เครื่องเสียงเป็นอุปกรณ์ที่แตกต่างกันในแต่ละรุ่นย่อยของรถยนต์รุ่นเดียวกัน โดยรุ่นเริ่มต้นมักจะเป็นวิทยุ font ธรรมดา ส่วนรุ่นที่แพงขึ้นไป จะเปลี่ยนไปใช้หน้าจอสัมผัสที่ขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ jalopnik จึงจุดประเด็นให้เรามาขบคิดกันว่า ถ้าไม่ใส่วิทยุมาเลยในรถยนต์รุ่นประหยัด เพื่อกดให้ราคาให้ต่ำลงไปอีก จะเป็นสิ่งที่รับได้หรือไม่
แนวคิดนี้มีผู้ทำจริงแล้วกับ Datsun Go ซึ่งออกจำหน่ายในอินเดีย โดยในตำแหน่งที่ใช้ติดตั้ง font วิทยุของรุ่นมาตรฐานถูกแทนที่ด้วยช่องเสียบ USB, AUX และจุดยึดโทรศัพท์มือถือ ผู้โดยสารจึงยังใช้โทรศัพท์ในการฟังเพลงได้ ด้วยการเชื่อมมือถือเข้ากับช่องเสียบดังกล่าว เพื่อให้เสียงออกทางลำโพงคู่หน้า ส่วนการนำทางสามารถทำได้ผ่านมือถือโดยตรง
ผู้เขียน jalopnik ระบุว่านี่เป็นไอเดียที่น่าสนใจ เนื่องจากผู้บริโภคที่ซื้อรถยนต์ได้มี smartphone เป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว ทั้งยังคุ้นชินกับการฟังเพลงและใช้ระบบนำทางผ่านโทรศัพท์ ผู้ผลิตจึงไม่ต้องลงทุนพัฒนาเครื่องเสียงทั้ง hardware และ software ขึ้นใหม่ ช่วยให้มีโอกาสที่จะลดราคารถยนต์ลงได้อีกไม่น้อย หรือ จะนำงบตรงนี้ไปพัฒนารถยนต์ในส่วนอื่นก็ได้
jalopnik ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ต่อให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อรถยนต์รุ่นที่มีราคาสูง หลายรายยังเลือกที่จะเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือเข้ากับรถยนต์ผ่าน Apple CarPlay และ Android Auto อยู่ดี เขาจึงมองว่าเราไม่จำเป็นต้องมีหน้าจอสัมผัสก็ได้ เพราะผู้บริโภคไม่น้อยเลือกใช้เครื่องเล่นเพลง และระบบนำทางบนมือถือโดยตรงบนรถยนต์ แม้จะมีระบบ infotainment ในรถยนต์มาให้
แม้จะเป็นไอเดียที่น่าสนใจ และสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค แต่ผู้เขียนมองว่าแนวคิดนี้คงนำไปปฏิบัติได้กับรถยนต์รุ่นประหยัดเท่านั้น เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มที่มีกำลังซื้ออีกระดับ ยังให้ความสำคัญกับความหรูหราดูดีในห้องโดยสารอยู่ และหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่สามารถตอบโจทย์นี้ได้ แม้เจ้าของอาจจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ ของหน้าจอนั้นยังเต็มศักยภาพก็ตามที
ที่มา: jalopnik