Ford Mustang 2.3 EcoBoost Turbo
ราคาอย่างเป็นทางการ (นำเข้า CBU)
- 2.3 EcoBoost Coupe’ Performance Pack 3,599,000 บาท
นำเข้าทั้งคัน CBU จากโรงงาน Flat Rock Assembly Plant : Michigan, USA โดย Ford ประเทศไทย สามารถสั่งจองได้ที่ดีลเลอร์ Ford Mustang Authorized Dealer ทั่วประเทศทั้ง 19 แห่ง
- รับประกันตัวรถ Warranty นาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
- ฟรี ค่าบำรุงรักษา Maintenance 5 ครั้ง (ระยะ 15,000 – 75,000 กิโลเมตร)
- ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Asssistance 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี
Dimension มิติตัวถัง
- ยาว x กว้าง x สูง : 4,788 x 1,915 x 1,379 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ Wheelbase : 2,720 มิลลิเมตร
- ระยะห่างล้อคู่หน้า – คู่หลัง : 1,585 / 1,654 มิลลิเมตร
- ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน cd = 0.32
Engine เครื่องยนต์
เบนซิน 2.3 EcoBoost GTDi
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC Direct Injection Ti-VCT ขนาด 2.3 ลิตร 2,264 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 87.55 x 94.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 9.5 : 1 กำลังสูงสุด 300 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 475 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง พร้อม Limited Slip Differential ปล่อย CO2 217 g./km.
อัตราทดเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ 10R80 (รหัสเดียวกับ Ranger RAPTOR)
- เกียร์ 1 4.696
- เกียร์ 2 2.985
- เกียร์ 3 2.146
- เกียร์ 4 1.769
- เกียร์ 5 1.520
- เกียร์ 6 1.275
- เกียร์ 7 1.000
- เกียร์ 8 0.854
- เกียร์ 9 0.689
- เกียร์ 10 0.636
- เกียร์ถอยหลัง 4.866
- อัตราทดเฟืองท้าย 3.150
Drivetrain & Technology ระบบขับเคลื่อน และ เทคโนโลยี
- เครื่องยนต์ 2.3 EcoBoost 300 แรงม้า 440 นิวตันเมตร
- เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ
- ระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift
- ช่วงล่างด้านหน้า อิสระ McPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง
- ช่วงล่างด้านหลัง อิสระ Integral-link พร้อมคอยล์สปริง และ เหล็กกันโคลง
- เฟืองท้ายแบบ Limited Slip
- พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPAS
- จานเบรก คู่หน้า ขนาด 352 x 32 มิลลิเมตร – คู่หลัง ขนาด 330 x 25 มิลลิเมตร
- ระบบเบรก คู่หน้า 4 pots 4 สูบ เส้นผ่านศูนย์กลาง 46 มิลลิเมตร
- ระบบเบรก คู่หลัง 1 pot 1 สูบ เส้นผ่านศูนย์กลาง 45 มิลลิเมตร
- ล้ออัลลอย ขนาด 19 นิ้ว คู่หน้า – คู่หลัง 19″ x 9 J
- ยาง Pirelli P Zero ขนาด 255/40 ZR19
- ระบบปรับโหมดการขับขี่ Driving Mode
- Normal
- Sport
- Track
- Snow-Wet
- Drag Strip
- My Mode
- แอปพลิเคชั่น Track Apps สนามแข่ง
- ระบบช่วยเบิร์นยาง Electronic Line Lock
- ระบบปรับพวงมาลัย Steering Mode
Exterior ภายนอก
- ไฟหน้า Projector Lens แบบ LED
- ไฟ Daytime Running Lights แบบ LED
- ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า แบบอัตโนมัติ
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ Auto High Beam
- ไฟท้าย แบบ LED
- ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor
- กระจกมองข้าง ปรับและพับด้วยไฟฟ้า
- กระจกมองข้าง พร้อมไฟเลี้ยวในตัว และ ระบบฮีตเตอร์
- ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ Pony Puddle Lamps
- ท่อไอเสียคู่
Interior ภายในห้องโดยสาร
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone
- ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry
- ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
- ชุดมาตรวัดแบบดิจิตอล ขนาด 12.4 นิ้ว
- ภายในห้องโดยสารโทนสีดำ
- เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสีดำ
- เบาะนั่งคู่หน้า ปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง
- กระจกมองหลัง แบบปรับลดแสงอัตโนมัติ
- กระจกหน้าต่างไฟฟ้า แบบ One-Touch ทั้ง 2 บาน
- ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร Ambient Light
- ชุดสคัพเพลทสแตนเลสแบบ LED
- ช่องชาร์จไฟ 12V
Entertainment ระบบความบันเทิง
- เครื่องเสียง วิทยุ AM/FM CD MP3
- หน้าจอระบบสัมผัส Multi-Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว
- ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 3
- รองรับ Apple Car Play / Andriod Auto
- รองรับการเชื่อมต่อ WiFi
- ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
- ช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่ง
- ระบบเสียง Shaker Pro
- ลำโพง 12 ตำแหน่ง พร้อม Subwoofer / Amplifier
Safety ระบบความปลอดภัย
- ระบบเบรก ABS / EBD / BA
- ระบบควบคุมการทรงตัว Advancetrac : ESP
- ระบบป้องกันการลื่นไถล TRC
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning System
- ระบบเบรกอัตโนมัติ พร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน AEB with Pedestrian Detection
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร Lane Keeping System
- ระบบตรวจจับลมยาง TPMS
- ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน Emergency Assistance
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง
- ม่านถุงลมนิรภัย 2 ตำแหน่ง
- ถุงลมหัวเข่าคนขับ และ ผู้โดยสารตอนหน้า 2 ตำแหน่ง
- กล้องมองภาพขณะถอยจอด
- เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหลัง
- ระบบสัญญาณกันขโมย Burglar Alarm
- จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX
สีตัวถังภายนอก มีให้เลือก 4 สี
- สีส้ม Orange Fury Metallic Tri-Coat
- สีแดง Race Red
- สีเทา Magnetic Metallic
- สีดำ Shadow Black Metallic
ผลทดสอบ อัตราเร่ง Ford MUSTANG 2.3 EcoBoost Turbo (อย่างไม่เป็นทางการ)
Acceleration
Normal Mode
- อัตราเร่ง 0 – 100 km/h : 6.97 วินาที
- อัตราเร่ง 80 – 120 km/h : 4.68 วินาที
Sport Mode
- อัตราเร่ง 0 – 100 km/h : 6.58 วินาที
- อัตราเร่ง 80 – 120 km/h : 4.31 วินาที
Top Speed
- ความเร็วสูงสุด 244 km/h @ 4,600 rpm (9th gear)
Ford MUSTANG 2.3 EcoBoost Turbo 10AT RWD : 3,599,000 บาท
เมื่อพิจารณาจากสเป็ค การที่คุณสามารถเป็นเจ้าของ Mustang ในราคา 3,599,000 บาท แล้วได้แรงม้าสูงถึง 300 ตัว ฟังดูเหมือนเป็นเทศกาลลดราคาของสงครามแรงม้า ใช่มั้ย ?
ตอบได้ทั้งใช่ และ ไม่ใช่ … เพราะคุณได้ม้าต่อบาทในราคาที่คุ้มค่าอยู่ แต่เมื่อเราลองขับจริง จับเวลาจริง Mustang 2.3 EcoBoost Turbo 300 แรงม้า มีความเร็วอยู่ในระดับเดียวกับ Audi TT 230 แรงม้า หรือ BMW 430i 252 แรงม้า ซึ่งเรื่องนี้อาจเป็นเพราะ ขนาด และ น้ำหนักของตัวรถที่มากกว่า ส่วนความเร็วปลายไม่ต้องสืบ เพราะโดนล็อคเอาไว้ ทำให้ซ่าส์ได้ไม่ไกล ถ้ายิงยาวๆโดนรถเมืองเบียร์สอยร่วงแน่นอน
นอกจากเรื่องความเร็ว คุณอาจจะเหวอกับอุปนิสัยของมัน ดูเหมือน Ford ทำ Mustang 2.3 EcoBoost Turbo ไว้รับลูกค้าที่ไม่ใช่ขาซิ่ง ขนาดถอยเข้าซอยหมู่บ้านตอนกลางคืน เสียงท่อไอเสียเงียบเท่า Camry 2.5 G เวลาเร่งก็มีแต่เสียงเครื่องที่พอจะเร้าใจบ้าง ไม่มีเสียงป๊อปคอร์นตอนถอนคันเร่ง หรือ เปลี่ยนเกียร์ มันทำตัวเหมือนเครื่องของรถบ้าน หรือ พรีเมียมคาร์สมรรถนะปานกลางมากกว่าที่จะเป็นรถซิ่ง 300 แรงม้า
พวงมาลัยของ Mustang มีอัตราทดไว และ ช่วงหมุนซ้าย/ขวา ออกจาก Center ก็ไวมาก บิดมือขยับพวงมาลัยแค่นิดเดียวก็เปลี่ยนเลนได้แล้ว แม้ว่าน้ำหนักตึงมือช่วงหน่วงกลางจะหนืดโดนใจผมมากในโหมด Sport ของพวงมาลัย แต่เวลาขับบนถนนที่ไม่เรียบ ก็ยังต้องระวัง เพราะถ้าถนนสะเทือนแล้วมือขยับตามแรงสั่นเพียงนิดเดียวหน้ารถจะว่อกแว่กทันที ส่วนช่วงล่างนั้น ก็แข็งกว่ารถครอบครัวทั่วไป แต่ไม่ถึงกับจะเป็นรถสปอร์ต ถ้าพูดกับคนบ้า BMW ผมจะบอกว่า Mustang 2.3 EcoBoost Turbo นี่แข็งกว่าพวก Luxury Line แต่นุ่มกว่าพวก M Sport Line มันอาจจะไม่เจ๋งสำหรับการขับทำเวลาบนสนามแข่ง แต่เวลาเดินทางไกลนี่ชอบมาก หนึบแบบเหลือความสบายไว้รับมือกับถนนห่วยๆได้
เบาะนั่ง และ พื้นที่ภายในห้องโดยสาร นี่เป็นอีกจุดหนึ่งที่ชอบ แม้ว่าจะงงกับการที่ให้เบาะนั่งแบบปรับฐานรองนั่งด้วยไฟฟ้า ปรับเอนด้วยคันโยก แต่พอปรับเข้าที่แล้ว มันนั่งสบายสมกับที่เป็นรถอเมริกันจริงๆ หมอนรองศีรษะปรับองศาการดันได้ และ มีความนุ่มนวลกว่าเบาะรถซิ่งทั่วไป ดีไซน์แดชบอร์ดทำมาสวยน่ามอง มีเสน่ห์กว่ารถญี่ปุ่น/เยอรมัน Interface จอกลาง SYNC 3 ก็เหมือนกับ Ford Ranger / Everest ส่วนชุดมาตรวัดนั้น สุดยอด โชว์ค่าได้หลายแบบ ปรับการแสดงผลได้หลายสไตล์ รู้สึกได้เลยว่าเอาคนบ้ารถมาทำมาตรวัด รู้ว่าอะไรควรมี ผมยกย่องให้เป็นมาตรวัดที่ใช้ความเป็น TFT คุ้มค่าที่สุดในมุมของคนบ้ารถ แต่มีจุดที่ติอยู่เหมือนกัน คือ ที่วางแก้วน้ำคอนโซลกลาง หากคุณวางแก้วน้ำไว้ เวลาเข้าเกียร์ แขนก็จะติด และ อีกจุดคือ กระจกมองข้างที่มุมมองจะค่อนข้างแคบกว่ารถปกติทั่วไป ทำให้เวลาแซง หรือ เปลี่ยนเลน อาจจะต้องชะโงกบ้าง และ ใช้ความระมัดระวังมากหน่อย
ผมชอบหน้าตาของตัวรถที่ไม่ดูเป็นแก๊งสเตอร์ แต่มีความเด่น ขับไปจอด Rest Area คนมองแล้วหมั่นไส้ ในขณะที่ถ้าเป็น BMW 430i Coupe’ หรือ C 200 Coupe’ หรือแม้กระทั่ง C 43 Coupe’ คนอาจไม่มองด้วยซ้ำ ผมชอบภายในห้องโดยสารของมันที่นั่งสบายกว่ารถคูเป้เยอรมันเกือบทั้งหมด ผมชอบสิ่งที่รถมันมีให้เมื่อเทียบกับ Lexus RC300 (RC200t) ที่แพงกว่ากัน 2ล้านบาท ทำให้ Mustang เป็นรถที่ดูคุ้มค่า ดังนั้นมันอาจจะเหมาะสำหรับคนที่ชอบรถเด่นๆ แต่ไม่ซีเรียสเรื่องความแรง ไม่ได้อินกับความเป็นอเมริกันที่ต้อง V8
อย่างไรก็ตาม สำหรับความเห็นส่วนตัวของผมที่เคยขับ Mustang GT V8 5.0 มาแล้ว มองว่าไอ้ส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นนั้นคุ้มมาก GT Coupe’ ได้ทั้งแรง และ อารมณ์ เป็น Mustang แบบที่คุณควรจะจดจำไปเล่าให้ลูกหลานฟังมากกว่า ในขณะที่ตัว 2.3 EcoBoost นั้น ดูไม่มีคาแร็คเตอร์ของคนพันธุ์แรง และ ยิ่งพอ BMW เปิดตัว Z4 รุ่น sDrive30i ที่ราคาแพงกว่ากันไม่กี่แสน ขุนแผนเหล็กเยอรมันเลยดูมีความดึงดูดมากกว่า
แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >> community.headlightmag.com/69805.0