remote Engine Start
Safety ระบบความปลอดภัย
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
- โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP
- ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติแบบแอคทีฟ Active Brake Assist
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
- ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ ABA
- ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน Adaptive Brake Light
- ระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
- ระบบจำกัดความเร็ว Speedtronic
- ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ ASSYST
- ระบบเตือนแรงดันลมยาง Tyre Pressure lose warning
- ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Attention Assist
- เซนเซอร์กะระยะช่วยจอด PARKTRONIC
- ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง
- ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างป้องกันศีรษะ 4 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยหัวเข่า 1 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่
- กล้องมองภาพขณะถอยจอด
- ชุดปะยางฉุกเฉิน TIREFIT
สีตัวถังภายนอก มีให้เลือก 4 สี
- สีขาว Polar White
- สีดำ Cosmos Black
- สีเงิน Iridium Silver
- สีเทา Mountain Grey
Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic : 2,399,000 บาท
อัตราเร่ง Acceleration
Comfort Mode
- อัตราเร่ง 0 – 100 km/h : 9.66 วินาที
- อัตราเร่ง 80 – 120 km/h : 7.25 วินาที
Sport Mode
- อัตราเร่ง 0 – 100 km/h : 9.30 วินาที
- อัตราเร่ง 80 – 120 km/h : 6.60 วินาที
Top Speed
- ความเร็วสูงสุด 213 km/h @ 4,500 rpm (6th gear)
ความเร็ว @ รอบเครื่องยนต์
- 80 km/h @ 1,400 rpm (7th gear)
- 90 km/h @ 1,500 rpm (7th gear)
- 100 km/h @ 1,700 rpm (7th gear)
- 110 km/h @ 1,900 rpm (7th gear)
- 120 km/h @ 2,000 rpm (7th gear)
Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic : 2,399,000 บาท
Short Review
Mercedes-Benz GLA รุ่นปัจจุบันนี้นับเป็น 2nd Generation เปิดตัวในตลาดโลกเมื่อเดือน ธันวาคม 2019 แต่ด้วยปัญหา COVID-19 ทำให้แผนการมาของ GLA รุ่นนี้ถูกเลื่อนให้ช้าลง เนื่องจากวิศวกรจากเยอรมนี ไม่สามารถเข้ามาประเทศไทยเพื่อดูสายการผลิตได้ แต่เดิมที Mercedes-Benz ประเทศไทย วางแผนเอาไว้ว่าเปิดตัว All NEW GLA จะมาพร้อมกับรุ่นประกอบไทยเลยทันที ไม่ต้องเสียเวลารอ ทำให้ต้องเลื่อนมาเรื่อยๆ จนเปิดตัวในช่วงก่อนงาน Motor Expo ต้นเดือน ธันวาคม 2020 ที่ผ่านมา
GLA อยู่ในกลุ่ม Compact Car ของ Mercedes-Benz ขับเคลื่อนล้อหน้า เปิดตัวในไทยด้วยรุ่นประกอบในประเทศ GLA 200 AMG Dynamic ราคา 2,399,000 บาท มีเพียงรุ่นย่อยเดียว เครื่องยนต์เบนซิน 1.3 เทอร์โบ 163 แรงม้า ดูเหมือนว่า Option หากเทียบกับ GLA 250 AMG รุ่นเดิม จะหายไปอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็น หลังคากระจก Panoramic Sunroof, ฝาท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า
งานออกแบบภายนอกใช้ Theme Design แบบใหม่ของ Mercedes-Benz แต่ปรับให้เข้ากับตัวถังแบบ SUV ด้านหน้ามาในแนวทางเดียวกับ A-Class Sedan แต่ถึงแม้จะมีความคล้ายกัน แต่เมื่อมาพิจารณาดูแล้ว ไม่มีชิ้นส่วนไหนใช้ร่วมกันได้เลย ไม่ได้ประหยัดงบออกแบบ แล้วใช้ชิ้นส่วนร่วมกันอย่างที่หลายคนเข้าใจ ล้ออัลลอยแบบลายดาวแบบ 5 ก้าน ขนาด 19 นิ้ว ที่เราคุ้นเคยใน Mercedes-Benz ใหม่ๆ หลายรุ่น ตั้งแต่ A-Class / C-Class จนไปถึง CLS-Class กันเลยทีเดียว แต่ขนาดแตกต่างกันไป
ภายในห้องโดยสารก็ดีไซน์ให้แตกต่างจาก A-Class / GLB จะมีก็แต่พวงมาลัย และ หน้าจอ Widescreen Cockpit ขนาด 10.25 นิ้ว และ สั่งงานด้วยเสียง MBUX แผงประตูก็ดีไซน์ให้ต่างกัน เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม GLA รุ่นใหม่นี้ กว้างขึ้น โปร่งขึ้นกว่าเดิมแบบชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ Headroom เหนือศีรษะ เหลือเยอะขึ้นแบบรู้สึกได้ทันทีที่เข้าไปนั่ง เข้าไปใกล้ความเป็น SUV มากกว่ารุ่นที่แล้ว นอกจากนี้ไฟ Ambient Light 64 สี ทำให้ห้องโดยสารดูน่าตื่นตาตื่นใจกว่าคู่แข่งทุกรุ่นในตลาด
เบาะนั่งคู่หน้า สบายกว่ารุ่นเก่าแบบคนละเรื่อง ! ตัวเบาะมีลักษณะที่โอบสบาย พนักพิงศีรษะตั้งองศากำลังดี ปรับสูงต่ำได้ ขับนานๆไม่เมื่อย มาพร้อมกับระบบปรับไฟฟ้า และ ระบบบันทึกความจำตำแหน่ง Memory Seat 2 ตำแหน่ง ทั้งคนขับ และ ผู้โดยสารตอนหน้า ไม่ใช่ปรับมือแบบใน A 200 อันนี้ต้องขอชมว่าให้มาครบที่สุดในบรรดารถระดับเดียวกัน ส่วนเบาะนั่งด้านหลังแยกพับอิสระ 40 : 20 : 40 พื้นที่เก็บของกว้างขึ้น ขาดก็แค่ระบบเปิด-ปิดฝาท้ายไฟฟ้าที่ยังไม่ใส่มาให้แม้จะราคา 2.39 ล้านก็ตาม ยังขาดความสะดวกสบายไปเสียหน่อย พื้นของห้องเก็บสัมภาระสามารถปรับได้ 2 ระดับ ให้ขึ้นมาเท่ากับชุดเบาะด้านหลังได้ เมื่อพับลงทั้งหมด ทำให้พื้นเรียบเสมอกัน
GLA รหัส 200 เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง M282 ที่มีความจุแค่ 1.3 ลิตร พ่วงเทอร์โบ พละกำลัง 163 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 7 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า แม้ตัวเลขความจุจะมีแค่ 1,300 ซีซี. แต่ผลงานทำออกมาได้ดีเกินตัว เหมือนกับที่เคยบอกไว้ใน A 200 Sedan
สามารถไล่ฟัดกับรถญี่ปุ่น C-Segment ยอดนิยมติดเทอร์โบ ที่เป็น iconic ด้านความแรงได้อย่างไม่เคอะเขิน ถ้าเทียบกับ A 200 แล้ว เมื่อเครื่องยนต์ตัวนี้อยู่ใน GLA 200 พบว่าน่าจะมีการเซ็ตการทำงานของเกียร์ และ การตอบสนองเครื่องยนต์ที่ต่างกันเล็กน้อย โดยที่ GLA ช่วงออกตัวจะตอบสนองช้ากว่ากันนิดหน่อย ไม่จี๊ดจ๊าดเท่า A 200 แต่โดยรวมก็ถือว่าก็ยังทำงานดี ดีกว่าตัวเลขความจุ 1.3 ลิตร ที่เห็น เหมือนคาแร็คเตอร์มีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่า แม้จะอยู่ใน Sport Mode ก็ตาม
GLA 200 AMG Dynamic
- 0-100 km/h : 9.30 sec
- 80-120 km/h : 6.60 sec
A 200 AMG Dynamic
- 0-100 km/h : 8.84 sec
- 80-120 km/h : 6.60 sec
หากเทียบกับคู่แข่งอย่าง Q3 35 TFSI ขับเคลื่อนล้อหน้า พบว่า GLA 200 ออกตัวเร็วกว่า Q3 อยู่ราวๆ 1 วินาที แต่อัตราเร่งแซงใกล้เคียงกัน ทั้งนี้เป็นเพราะ Q3 การตอบสนองของเกียร์ช่วงออกตัวจะมีจังหวะหน่วงราวๆ 1 วินาที และ หากเทียบกับ X1 18d ทาง GLA ก็ยังไวกว่า แต่ถ้าหากเป็น X1 20d เมื่อไหร่ล่ะก็ GLA 200 น่าจะตามอยู่นิดๆ
ช่วงล่างของ GLA 200 ออกไปทางนุ่มนิดๆ เทียบกับ A 200 แล้ว เหมือนเป็นรถคนละคัน คาแร็คเตอร์ผู้ใหญ่ขึ้นทั้งเครื่องยนต์ เกียร์ และ ช่วงล่าง แม้จะเป็นล้อ 19 นิ้ว แต่ได้ยางซีรีส์ 50 รวมถึงเซ็ตช่วงล่างออกมาแนวนุ่ม ทำให้การโดยสารค่อนข้างจะไปในทางนุ่มนวล ต่างจาก A 200 ชัดเจน ที่ออกมาแนวดิบเถื่อนกว่าอย่างเห็นได้ชัด
แม้ว่าช่วงล่างจะออกมาแนวนุ่ม แต่กลับกัน เวลาเข้าโค้งนั้นกลับให้ความมั่นใจกว่า A 200 เพราะ ช่วงล่างด้านหลังของ A 200 ออกแนวพยศง่าย ท้ายออกง่าย แต่ GLA 200 มีการให้ตัวที่ดีกว่า ทำให้เข้าโค้งไม่ออกอาการพยศ ผมว่ามันเป็นช่วงล่างที่กลมกล่อม ใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสบายๆ ไม่สะเทือน ไม่ดิ้น จนน่ารำคาญแต่อย่างใด
เทียบกับคู่แข่งอย่าง Q3 และ X1 ผมว่าทั้ง 3 คัน คาแร็คเตอร์ใกล้เคียงกันมาก แต่ Q3 และ X1 จะเก็บอาการสะเทือนได้ไม่ดีเท่า GLA แต่กลับกันเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ก็แอบมั่นใจกว่า GLA 200 เล็กน้อย
Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic ได้ความสดใหม่ที่สุดในกลุ่ม ราคาอยู่กลางๆ ระหว่าง Q3 35 TFSI และ X1 18i ถ้าเทียบรุ่นเครื่องยนต์เบนซินด้วยกัน GLA 200 ดูจะโดดเด่นออกมาที่สุดในกลุ่ม แต่หากเทียบกับ X1 20d ทางฝั่ง BMW ออกจะได้เปรียบกว่า เนื่องจากได้เครื่องยนต์ที่แรงกว่า ประหยัดกว่า ทั้งนี้ Option ในกลุ่มนี้ ดูจะใกล้เคียงกันหมด อยู่ที่ว่าจะชอบสไตล์ไหน แบบไหนมากกว่ากัน เพราะทั้ง 3 รุ่นในตลาดตอนนี้ ใกล้เคียงกันหมด
มีอีก 2 รุ่นที่เป็นเครื่องยนต์ลูกผสม Plug-in Hybrid นั่นก็คือ Volvo XC40 Recharge T5 ก็มองข้ามไปไม่ได้ เพราะทั้ง Option และ ระบบความปลอดภัยให้มามากที่สุดในกลุ่ม แต่อาจจะต้องแลกกับความกังวลของใครหลายคนในเรื่องของความทนทาน และ การซ่อมบำรุง มากกว่าเครื่องยนต์สันดาปปกติทั่วไป แต่คุณจะได้ Option และ ระบบความปลอดภัยที่มากที่สุด ในราคาที่เท่ากัน
นอกจากนี้ฝั่ง Lexus ก็มี UX250h ที่เป็นเครื่องยนต์ Hybrid ทางนั้นออกแนวนุ่มนวลเหมือนกันกับ GLA 200 แต่ห้องโดยสารด้านหลังจะแคบกว่ากันหน่อย รวมถึงที่เก็บสัมภาระท้ายรถที่เล็กที่สุดในกลุ่มนี้ แต่ได้ความพรีเมียมของวัสดุในห้องโดยสารที่ดีกว่าใครเพื่อน ผมว่า UX 250h ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
จะว่าไปรถในกลุ่มนี้ ก็เลือกยากเหมือนกันนะครับ ทางที่ดีที่สุด ผมว่าควรไปลองนั่ง ลองขับด้วยตัวเองจะดีที่สุด ชอบคันไหน จิ้มเลือกคันนั้นได้เลย เพราะ แต่ละรุ่นมีคาแร็คเตอร์บางอย่าง ที่บางคนจะชอบ หรือไม่ชอบก็ได้
Ambient Light
แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >> community.headlightmag.com/78852.0