KIA เริ่มพัฒนารถตู้ MPV ประตูสไลด์เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1994 ใช้เวลานานเกือบ 4 ปี จนเป็นผลผลิตรถคันจริงออกมาในชื่อ ” KIA Carnival ” เปิดตัวสู่สาธารณชนครั้งแรกเมื่อปี 1998 รหัส KV จากนั้นมีการปรับโฉม Minorchange และ เพิ่มเครื่องยนต์ใหม่มาเรื่อยๆตั้งแต่ช่วงปี 2001 จนกระทั่งเปิดตัว KIA Carnival รุ่นที่ 2 ในปี 2005 – 2006 รหัสตัวถัง VQ
เป็นเวลาล่วงเลยเกือบ 10 ปี จนกระทั่งปี 2014 KIA ตัดสินใจเปิดตัวรถ 3rd Generation ในชื่อ GRAND Carnival พลิกโฉมแบบไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลย พัฒนาก้าวกระโดด โดยใช้เวลาพัฒนา 3rd Generation เป็นเวลาเกือบ 5 ปี ถึงจะเห็นเป็นเวอร์ชั่นผลิตจริงได้ สำหรับในไทยเอง เปิดตัวเมื่อปี 2015 โดย Yontrakit KIA Motors ได้รับกระแสตอบรับค่อนข้างดีเรื่อยมา
![](http://www.headlightmag.com/hlmwp/wp-content/uploads/2020/06/kia_grand_carnival_banner-1.jpg)
ปี 2020 เป็นเวลาผ่านมาแล้ว 6 ปี สำหรับรุ่นปัจจุบัน ถึงเวลาของ All NEW KIA Grand Carnival รุ่นที่ 4 ทายาทสืบต่อ 4th Generation เป็นที่เรียบร้อย เผยภาพอย่างเป็นทางการจากเกาหลีใต้เช้าวันนี้ 24 มิถุนายน 2020 ก่อนจะเริ่มผลิต และ จำหน่ายจริงในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 ราวๆเดือน กันยายน ของปีนี้
ดีไซน์ภายนอกใหม่ทั้งคัน มีการปรับลุคให้ดูเหมือนเป็น SUV ในร่าง MPV มากยิ่งขึ้น พร้อมเติมเหลี่ยมสันตามแนวทางการดีไซน์ Theme Design ใหม่ของ KIA แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้เปลี่ยนโลโก้เป็นแบบใหม่
![](http://www.headlightmag.com/hlmwp/wp-content/uploads/2020/06/563054.jpg)
เสา A-Pillar มีการร่นระยะถอยหลังลงไปจากรุ่นเดิม ส่งผลให้ระยะฝากระโปรงด้านหน้ายาวขึ้น มีการเปลี่ยนวัสดุเสา A เป็นสีดำเงา Black Gloss เพื่อความโฉบเฉี่ยวมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มความยาวระยะฐานล้อ wheelbase เพิ่มเติมจากรุ่นเดิม ทำให้ห้องโดยสารกว้างขึ้น
ดีไซน์ด้านท้ายรถดึงดูดสายตามากยิ่งขึ้นด้วย ไฟท้ายยาวตลอดทั้งแนวนอน มีความโดดเด่นตั้งแต่ระยะไกล นอกเหนือจากเสา A-Pillar แล้ว เสา B-Pillar และ หลังคา ก็ยังทำเป็นสีดำเงา Black Gloss เสริมด้วยเสา C-Pillar สีเงิน ที่เป็นเอกลักษณ์เหมือนใน KIA Sorento พื้นที่ของกระจกหน้าต่างตั้งแต่เสา C-Pillar เป็นต้นไป จะยาวต่อเนื่องไปจนถึงกระจกบังลมที่ฝาท้าย ทำให้เส้นแนวสายตายาวต่อเนื่องแบบไม่ขาดตอนดูกลมกลืนไปด้วยกัน
ระบบไฟหน้าของ KIA Grand Carnival รุ่นใหม่ เป็นแบบ Projector LED มีไฟ Daytime Running Light แบบ LED ตัวไฟสูงอยู่ชิดกับกระจังหน้า Tiger Nose อันเป็นเอกลักษณ์ของค่าย ส่วนไฟต่ำ หรือ ไฟปกติแยกโคมออกจากกัน
ส่วนภายในห้องโดยสาร ยังไม่มีการเผยภาพ หรือ รายละเอียด ออกมาแต่อย่างใด
![](http://www.headlightmag.com/hlmwp/wp-content/uploads/2020/06/563055.jpg)
ขุมพลังเดิมของ KIA Grand Carnival 3rd Generation รุ่นปัจจุบัน มีให้เลือกทั้งเบนซิน และ ดีเซล
ดีเซล 2.2 TURBO
เครื่องยนต์ Diesel R CRDi 4 สูบ แถวเรียง ขนาด 2.2 ลิตร 2,199 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ VGT กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 85.4 x 96.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 16.0 : 1 กำลังสูงสุด 197 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 441 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,750 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า
เบนซิน V6 3.3 ลิตร
เครื่องยนต์เบนซิน Lambda II 3.3 GDI แบบ V6 ขนาด 3.3 ลิตร 3,342 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 280 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 336 นิวตันเมตร ที่ 5,200 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะลูกใหม่ ขับเคลื่อนล้อหน้า
![](http://www.headlightmag.com/hlmwp/wp-content/uploads/2020/06/563056.jpg)
ต้องรอติดตามกันว่า รุ่นใหม่ All NEW KIA Grand Carnival 4th Generation จะมีเครื่องยนต์ใดออกมาให้เลือกกันบ้าง
ที่มา : KIA