เดิมที Volvo Cars ประกาศว่าจะก้าวสู่การเป็นแบรนด์ รถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียวภายในปี 2030 แต่ล่าสุด บริษัทยอมปรับลดเป้าหมายดังกล่าว โดยเลื่อนกำหนดการเป็นแบรนด์ EV ล้วนในปี 2040 แทนพร้อมกล่าวย้ำว่าขุมพลังพ่วงระบบไฟฟ้า จะยังคงเป็นเสาหลักของกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ของ Volvo ต่อไป ทั้งยังตั้งเป้าที่จะสร้างก๊าซเรือนกระจกให้ได้เป็นศูนย์ภายในปี 2040
Volvo Cars ให้เหตุผลในการปรับเปลี่ยนแผนการเข้าสู่การเป็นแบรนด์ EV เต็มตัวว่าเกิดจากการที่สาธารณูปโภคที่ชาร์จขยายตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับการยุติการสนับสนุนทางการเงิน ของภาครัฐในหลายประเทศ และการตั้งกำแพงภาษีสกัด EV (จากจีน) จนทำให้เกิดความไม่แน่นอนของตลาด ทำให้บริษัทตัดสินใจปรับเปลี่ยนแผนกลยุทธ์ พิสูจน์ถึงความยืดหยุ่นในการปรับตัวเข้าหาความต้องการของลูกค้า
ในส่วนของเป้ายอดขาย Volvo Cars ตั้งเป้าไว้ว่า 90 – 100% ของยอดขาย Volvo ทั่วโลกในปี 2030 จะเป็นของรุ่นที่ใช้ขุมพลังพ่วงระบบไฟฟ้าทั้ง EV และ PHEV สำหรับสัดส่วนที่เหลือ 0 – 10% จะเป็นของ Volvo ที่ใช้ขุมพลัง Mild Hybrid สำหรับสัดส่วนยอดขายรถยนต์ ที่ใช้ขุมพลังพ่วงระบบไฟฟ้าของ Volvo ในปี 2025 ตั้งเป้าไว้ที่ 50 – 60% จากยอดขายทั้งหมด โดยในไตรมาสที่สองของปีนี้ Volvo มีสัดส่วนยอดขาย EV และ PHEV เป็น 48% ของยอดขายทั้งหมด
Volvo Cars ระบุว่าจะยังคงพัฒนารถยนต์ที่ใช้ขุมพลัง Mild Hybrid และ Plug-in Hybrid ต่อไป เพื่อใช้เป็นสะพานในการก้าวเข้าสู่การเป็นแบรนด์ EV ล้วน นอกจากนั้น Volvo Cars ยังปรับเปลี่ยนเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซ CO2 โดยในปี 2025 จะลดการปล่อยก๊าซให้ได้ 30 – 35% จากปริมาณก๊าซที่สร้างในปี 2018 (ปรับจากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 40%) และลดการปล่อยก๊าซลง 65 – 75% จากตัวเลขของปี 2018 จากเดิมที่ตั้งไว้ 75%
ที่มา: Volvo