ดีไซน์ด้านหน้าถูกปรับให้โฉบเฉี่ยวมากขึ้น จากเดิมที่ Toyota Corolla Altis รุ่นปัจจุบัน
เริ่มมีความสปอร์ต ก็กลายเป็นว่ารุ่น Minorchange ถูกปรับโฉมให้ดูสปอร์ตทันสมัยขึ้น
กว่าเดิมเข้าไปอีก ด้วยการการออกแบบด้านหน้าที่ดูเล็กเพรียวคล้าย กับ Toyota Auris
Minorchange
ด้านหน้าของ Corolla Altis Minorchange ปรับให้เพรียวบางมากขึ้น พื้นที่กระจังหน้าเล็กลง
โดยรับกับชุดไฟหน้าใหม่ ไฟ Projector Lens พร้อมแถบไฟด้านล่างที่คาดว่าน่าจะเป็น LED
Daytime Running Lights แบบ Tube รูปทรงตัว L ที่มุมซ้าย-ขวา
เส้นสายด้านหน้าลากจากกระจังหน้ายาวไปจรดที่มุมของชุดไฟหน้าทั้ง 2 ข้าง ทางด้านกันชนหน้า
เพิ่มแถบที่ลากยาวจากช่องดักลมสีเทาเมทัลลิค รับกับไฟตัดหมอกพร้อมแถบแนวตั้งที่ปลายกันชน
ล้ออัลลอยลายใหม่ ที่มาแนวใบพัดตามสมัยนิยม ทำสีไฮไลท์เทาเมทัลลิค ด้านท้ายรายละเอียด
การเปลี่ยนแปลงไม่มากเท่าด้านหน้ารถ ชุดไฟท้ายทรงเดิม แต่เปลี่ยนรายละเอียดในตัวโคมใหม่
ให้ทันสมัย เตะตามากขึ้น ด้วยแถบไฟหรี่ท้าย LED ลากยาว พร้อมดันชุดไฟเลี้ยว และไฟถอย
ให้อยู่ชิดด้านบนสุด คาดกลางด้วยเส้นโครเมียมที่ต่อเนื่องมาจากคิ้วฝากระโปรงท้าย ที่ลดทอน
ขนาดให้เล็กลง ดูมีระดับมากขึ้น
ภายในห้องโดยสาร มีการปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย เช่นเดียวกับภายนอก บริเวณแผงแดชบอร์ด
มีการเปลี่ยนหน้าจอระบบเครื่องเสียงใหม่ เป็นชุดเครื่องเสียงคล้ายกันกับ Fortuner / Hilux Revo
หน้าจอระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 7 นิ้ว พร้อมรองรับระบบ Toyota Connect
นอกจากนี้บริเวณชุดควบคุมระบบปรับอากาศถูกดีไซน์ใหม่ เป็นปุ่มกดแบบสี่เหลี่ยมทั้งหมด ขนาบอยู่
ข้างจอแสดงข้อมูลตัวหนังสือสีฟ้า โดยระบบปรับอากาศแบบใหม่จะสามารถแยกปรับอุณหภูมิอิสระ
ซ้าย-ขวา Dual Zone ได้ อีกทั้งบริเวณช่องแอร์ยังมีการปรับรายละเอียดเล็กน้อย ด้านซ้าย-ขวา
จากเดิมเป็นสี่เหลี่ยมจะเปลี่ยนเป็นวงกลม
ช่องแอร์กลางเหมือนจะคล้ายเดิม แต่มีการเพิ่มลูกกลิ้งเลื่อนเปิด-ปิดได้ ทำให้นาฬิกาที่แต่เดิมอยู่
ระหว่างกลาง ถูกย้ายมาอยู่ตำแหน่งใหม่ ข้างชุดหน้าจอเครื่องเสียงแทน ภาพรวมของการปรับชุด
ควบคุมกลางใหม่ ทำให้เส้นโครเมียมที่ตกแต่งเดิมนั้น ถูกลากเส้นสายใหม่ด้วยเช่นกัน
ถัดลงมาที่คอนโซลส่วนล่าง มีการเพิ่มฝาปิดช่องเก็บของมาให้ ซึ่งเป็นที่อยู่ของ ช่องเชื่อมต่อ
AUX / USB รวมถึงช่องชาร์จไฟ 12V ดูเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น ฐานเกียร์ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่มีการ
ปรับเปลี่ยนใหม่ นอกจากนี้ยังมีการบุนุ่มส่วนต่างๆของแผงแดชบอร์ด และ คอนโซลกลาง
เพิ่มเติม รวมถึงเดินตะเข็บด้ายจริงมาให้ด้วย
ไฮไลต์สำคัญ คือ การติดตั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Toyota Safety Sense ประกอบไปด้วย
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน (Pre-Collision System : PCS),
ระบบเตือนการเปลี่ยน (Lane Departure Alert : LDA)
และระบบเปิด-ปิด ไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High Beam)
ทางด้านเครื่องยนต์คาดว่าคงไม่มีการปรับปรุงใหม่ สำหรับในประเทศไทยคงจะได้เห็น
รุ่น Minorchange นี้อย่างเร็วปลายปี 2016 นี้ อย่างช้าที่สุดต้นปีหน้า 2017 เพื่อสร้างความ
สดใหม่ สู้กับ Honda Civic FC และ Mazda 3 Minorchange ที่จ่อคิวเปิดตัวปลายปีเช่นกัน
ที่มา : Toyota Turkey