All NEW Isuzu MU-X

ราคาอย่างเป็นทางการ

ดีเซล 1.9 เทอร์โบ

  • 1.9 ACTIVE AT 2WD  1,109,000 บาท
  • 1.9 LUXURY MT 2WD  1,254,000 บาท
  • 1.9 LUXURY AT 2WD  1,304,000 บาท
  • 1.9 ELEGANCE AT 2WD  1,349,000 บาท
  • 1.9 ULTIMATE AT 2WD  1,434,000 บาท

ดีเซล 3.0 เทอร์โบ

  • 3.0 ULTIMATE AT 2WD  1,479,000 บาท
  • 3.0 ULTIMATE AT 4WD  1,579,000 บาท

Dimension มิติตัวถัง

All NEW Isuzu MU-X

  • ยาว 4,850 มิลลิเมตร
  • กว้าง 1,870 มิลลิเมตร
  • สูง 1,875 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ 2,855 มิลลิเมตร
  • ระยะห่างระหว่างล้อคู่หน้า / คู่หลัง 1,570 – 1,570 มิลลิเมตร
  • ระยะต่ำสุดถึงพื้น 235 มิลลิเมตร
  • ความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร

MU-X รุ่นเดิม

  • ยาว x กว้าง x สูง : 4,825 x 1,860 x 1,860 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ wheelbase : 2,845 มิลลิเมตร

เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม พบว่า All NEW Isuzu MU-X ยาวขึ้น 25 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 10 มิลลิเมตร สูงขึ้น 15 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อเพิ่มขึ้น 10 มิลลิเมตร

Engine เครื่องยนต์

ดีเซล 3.0 VGS Turbo

เครื่องยนต์ดีเซล รหัส 4JJ3-TCX ขนาด 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี. 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC Commonrail Direct Injection พร้อม Turbocharger VGS แบบครีบแปรผัน และ Intercooler กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ แบบ Sequential Shift พร้อม Manual Mode + – ขับเคลื่อน 2 ล้อ รองรับน้ำมันสูงสุด ดีเซล B20

Platform โครงสร้างตัวถัง

  • โครงสร้างตัวถังใหม่ ISUZU Symmetric Mobility
  • โครงสร้างตัวถังเสริมเหล็ก ULTRA – HIGH TENSILE แกร่งและทนทานกว่าเหล็กธรรมดา
  • ระบบช่วงล่าง
    • ด้านหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น Double Wishbone คอยล์สปริง เหล็กกันโคลง และ ช็อคอัพ
    • ช่วงล่างด้านหลัง แบบ 5-Link Suspension พร้อมเหล็กกันโคลง และ ช็อคอัพ
  • เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 เทอร์โบ ปรับปรุงใหม่ 190 แรงม้า 450 นิวตันเมตร
  • เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ / เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ลูกใหม่
  • เกียร์อัตโนมัติแบบ Sequential Shift พร้อม Manual Mode + –
  • ระบบเบรก
    • ด้านหน้า : ดิสก์เบรก แบบมีครีบระบายความร้อน
    • ด้านหลัง : ดิสก์เบรก แบบมีครีบระบายความร้อน
  • ระบบ ISS Idling Start / Stop

Exterior ภายนอก

  • กระจกบังลมหน้าแบบ IR Cut กรองรังสีอินฟราเรด ป้องกัน UV-A / UV-B
  • ไฟหน้า Projector Lens แบบ Bi-Beam LED
  • ไฟ Daytime Running Lights แบบ LED
  • กระจังหน้าโครเมียม
  • ไฟตัดหมอกคู่หน้า LED – ไฟเลี้ยว
  • ไฟท้าย LED พร้อมไฟหรี่ Winglet Signature LED
  • ระบบไฟหน้า เปิด-ปิดอัตโนมัติ
  • ระบบไฟหน้า Follow-me-home
  • ระบบไฟ Welcoming Light
  • ล้ออัลลอย ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 265/50 R20
  • ราวหลังคาแบบ Built-in
  • บันไดข้าง สีเงิน Tungsten Silver
  • กันชนท้าย สีเดียวกับตัวรถ ตกแต่งด้วย สีเงิน Tungsten Silver
  • ระบบสตาร์ทรถด้วยรีโมท Engine Remote Start
  • ระบบล็อครถอัตโนมัติ เมื่อเดินออกจากตัวรถ Walk Away Auto Lock
  • ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor
  • ระบบฉีดน้ำบนก้านปัดน้ำฝน Blade Type
  • ฝาท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า Power Tailgate
  • ระบบป้องกันการหนีบที่ฝาท้าย Jam Protection

Interior ภายในห้องโดยสาร

  • ภายในห้องโดยสารสีทูโทน น้ำตาล – ดำ
  • วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร สีทองแดง Champaign Gold
  • หัวเกียร์ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงา
  • พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง (ขึ้น-ลง-เข้า-ออก)
  • พวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง
  • แป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone
  • หน้าจอแสดงผลระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล
  • ระบบกรองอากาศ PM 2.5
  • สวิตซ์ควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลัง แบบแยกส่วน
  • ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
  • ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry
  • ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
  • มาตรวัดเรืองแสง Optitron
  • หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID แบบสี TFT 3 มิติ ขนาด 4.2 นิ้ว
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB
  • ระบบ Auto Brake Hold
  • ช่องชาร์จไฟ USB Fastcharge 2.4A สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง 2 ตำแหน่ง
  • ช่องชาร์จไฟบ้าน AC 220V

Seating เบาะนั่ง

  • เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Coolmax สีน้ำตาล Saddle Brown
  • เบาะนั่งคู่หน้า แบบสปอร์ตกึ่ง Bucket Seat
  • เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง
  • เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทาง
  • เบาะนั่งแถวที่ 2 แยกพับอิสระ 60 : 40
  • เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเอนได้
  • เบาะนั่งแถวที่ 2 พับได้แบบจังหวะเดียว One Motion
  • เบาะนั่งแถวที่ 3 แยกพับอิสระ 50 : 50
  • เบาะนั่งแถวที่ 3 ปรับเอนได้
  • เบาะนั่งแถวที่ 3 พับได้ราบเรียบ
  • จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX

Entertainment ระบบความบันเทิง

  • หน้าจอเครื่องเสียง แบบระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 9 นิ้ว
  • ระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice Recognition
  • ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
  • ช่องเชื่อมต่อ AUX
  • ช่องเชื่อมต่อ USB
  • เครื่องเสียงรองรับ Apple CarPlay / Android Auto
  • สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
  • ลำโพง 8 ตำแหน่ง

Safety ระบบความปลอดภัย

  • ระบบป้องกันล้อล็อค ABS
  • ระบบกระจายแรงเบรก EBD
  • ระบบเสริมแรงเบรก BA
  • ระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก BOS
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESC
  • ระบบป้องกันการลื่นไถล TCS
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
  • ระบบช่วยลงจากทางลาดชัน HDC
  • ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินเมื่อเบรกกระทันหัน ESS
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Monitoring
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert
  • ระบบไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beam
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Full Speed Range Adaptive Cruise Control
    • พร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go ความเร็วตั้งแต่ 0 km/h
  • ระบบตรวจจับวัตถุด้านหน้า ด้วยกล้องคู่ ADAS 3D Imaging Stereo
  • ระบบเตือนการชน Forward Collision Warning
  • ระบบเบรกอัตโนมัติ Autonomous Emergency Braking
  • ระบบเบรกอัตโนมัติหลังเกิดอุบัติเหตุ Multi-Collision Brake
  • ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด PMM Pedal Misacceleration Mitigation System
  • ระบบจำกัดความเร็วอัจฉริยะ ISL Intelligent Speed Limiter
  • ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร Lane Departure Warning
  • ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย)
  • ระบบปลดล็อกประตูอัตโนมัติ เมื่อถุงลมนิรภัยทำงาน Crash Unlock
  • เข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 จุด 5 ตำแหน่ง 2 จุด 2 ตำแหน่ง
  • เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหน้า 4 ตำแหน่ง
  • เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหลัง 4 ตำแหน่ง
  • กล้องมองภาพขณะถอยจอด

สีตัวถังภายนอก รุ่น Ultimate มีให้เลือก 6 สี

  • สีน้ำตาล Marrakesh Brown
  • สีขาวมุก Dolomite White Pearl
  • สีแดง Etna Red
  • สีดำ Bavarian Black Mica
  • สีเทา Iceberg Silver
  • สีเงิน Bohemian Silver Metallic

Isuzu MU-X 3.0 Ultimate 2WD : 1,479,000 บาท

อัตราเร่ง Acceleration

  • อัตราเร่ง 0 – 100 km/h : 9.57 วินาที
  • อัตราเร่ง 80 – 120 km/h : 7.32 วินาที

Top Speed

  • ความเร็วสูงสุด 182 km/h @ 2,600 rpm (6th Gear)

Isuzu MU-X 3.0 Ultimate 2WD : 1,479,000 บาท

Short Review

All NEW Isuzu MU-X เปิดตัวครั้งแรกในโลก ที่ประเทศไทย เมื่อ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา ดีไซน์ภายนอก ส่วนตัวมองว่าได้รับอิทธิพลมาจาก Mazda พอสมควร ลึกๆแล้วคิดว่า Mazda น่าจะมีส่วนช่วยออกแบบมากพอสมควร เพราะ DNA ของ Mazda กลิ่นชัดมาก โดยเฉพาะในส่วนของไฟหน้า และ กระจังหน้า ถ้าเปลี่ยนเป็นแบบ Honey Comb รังผึ้ง แปะตรา Mazda ก็เชื่อนะครับเนี่ย

ด้านท้าย ก็ได้รับอิทธิพลจาก Mazda มาไม่น้อย ชุดไฟท้าย หากลากเส้นโครเมียมเชื่อมระหว่างซ้าย-ขวา เปลี่ยนรายละเอียดในโคมเป็นกลมๆ มันคือ CX-9 ขยายร่างดีดีนี่เอง ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วเราจะได้เห็น PPV จาก Mazda ด้วยหรือไม่ เพราะกระบะเอง D-max / BT-50 Pro ก็แชร์พื้นฐานเดียวกัน

ภายในห้องโดยสาร สัมผัสแรกที่ผมชอบ และ ประทับใจคือ เบาะหนังสีน้ำตาลส้ม สีมันดูพรีเมียม และ เชื้อเชิญให้ลองนั่ง ผิวสัมผัสของหนังที่ใช้หุ้มเบาะ ก็เนียน และ คุณภาพดีที่สุดในรถกลุ่ม PPV ความนุ่มของฟองน้ำก็กำลังดี สรีระของเบาะนั่งก็โอบกำลังดี นั่งสบายมากครับ แม้จะไม่ดูนวมๆแบบ Pajero Sport แต่ก็นั่งสบายไม่แพ้กัน เบาะนั่งผมให้ MU-X ไม่อันดับ 1 ก็อันดับ 2 ของกลุ่ม PPV ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่สรีระส่วนบุคคลด้วยเช่นกัน

แต่ใช่ว่าภายในห้องโดยสารจะดีงามไปเสียหมด สิ่งที่ขัดใจก็มีอยู่บ้างตรงบริเวณชิ้นส่วนพลาสติกของแผงประตู และ แดชบอร์ด คิดว่าน่าจะใช้เกรดดีกว่านี้อีกนิดนึงก็จะดี แต่โดยรวมบริเวณที่ตัวเราต้องสัมผัสโดนทั้งหมด ถือว่าให้ผิวสัมผัสที่ดี ไม่ได้ติดขัดอะไร

เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเอนได้ และ พับทบได้แบบ One-Touch ทำให้การเข้าออกเบาะแถวที่ 3 สะดวกสบาย เสียดายที่ไม่สามารถเลื่อนหน้า-ถอยหลังได้แบบ Toyota Fortuner แต่กระนั้นพื้นที่วางขาของเบาะแถวที่ 3 ก็มีอย่างพอเพียง ผู้ใหญ่สูง 175 cm. นั่งได้พอดี และ ดูเหมือนว่ารอบนี้ Isuzu MU-X จะมีเบาะนั่งแถวที่ 3 และ พื้นที่โดยรวม นั่งสบาย และ กว้างขวางที่สุดในรถกลุ่ม PPV ต้องลองไปนั่งกันดูครับ ผมให้ความเห็นว่า MU-X ทำได้ดีที่สุดในหัวข้อนี้

มาที่หน้าจอกลางขนาด 9 นิ้ว ความละเอียดของจอถือว่าใช้ได้ รองรับระบบ Apple CarPlay ทั้งแบบเสียบสาย และ แบบไร้สาย Wireless แต่ส่วนของ Android Auto ผมลองอยู่หลายที เหมือนจะยังใช้ไม่ได้ ลำโพงทั้ง 8 ตำแหน่ง ก็ให้คุณภาพเสียงที่ดี จะขัดตาขัดใจก็ตรงช่องแอร์บนเพดาน และ สวิตซ์ปรับระดับแรงลม ที่ดูไม่ค่อยตั้งใจออกแบบเท่าคู่แข่งอย่าง Fortuner

มาที่การขับขี่บังคับควบคุมกันบ้าง ช่วงล่างของ Isuzu MU-X เช็ตมาในแนวนุ่มนวล ซับแรงสะเทือนได้ดี วิ่งบนถนนเรียบ ให้ความสบายมากที่สุดในกลุ่ม PPV นุ่มกว่ารุ่นก่อน และ นุ่มกว่าคู่แข่งอย่าง Pajero Sport แม้จะใส่ล้อ 20 นิ้ว มาก็ตาม ใครสายนุ่ม ถูกใจแน่นอน แต่ทว่าด้วยความนุ่มนี้เอง ก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน เมื่อเวลาโยกเปลี่ยนเลนกระทันหัน ตัวรถค่อนข้างโยนตัว แต่เป็นในลักษณะโยนไปทั้งคัน ไม่ได้โยนย้วยเฉพาะด้านท้ายเหมือนอย่าง Pajero Sport แต่กระนั้นหากใครชอบขับแบบมุดๆ หรือ เปลี่ยนเลนด้วยความเร็วบ่อยๆ Fortuner Legender จะให้ความมั่นใจได้ดีกว่า

ส่วนน้ำหนักพวงมาลัย Isuzu MU-X ค่อนข้างเบาสบาย ไม่หนักเหมือนรุ่นก่อน ผู้หญิงขับสบายหายห่วง มีระยะฟรีให้หมุนเล่นซ้าย-ขวานิดหน่อย แต่ถ้าใครชอบพวงมาลัยคมๆ Fortuner Legender จะตอบโจทย์ได้ดีกว่าเล็กน้อย ในภาพรวมเรื่องการบังคับควบคุมจะเป็นรอง Fortuner อยู่ แต่โดยส่วนตัวผมชอบพวงมาลัยของ MU-X มากกว่า Pajero Sport โดยเฉพาะเรื่องระยะฟรี และ การคืนพวงมาลัย ที่ MU-X ทำได้ดีกว่า

อัตราเร่งของ MU-X 3.0 ขับเคลื่อน 2 ล้อ แม้จะพกพาแรงม้า มาเพียงแค่ 190 ตัว ออกตัว อัตราเร่ง 0-100 km/h ทำได้ 9.57 วินาที และ อัตราเร่งแซง 80-120 km/h ทำได้ 7.32 วินาที ถ้าเทียบกับคู่แข่งในตลาดอย่าง Toyota Fortuner Legender 2.8 4WD 204 แรงม้า ทำได้ 10.87 วินาที / 7.65 วินาที แต่ Fortuner เสียเปรียบตรงที่แบกน้ำหนักชุดขับเคลื่อนเอาไว้อีกหน่อย ถ้าได้รุ่นขับ 2 มาทั้งคู่ อัตราเร่งแซงน่าจะไล่บี้เสมอกัน และ แน่นอนว่า MU-X เร็วกว่าทั้ง Everest 2.0 Turbo / Bi-Turbo และ Pajero Sport 2.4 เช่นกัน

ถ้าหากกดคันเร่งเต็ม วัดกันที่ตัวเลข ทั้งออกตัว 0-100 km/h และ เร่งแซง 80-120 km/h ผลทดสอบที่ได้มาตรฐานไม่เอาความรู้สึก MU-X ชนะ ชนะทุกรุ่นในกลุ่ม PPV

แต่ถ้าขับจริงในเมือง ด้วยความที่ Toyota เซ็ตคันเร่งมาไว และ กระฉับกระเฉงกว่า ถ้ากดครึ่งคันเร่ง หรือ แตะๆหน่อย จะรู้สึกว่า Fortuner Legender แรงกว่า คล่องตัวกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นเพราะ Isuzu เซ็ตคันเร่งมาเอาใจผู้ใหญ่ ติดหน่วงๆนิดนึง ไม่ใช่เหยียบพุ่ง เหยียบพุ่ง เหมือน Toyota วิธีแก้ของ Isuzu MU-X คือ ติดกล่องคันเร่งไฟฟ้า น่าจะขับสนุกกว่านี้

ระบบความปลอดภัย คราวนี้ Isuzu MU-X จัดมาให้เต็มพิกัดอย่างที่คุณไม่อาจพบเจอได้กับรถ Isuzu รุ่นก่อนๆ น่าจะเป็นการใส่ระบบความปลอดภัยมาให้มากที่สุด ในราคาที่ถูกที่สุดในตลาด ครั้งแรกตั้งแต่ Isuzu ทำตลาดมาในประเทศไทยเลยทีเดียว ในราคา 1.4 ล้านบาท คุณได้ระบบความปลอดภัยครบตั้งแต่รุ่น 1.9 Ultimate – 3.0 Ultimate เท่ากัน ต่างกันแค่เครื่องยนต์

  • ระบบตรวจจับวัตถุด้านหน้า ด้วยกล้องคู่ ADAS 3D Imaging Stereo
  • ระบบเตือนการชน Forward Collision Warning
  • ระบบเบรกอัตโนมัติ Autonomous Emergency Braking
  • ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร Lane Departure Warning
  • ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด PMM Pedal Misacceleration Mitigation System
  • ระบบจำกัดความเร็วอัจฉริยะ ISL Intelligent Speed Limiter
  • ระบบไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beam
  • ระบบเบรกอัตโนมัติหลังเกิดอุบัติเหตุ Multi-Collision Brake
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Monitoring
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert
  • เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหน้า 4 ตำแหน่ง
  • เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหลัง 4 ตำแหน่ง
  • ระบบล็อครถอัตโนมัติ เมื่อเดินออกจากตัวรถ Walk Away Auto Lock
  • ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย)
  • ระบบสตาร์ทรถด้วยรีโมท Engine Remote Start
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Full Speed Range Adaptive Cruise Control
    • พร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go ควบคุมความเร็วตั้งแต่ 0 km/h

 

ระบบกล้องคู่ ADAS 3D Imaging Stereo ของ Isuzu MU-X หลักการทำงานจะคล้ายกับระบบ Eyesight ของ Subaru เท่าที่ลองใช้งานดู ให้ความแม่นยำกว่ารถที่ใช้เรดาร์พอสมควร ตรวจจับได้ทั้งรถ และ คน การทำงานค่อนข้างไว และ แม่นยำ ผมว่าบางครั้งออกจะแอคทีฟ ทำงานถวายชีวิตเกินไปเสียด้วยซ้ำ ฮ่าๆ เอะอะเตือน เอะอะเตือน เหมือนคนเซนซิทีฟ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันทำงานอย่างแม่นยำนะครับ ไม่ใช่เตือนแบบมั่วๆ

PPV ที่ทั้งสดใหม่ และ Option จัดเต็มขนาดนี้ คิดว่าคงเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆของใครที่กำลังมองหารถประเภท SUV / PPV อยู่แน่นอน รอบนี้ Isuzu จัดเต็ม จัด Option และ ตั้งราคาเอาไว้ดีมาก เหลือก็แต่งานดีไซน์ภายนอก และ ภาพลักษณ์ ที่ต้องยอมรับกันว่า Toyota Fortuner Legender ทำมาได้ดีกว่าจริงๆ แต่กระนั้นหากเลือก Fortuner Legender ที่ราคาเท่ากับ Isuzu MU-X ราวๆ 1.4 – 1.5 ล้าน ก็จะได้เพียงเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร และ Option พื้นฐาน เท่านั้น หากอยากได้ Option แบบรุ่น Ultimate ก็ต้องจ่ายราวๆ 1.8 ล้านบาท เลยทีเดียว

สุดท้ายแล้วต้องไปลองนั่ง ลองขับกันดูครับ ว่าเราชอบแบบไหน สไตล์ไหน ผมทำได้เพียงแค่ให้ข้อมูลบางด้านเท่านั้น สุดท้ายจะเลือกคันไหน ก็แล้วแต่เหตุผล และ ความชอบของแต่ละคนกันครับ


แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >> community.headlightmag.com/78100.0


Special Thanks : ขอขอบคุณ คุณตั้ว สรคม ภาณุประภา บริษัท อีซูซุเมโทร จำกัด (Isuzu Metro) สำหรับรถทดลองขับในครั้งนี้