By Gigabright

ในยุคที่ทุกอย่างกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เรามีเทคโนโลยีใหม่ๆผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ที่มีอยู่อย่างไม่สิ้นสุด อีกทั้งยังเป็นการแสดงศักยภาพทางความคิดความสามารถของผู้คิดค้นอีกด้วย ซึ่งในครั้งนี้เป็นตาของชาวนอร์เวย์ที่กำลังจะก้าวไปอีกขั้นของการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (Electric vehicle : EV) กับการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายในรถยนต์นั่ง (Passenger car) นั่นเอง

สำหรับประเทศนอร์เวย์แล้ว นับว่าที่นี่คือเมืองต้นแบบของการใช้รถ EV อย่างแท้จริง เพราะมีทั้งนโยบายในการส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้าทั้งในภาคส่วนของรถสาธารณะและรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งมีการริเริ่มมาก่อนแล้วในรถโดยสารขนาดใหญ่โดยหน่วยงานสัญชาติอเมริกันนามว่า “Momentum Dynamics” จนประสบความสำเร็จมาแล้ว โดยสามารถทำการชาร์จไฟฟ้าแบบไร้สายได้ด้วยกำลังไฟสูงสุดถึง 200 กิโลวัตต์ เลยทีเดียว

นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีการสลับแบตเตอรี่สำหรับรถ EV ที่ค่ายรถยนต์แดนมังกรอย่าง Nio เข้ามาตั้งสถานีสลับแบตเตอรี่เป็นแห่งแรกในเมืองออสโลว์เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ซึ่งมีแผนที่จะขยายจำนวนสถานีเพิ่มขึ้นเป็น 20 ในอนาคตอีกด้วย เรียกได้ว่านอร์เวย์เป็นสวรรค์ชองคนใช้รถ EV อย่างแท้จริง (สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานีสลับแบตเตอรี่ของ Nio ในนอร์เวย์ได้ที่นี่ -> headlightmag)

การประเดิมชาร์จไฟฟ้าแบบไร้สายในรถยนต์นั่งในครั้งนี้เลือกใช้รถยนต์ Jaguar I-Pace มาเป็นรถสาธิตเพราะช่วงล่างของรถเป็นแบบถุงลมสามารถปรับระดับสูงต่ำใต้ ซึ่งขนาดและมิติของพื้นที่สำหรับชาร์จแบตเตอรี่นั้นยังต้องปรับปรุงเพื่อให้รองรับการใช้งานได้กับรถยนต์ทุกรุ่น และสามารถส่งกระแสไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นการบ้านของทีม Momentum Dynamics ที่จะต้องพัฒนากันต่อไป

โดยกลุ่มเป้าหมายหลักที่ฝ่ายพัฒนาอยากจะให้เป็นผู้ใช้งานระบบชาร์จไฟแบบไร้สายนี้ก็คือบรรดารถแท็กซี่ที่วิ่งให้บริการอยู่ในเมืองออสโลว์ เพราะไม่ใช่เพียงพลังงานจากเชื้อเพลิงที่ต้องถูกใช้ไปจากการสัญจรหลักสิบ-ร้อยไมล์ต่อวันเท่านั้น มันยังหมายถึงปริมาณก๊าซเรือนกระจก ที่ถูกปล่อยออกมาจากรถแท็กซี่เหล่านี้ด้วย

แนวคิดการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายนั้นมีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2020 แล้วโดยสามารถให้กำลังไฟได้ที่ 25 กิโลวัตต์ ในระยะเริ่มต้น ก่อนที่จะค่อยๆ พัฒนามาสู่การชาร์จในรถขนส่งสาธาณะเพื่อที่จะลดต้นทุนและรอยต่อในการให้บริการของรถที่จะต้องมีการเปลี่ยนคันไปชาร์จ หรือแม้แต่ในเรื่องของระยะเวลาในการเดินทางที่นานกว่าถ้าต้องขับรถไปจอดและเสียบสายชาร์จอีก ในปัจจุบันมีการนำเอาเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายนี้ไปใช้แล้วในรถบัสโดยสารขนาดใหญ่

ซึ่งจุดชาร์จนั้นจะติดตั้งอยู่ตามจุดจอดรถรับ-ส่งผู้โดยสาร ทำให้การมาจอดรถนั้นไม่สูญเวลาไปเปล่าๆ เพราะการชาร์จที่ให้กำลังไฟสูงถึง 200 กิโลวัตต์นั้น แม้จะจอดเป็นเวลาสั้นๆ แต่นั่นก็ทำให้รถมีพลังงาน กระนั้นแล้วภายใต้ความเรียบง่ายในการใช้งานที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องลงจากรถมาเสียบสายไฟระโยงระยางก็ต้องแลกมาด้วยงบประมาณการก่อสร้างและวางระบบที่สูงลิ่วเลยทีเดียว ก็คงต้องมาจับตาดูกันว่าเทคโนโลยีล้ำสมัยแบบนี้จะแพร่หลายและเข้าถึงผู้ใช้งานรถ EV ได้อย่างทั่วถึงเมื่อไหร่ หวังว่าป่านนั้นคุณผู้อ่านทุกท่านคงจะคุ้นชินกับรถถ่านพลังงานสะอาดมากขึ้น หรืออาจจะมีในครอบครองแล้วก็เป็นได้

 

ที่มา : motor1