All NEW Honda City 1.0 TURBO
ราคาอย่างเป็นทางการ
- 1.0 TURBO SV CVT 665,000 บาท
Dimension มิติตัวถัง
City TURBO
- ยาว : 4,553 มิลลิเมตร
- กว้าง : 1,748 มิลลิเมตร
- สูง : 1,467 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ wheelbase : 2,589 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดถึงพื้น Ground Clearance : 135 มิลลิเมตร
- ความจุถังน้ำมัน 40 ลิตร
City รุ่นเดิม
- ยาว x กว้าง x สูง : 4,440 x 1,695 x 1,477 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ wheelbase : 2,600 มิลลิเมตร
City TURBO เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม พบว่า ยาวขึ้น 113 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 53 มิลลิเมตร เตี้ยลง 10 มิลลิเมตร ส่วนระยะฐานล้อ สั้นลง 11 มิลลิเมตร
Engine เครื่องยนต์
เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 988 ซีซี. ระบบแปรผันวาล์ว ทั้งแบบ VTEC และ Dual VTC พ่วงเทอร์โบ กระบอกสูบ x ช่วงชัก 73.0 x 78.7 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.0 : 1 พละกำลังสูง 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า รองรับน้ำมัน E20 ปล่อย CO2 99 g./km.
1.0 TURBO SV CVT 665,000 บาท
Exterior ภายนอก
- เครื่องยนต์เบนซิน 1.0 TURBO 122 แรงม้า 173 นิวตันเมตร
- เกียร์อัตโนมัติ CVT รองรับน้ำมัน E20
- ระบบเบรกคู่หน้า ดิสก์เบรก / คู่หลัง ดรัมเบรก
- พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS
- ช่วงล่างด้านหน้า McPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง
- ช่วงล่างด้านหลัง Torsion Beam
- ล้ออัลลอย สีทูโทน ขนาด 15 นิ้ว พร้อมยาง 185/60 R15
- ยางอะไหล่ T135/80 D15
- ไฟหน้า Projector Lens แบบฮาโลเจน
- ระบบปิดไฟหน้าอัตโนมัติ เมื่อดับเครื่องยนต์
- ไฟ Daytime Running Light แบบ LED
- ไฟท้าย แบบ LED
- กระจังหน้าโครเมียม
- กระจกมองข้าง ปรับและพับ ด้วยไฟฟ้า
- กระจกมองข้าง พร้อมไฟเลี้ยวในตัว
- ระบบปัดน้ำฝน แบบปรับตั้งหน่วงเวลาได้
- เสาอากาศแบบครีบฉลาม
- ระบบไล่ฝ้ากระจกบังลมหน้า – หลัง
Interior ภายในห้องโดยสาร
- ภายในห้องโดยสาร สีทูโทน (สีเบจ Ivory/สีดำ)
- วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร สีดำเงา Piano Black
- มือเปิดประตูภายในห้องโดยสาร โครเมียม
- เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง สีดำ
- เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยมือ 6 ทิศทาง
- เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยมือ 4 ทิศทาง
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ พร้อมจอแสดงผลแบบดิจิตอล
- กุญแจรีโมท พร้อมสวิตซ์เปิดฝากระโปรงท้าย
- ระบบกุญแจ Honda Smart Key System
- ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
- ระบบ Idle Stop พร้อมสวิตซ์เปิด-ปิด
- พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง (ขึ้น-ลง-เข้า-ออก)
- มาตรวัด พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID
- มาตรวัดแบบ Optitron สีขาว
- ไฟแสดงผลการขับขี่แบบประหยัด Eco Indicator
- ปุ่ม ECON
- ช่องชาร์จไฟ 12V 1 ตำแหน่ง
- ที่บังแดด พร้อมกระจกแต่งหน้า ฝั่งคนขับ
- ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า
- ช่องเก็บเอกสารด้านหลังเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า
- ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร
- มือจับภายในห้องโดยสาร 3 ตำแหน่ง
- ไฟส่องสว่างที่เก็บสัมภาระด้านท้าย
Entertainment ระบบความบันเทิง
- เครื่องเสียงวิทยุ AM/FM
- หน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัส Advanced Touch ขนาด 8 นิ้ว
- รองรับระบบ Apple Car Play / Android Auto
- รองรับการเชื่อมต่อ Smart Phone
- รองรับการสั่งงานด้วยเสียง SIRI
- ช่องเชื่อมต่อ USB 2 ช่อง
- ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
- สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียง / รับสาย-โทรออก บนพวงมาลัย
- ลำโพง 4 ตำแหน่ง
Safety ระบบความปลอดภัย
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
- สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS
- ระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติ Auto Door Lock by Speed
- ถุงลมนิรภัย 4 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง)
- กล้องมองภาพขณะถอยจอด ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ
- ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า
- ระบบสัญญาณกันขโมย
- ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
- จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX
สีตัวถังภายนอก มีให้เลือก 4 สี
- สีขาวมุก Platinum White Pearl
- สีดำ Crystal Black Pearl
- สีเงิน Lunar Silver Metallic
- สีเทา Modern Steel Metallic
ผลทดสอบ อัตราเร่ง Honda City 1.0 Turbo SV
Normal (D Mode)
- อัตราเร่ง 0 – 100 km/h : 10.44 วินาที
- อัตราเร่ง 80 – 120 km/h : 7.41 วินาที
S Mode
- อัตราเร่ง 0 – 100 km/h : 10.09 วินาที
- อัตราเร่ง 80 – 120 km/h : 7.17 วินาที
Top Speed
- ความเร็วสูงสุด 211 km/h @ 5,200 rpm
ความเร็ว @ รอบเครื่องยนต์
- 80 km/h @ 1,450 rpm
- 100 km/h @ 1,800 rpm
- 110 km/h @ 2,000 rpm
Fuel Consumption
- อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง วิ่งความเร็วเฉลี่ย 110 km/h ทำได้ 19.66 km/l
Preview อัตราเร่ง อัตราสิ้นเปลือง Honda City 1.0 TURBO RS CVT : 739,000 บาท
Honda City 1.0 Turbo SV 665,000 บาท
Short Review by Pan Paitoonpong
ในขณะที่ Honda City เปิดตัว และ สร้างยอดขายได้อย่างงดงามถึงเกือบ 5,000 คัน ในเดือน มกราคม 2020 ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อพูดถึงเรื่องความคุ้มค่าที่ได้จากเม็ดเงินนั้น City RS รุ่นท้อป มีราคาห่างจาก Nissan Almera VL รุ่นท้อป มากถึง 100,000 บาท ทำให้หลายคนที่เคยเล่นรถอีโคคาร์มาก่อน รู้สึกว่าทำใจเอื้อมถึงได้ยาก แต่ก่อนที่ความคุ้มค่า และ อุปกรณ์ของ Almera VL จะทำให้ลูกค้าเหล่านั้นเปลี่ยนใจ Honda ก็มีรุ่นรองอย่าง SV ทำหน้าที่เหมือนเด็กเฝ้าร้านตัวแสบ เดินไปดักลูกค้าก่อนออกจากร้านแล้วบอกว่า ” เฮ้ยพี่..พี่มีงบเท่านั้นผมก็มีของให้พี่อ่ะ ตามตามผมมาดูหลังร้าน ”
วันนี้ผมเลยเอารุ่น SV มาให้ชมกัน เพราะส่วนใหญ่จะเอา City RS ไปเทียบกับ Almera VL ซึ่งต่างกัน 100,000 บาท แต่ไม่ค่อยมีใครเอารุ่นที่ราคาใกล้กันมาให้ดู อย่าง City SV ราคา 665,000 บาท ต่างจาก Almera VL ตัวท้อป แค่ 26,000 บาท
เมื่อมองผ่านแบบไวๆ City SV ก็เหมือนรุ่น RS ที่กลับบ้านตีสาม ถอดชุดเที่ยวไนท์คลับออก นอน แล้วตื่นไปทำงานในชุดเชิ้ตขาวเนคไทกรมท่า ความดุแบบกึ่งสปอร์ต ถูกแทนที่ด้วยความเรียบร้อยแบบที่คนรุ่นพ่อรุ่นแม่เรามองแล้วยิ้ม กระจังหน้า และ มือจับเปิดประตูเป็นโครเมียม ชุดแต่งหายไปหมด ไฟหน้าถูกเปลี่ยนจาก LED เกล็ดปลา เป็นโปรเจคเตอร์ ฮาโลเจน ซึ่งถ้าคุณไม่แคร์กับการที่ไฟใหญ่จะเป็นสีเหลือง ก็จะไม่มีปัญหา ไฟตัดหมอกหายไป ล้อห้าก้าน 16 นิ้ว ถูกแทนที่ด้วยล้อ 15 นิ้ว ลายประทับใจแม่ แต่ขัดใจคนล้าง
ภายในห้องโดยสาร ก็มาในมาดเรียบร้อยขึ้น เบาะแซมอัลคันทาร่า กลายเป็นหนังทั้งตัว มาตรวัดเรืองแสงกลายเป็นสีขาว สิ่งที่หายไป และ น่าเสียดายคือ Cruise Control ซึ่งไม่น่าจะมีต้นทุนสูงอะไรมากในยุคสมัยนี้ และ Paddle shift ซึ่งมันจะไม่เป็นปัญหาเลยถ้าคุณไม่ได้ขับลงเขา เพราะเกียร์ของ Honda ไม่มีเกียร์ L ..มีแต่ S และ พูดตามตรงว่าแม้คุณจะใช้เทคนิคการเบรกที่ดีช่วยได้ แต่การเล่นเกียร์ต่ำด้วย Paddle shift ทำให้ชีวิตง่าย และ มั่นใจกว่า
นอกจากนี้ ถุงลมนิรภัยก็ถูกลดจำนวนเหลือแค่ 4 ใบ รวมถึงระบบ Honda Connect ที่เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเพื่อเช็คสถานะรถ และ สั่งสตาร์ทรถเปิดแอร์รอได้ ก็ไม่มี
อย่างไรก็ตาม คุณได้ภายในที่มีการตกแต่งสีขาวเต้าหู้ บนแผงประตู และ แดชบอร์ดหน้า ซึ่งเอาเข้าจริงผมว่าก็ดูดีไปอีกแบบ และแม้ว่าเครื่องเสียงจะมีแค่ 4 ลำโพง แต่พอฟังจริงกลับไม่ได้แย่กว่าตัว RS มากเท่าที่คิด คนประเภทที่ไม่รู้จักการเล่นยี่ห้อหูฟัง ไม่เล่นเครื่องเสียงบ้าน น่าจะอยู่กับมันได้ พื้นที่ภายในกว้างอันดับต้นของคลาส สูสีกับ Suzuki Ciaz แต่มีพื้นที่เหนือศีรษะเบาะหลังสูงกว่า มีขนาดความยาวเบาะรองนั่งด้านหลังมากกว่า เบาะคู่หน้า City จะมีพนักพิงหลังเรียวแคบ อาจจะสบายสำหรับแค่บางคน และใน City รุ่น SV จะไม่มีที่เท้าแขนเบาะหลัง
ในเรื่องการขับขี่ มีความต่างจาก RS ไม่มากนัก เพราะแม้จะเป็นล้อ 15 นิ้ว และ แก้มยางสูงกว่า แต่หน้ายางก็กว้าง 185 มิลลิเมตรเท่ากัน ส่งผลให้มีความนุ่มนวลเพิ่มขึ้นแต่แค่เล็กน้อยเท่านั้น ต้องขับแบบช่างสังเกต ช่วงล่างมาในแนวนุ่ม แต่ยังพอขับเร็วๆได้อยู่ พวงมาลัยหนักกว่ารถค่ายอื่นในระดับเดียวกัน แต่ผู้หญิงก็ยังขับได้แน่นอน น้ำหนักไม่ต่างจากรุ่น RS มากนัก เป็นพวงมาลัยที่ขับในเมืองคล่อง ขับทางไกลก็ไม่เกร็ง
อัตราเร่ง ? ไม่ต้องห่วงเลย ใส่เกียร์ S แล้วกระทืบจม คุณทำ 0-100 km/h ได้ในเวลาไม่เกิน 10 วิ ช่วงเร่งแซง สบายหายห่วงเหมือนเอาเครื่อง 1.8 ลิตรของ Civic มาใส่ในรถเล็ก และ ยังจิบน้ำมันแบบรถเล็กด้วย ถ้าคุณขับแบบเรียบร้อยเหมือนแม่ยายนั่งอยู่ด้วย ก็สามารถทำตัวเลข 16-17 km/l ..ปัญหาคือ พอคุณเริ่มใช้พลัง กดคันเร่งบ่อยๆเข้า มันก็จะเริ่มกินจุขึ้น จนเหมือนรถ 1.6-1.8 ลิตร มากกว่ารถเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเท้าคุณเป็นสำคัญ
ถามว่าส่วนต่าง 74,000 บาท ที่รุ่น SV ถูกกว่ารุ่น RS คุ้มหรือไม่ ?
- ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 185/55 R16
- ไฟหน้าแบบ LED
- ไฟตัดหมอกคู่หน้า แบบ LED
- กระจังหน้า สีดำเงา Gloss Black
- กันชนหน้าสไตล์สปอร์ต รุ่น RS
- กระจังหน้าสไตล์สปอร์ต รุ่น RS
- สปอยเลอร์หลัง สีดำเงา Gloss Black
- มือเปิดประตูภายนอก สีเดียวกับตัวรถ
- กระจกมองข้าง สีดำเงา Gloss Black
- เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังกลับ Suede สลับผ้า ตกแต่งด้วยตะเข็บด้ายสีแดง
- แป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
- มาตรวัดเรืองแสง Optitron สีแดง
- ช่องชาร์จไฟ 12V 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- ที่บังแดด พร้อมกระจกแต่งหน้าฝั่งผู้โดยสารตอนหน้า
- ที่วางแขน เบาะนั่งด้านหลัง พร้อมที่วางแก้ว
- มือจับภายในห้องโดยสาร 4 ตำแหน่ง
- ระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT
- ลำโพง 8 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย)
เหล่านี้คือสิ่งที่รุ่น RS แตกต่างจากรุ่น SV ลองพิจารณาดูว่า สิ่งเหล่านี้ มีผลต่อการใช้งานของคุณหรือไม่ ถ้ามีก็ขยับไปรุ่น RS ถ้าไม่มีรุ่น SV ก็น่าจะตอบทุกโจทย์การใช้งานได้อย่างสบายๆ
คุณต้องถามตัวเองก่อนว่ารถคันนี้ คุณเอาไว้ใช้ทำอะไร ถ้าขับใช้งานตามปกติ วิ่งใกล้ๆ 80% ออกทางไกล 20% แล้วไม่ได้ไปขับขึ้นลงเขาบ่อยๆ และ คุณไม่รู้ว่าไฟหน้า LED ต่างจากฮาโลเจนตรงไหน ไม่ได้สนพวกชุดแต่งหรือระบบ Honda Connect คุณต้องการแค่รถคันนึงที่ครอบครัวนั่งได้ มีพละกำลังสำรองเมื่อต้องการ ประหยัด เมื่อขับแบบเรียบร้อย ..หรือพูดง่ายๆก็คือถ้าคุณไม่ใช่คนบ้ารถ รุ่น SV จะตอบสนองคุณได้เกือบเท่ารุ่น RS 95% แต่จ่ายถูกลงมาก
อย่างไรก็ตาม คุณต้องทำใจไว้บ้างว่า Honda ไม่ใช่รถที่ขึ้นชื่อเรื่องความเรียบร้อย หลายจุดของรถดูลดต้นทุน อุปกรณ์ต่างๆเมื่อเทียบกับ SV เจนเนอเรชั่นก่อน ดูจะหายไปด้วยซ้ำ แต่ถ้าหากคุณไม่แคร์ในจุดนี้ Honda City SV เป็นรถที่ตอบสนองความต้องการในการใช้งานหลากหลายครอบคลุมสำหรับคนทั่วไปมากที่สุดในกลุ่ม SubCompact Sedan แล้ว
แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >> community.headlightmag.com/74599.0