หลังจากที่ Volkswagen ถูกเปิดโปงเรื่องดีเซลฉาว หนึ่งในบทลงโทษที่ทางผู้ผลิตต้องรับผิดชอบต่อผู้บริโภคคือซื้อรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลฉาวคืนจากลูกค้า ในกรณีที่หาทางลดมลพิษไม่ได้ แต่เนื่องจากมีลูกค้าชาวสหรัฐฯ นับแสนรายเลือกที่จะเข้าร่วมโครงการ ความปวดหัวจึงตกอยู่กับ Volkswagen ว่าจะทำอย่างไรต่อหลังจากนี้เพราะมีข้อกำหนดไม่ให้ขายรถยนต์ต่อ หากซ่อมแซมไม่ได้เสียด้วย

ข้อตกลงที่ Volkswagen ได้ทำกับทางการของสหรัฐฯ ระบุว่าถ้าผู้ผลิตไม่สามารถลดมลพิษของเครื่องยนต์ดีเซลในรถยนต์ที่ซื้อคืนมาได้ ผู้ผลิตไม่สามารถนำรถยนต์คันนั้นไปขายต่อ และห้ามไม่ให้ส่งออกไปยังประเทศที่มีกฎหมายควบคุมมลพิษเข้มงวดน้อยกว่าด้วย สำหรับปริมาณลูกค้าที่สนใจขายรถยนต์ดีเซลฉาวคืน ณ วันที่ 18 กุมภาพันธ์นั้นสูงถึง 288,000 คน และมีลูกค้าราว 138,000 คนที่ได้รับเงินคืนไปแล้ว

มูลค่ารถยนต์ที่ Volkswagen ซื้อคืนจากลูกค้านั้นขึ้นอยู่กับสภาพรถยนต์ ซึ่งอาจราคาสูงถึง 40,000 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 1,374,000 บาท) เลยทีเดียว ทั้งนี้ยังมีลูกค้าอีก 52,000 คนที่ยินยอมให้ Volkswagen ทำการซ่อมแซมรถยนต์ แต่นั่นเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้นเพราะทางการของสหรัฐฯ ระบุว่า ณ ตอนนี้ Volkswagen สามารถซ่อมแซมรถยนต์รุ่นปี 2015 ซึ่งเป็นรุ่นที่แก้ไขได้ง่ายที่สุดได้เพียงรุ่นปีเดียว มีจำนวนทั้งหมดเพียง 67,000 คัน

สำหรับแผนเสนอซ่อมแซมรถยนต์รุ่นปี 2009 – 2014 ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาโดยภาครัฐ ทั้งนี้ John German เจ้าหน้าที่อาวุโสของ International Council on Clean Transportation เสนอความเห็นว่ารถยนต์รุ่นที่ผลิตก่อนปี 2015 สามารถลดอัตราการปล่อยมลพิษได้ ด้วยการติดตั้งระบบฉีดสารยูเรียเข้าไปในทางเดินไอเสีย แต่ปัญหาอยู่ที่เรื่องค่าใช้จ่ายซึ่งสูงมาก เพราะต้องติดตั้งถังบรรจุยูเรียเข้าไปในรถยนต์ ที่ไม่ได้ออกแบบมาให้ใส่ชิ้นส่วนดังกล่าว

ฝากโฆษกหญิงของ Volkswagen เองได้กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญกับการทำสิ่งที่ถูกต้องให้กับลูกค้า พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าชาวสหรัฐฯ อีกครั้ง Fred Emich ผู้จัดการทั่วไปของ Volkswagen ใน Denver ระบุด้วยว่า บริษัทอาจพิจารณาทุบรถยนต์ที่ซื้อคืนมาทิ้ง หากพบว่าค่าใช้จ่ายในการทำลายนั้นถูกกว่าค่าซ่อมแซม

ไม่ว่า Volkswagen จะจัดการกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลฉาวด้วยวิธีใดก็ตาม พวกเขามีเวลาถึงวันที่ 20 มิถุนายน 2019 ในการซื้อรถยนต์ดีเซลฉาวไม่น้อยกว่า 85% จากจำนวนรถยนต์ทั้งหมดมากกว่า 200,000 คันกลับมาจากลูกค้า ซึ่งถ้าพวกเขาทำไม่ได้ ทุก 1% ที่ Volkswagen พลาดเป้าจะกลายเป็นค่าปรับมูลค่า 85 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 2,900 ล้านบาท) ที่ต้องจ่ายให้กับ EPA และอีก 13.5 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 460 ล้านบาท) ที่ต้องจ่ายให้กับ CARB

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจว่าเหตุใด Volkswagen ต้องจ้างคู่สัญญา รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการไกล่เกลี่ยมารับหน้ากับลูกค้าที่ตัวแทนจำหน่าย Volkswagen และ Audi เพื่อรับมือกับปัญหานี้โดยเฉพาะ แต่สุดท้ายพวกเขาจะรอดจากการถูกปรับเพิ่มหรือไม่นั้น เราต้องติดตามชมกันต่อไป

ที่มา: motortrend