MG ประเทศไทย เริ่มรุกตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือกมากยิ่งขึ้น นับตั้งแต่เปิดตัว รถยนต์ไฟฟ้า EV 100% ครั้งแรก เมื่อเดือน มิถุนายน 2019 ด้วยรุ่น MG ZS EV เปิดราคาช็อคตลาดที่ 1,190,000 บาท มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดความจุ 44.5 kWh รับประกันแบตเตอรี่นาน 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 1 ครั้ง 337 กิโลเมตร* (*ตามมาตรฐาน NEDC)
จากนั้นเดือน ตุลาคม ปี 2020 เปิดตลาดใหม่ Plug-in Hybrid เสียบปลั๊กชาร์จไฟ กับ MG HS PHEV เบนซิน 1.5 เทอร์โบ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดความจุ 16.6 kW เปิดราคาเร้าใจที่ 1,359,000 บาท
MG EP Wagon EV 100% เป็นชื่อที่ MG ประเทศไทย เตรียมทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า EV 100% ตัวถัง Station Wagon เป็นรายแรกในบ้านเรา (หรือในตลาดโลก คือ MG 5 Wagon) เตรียมเปิดราคา และ โชว์รถคันจริง ที่งาน Motor Expo 2020 : 1-13 ธันวาคม 2563 @ Challenger Hall 1-3 เมืองทองธานี
วันนี้ Headlightmag.com ขอพาไปชมรถคันจริงของ MG EP Wagon EV 100% ก่อนที่จะเปิดราคาอย่างเป็นทางการ วันที่ 1 ธันวาคม นี้
Dimension มิติตัวถัง
- ยาว 4,544 มิลลิเมตร
- กว้าง 1,818 มิลลิเมตร
- สูง 1,536 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ wheelbase 2,665 มิลลิเมตร
- ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย 464 – 1,456 ลิตร เมื่อพับเบาะ
Powertrain ขุมพลัง
มอเตอร์ไฟฟ้า Synchronous Motor พละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า เกียร์อัตโนมัติแบบ Single Speed
ตัวเลขจากโรงงาน
- อัตราเร่ง 0-100 km/h ใน 8.8 วินาที
- Top Speed ความเร็วสูงสุด 185 km/h
แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 50.3 kW หัวชาร์จแบบ Combined Type2 และ Quick Charge แบบ CCS วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 380 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC)
- ชาร์จไฟ 7kW AC ผ่าน MG Home Charger 0-100% ใช้เวลา ภายใน 7 ชั่วโมง 15 นาที
- ชาร์จไฟ 50kW DC 0-80% ใช้เวลา ภายใน 40 นาที
Suspension & Chassis ช่วงล่าง และ แชสซีส์
- ช่วงล่างด้านหน้า McPherson Strut
- ช่วงล่างด้านหลัง Torsion Beam
- ระบบเบรกด้านหน้า ดิสก์เบรก
- ระบบเบรกด้านหลัง ดิสก์เบรก
รายละเอียด Option เบื้องต้น ของ MG EP (Wagon EV 100%)
Exterior ภายนอก
- ไฟหน้า Projector Lens แบบฮาโลเจน
- ไฟ LED Daytime Running Lights
- ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้า แบบอัตโนมัติ
- ระบบไฟหน้า Follow-me-home
- ไฟท้าย LED Electric Pulse Design
- ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
- ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว
- กระจังหน้า แบบ Suspended Wing Grille
- กระจังหน้าโครเมียม และ สีดำเงา Piano Black
Interior ภายในห้องโดยสาร
- ภายในห้องโดยสาร โทนสีดำ
- มาตรวัดแบบดิจิตอล
- จอแสดงผล MID แบบสี ขนาด 7 นิ้ว
- กระจกหน้าต่างไฟฟ้า ขึ้น-ลง อัตโนมัติ One Touch ฝั่งคนขับ
- ปุ่มปรับเปลี่ยนเกียร์แบบหมุน
- พวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB
- ฟังก์ชั่น Auto Vehicle Hold
- ปุ่มสตาร์ทระบบขับเคลื่อน
- กุญแจรีโมท
Entertainment ระบบความบันเทิง
- หน้าจอระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว
- รองรับ Apple CarPlay / Andriod Auto
- สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
Seating เบาะนั่ง
- เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง
- เบาะคนขับ ปรับด้วยมือ 6 ทิศทาง
- เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยมือ 4 ทิศทาง
- เบาะนั่งด้านหลัง แยกพับอิสระ 60 : 40
- พนักวางแขนตรงกลาง เบาะนั่งด้านหลัง พร้อมที่วางแก้วน้ำ
- จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX
- แผงกั้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง
Safety ระบบความปลอดภัย
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบเสริมแรงเบรก EBA
- ระบบควบคุมการทรงตัว SCS
- ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS
- ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
- กล้องมองภาพขณะถอยจอด
- เซนเซอร์กะระยะช่วยจอด ด้านหลัง
- กุญแจ Immobilizer
สีตัวถังภายนอก มีให้เลือก 3 สี
- สีขาว Arctic White
- สีเงิน Metallic Grey
- สีดำ Black Knight
MG ZS EV ตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 1,190,000 บาท โดยนำเข้าทั้งคันจากประเทศจีน ส่วน MG EP Wagon EV 100% ก็นำเข้าทั้งคันจากประเทศจีนเช่นกัน หากเทียบจากราคาจำหน่ายที่อังกฤษ พบว่า MG EP Wagon EV 100% หรือ MG 5 Wagon จะตั้งราคาจำหน่ายถูกกว่า ZS EV
ตามหลักแล้ว MG ประเทศไทย ต้องตั้งราคา MG EP ถูกกว่า ZS EV และ ถึงแม้แบตเตอรี่ของ MG EP จะมีขนาดใหญ่กว่า วิ่งได้ไกลว่า MG ZS EV แต่คุณภาพของวัสดุภายในห้องโดยสาร และ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และ Option ของ MG EP น้อยกว่า MG ZS EV พอสมควร
ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่า MG EP อาจจะเปิดราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท เพราะ MG ประเทศไทย ตั้งสโลแกนของ MG EP Wagon EV 100% ไว้ว้า EV for EVERYONE
ราคาอย่างเป็นทางการ รวมถึงรายละเอียดทั้งหมด และ พบรถคันจริง ได้ในงาน Motor Expo 2020 ระหว่างวันที่ 1-13 ธันวาคม 2563 นี้ @ Challenger Hall 1-3 เมืองทองธานี
เรียบเรียงข้อมูลทั้งหมดโดย www.headlightmag.com
แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >> community.headlightmag.com/77896.0