สถานการณ์ยอดขายรถยนต์ในเยอรมนีอยู่ในสภาวะตึงเครียด เนื่องจากมีค่ายรถยนต์จีนหลายค่ายเข้ามาแย่งส่วนแบ่งผู้ผลิตรายเดิม แม้กระทั่งรายใหญ่อย่าง Volkswagen เองยังได้รับผลกระทบไปด้วย โดยในครึ่งแรกของปี 2024 บริษัทมียอดขายลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งยังมีผลกำไรจากการปฏิบัติการลดลง 11.4% แถม Volkswagen ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการลดรายจ่ายให้ได้ 10,000 ล้านยูโร (ราว 378,000 ล้านบาท) ให้ได้ภายในปี 2026 เพื่อเตรียมการก้าวเข้าสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้า
ด้วยปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมา ได้นำไปสู่การพิจารณาปิดโรงงานของ Volkswagen ในเยอรมนีเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ ซึ่งอาจไม่ใช่แค่โรงงานผลิตรถยนต์แห่งเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโรงงานผลิตชิ้นส่วนอีกแห่งด้วย โดย CEO ของ VW Group อย่าง Oliver Blume รับว่าตลาดรถยนต์ในยุโรปและสภาพเศรษฐกิจ มีสถานการณ์ตึงเครียดจากการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ ส่งผลให้ขีดความสามารถในการแข่งขัน ของโรงงานผลิตรถยนต์ที่ตั้งอยู่ในเยอรมนีลดลง จนบริษัทจำเป็นต้องพิจารณาลดรายจ่าย และได้ดำเนินการตามขั้นตอนมาทั้งหมดแล้ว
Thomas Schaefer ตำแหน่ง CEO ของ Volkswagen Passenger Cars ระบุว่าบริษัทจะยังคงยึดเยอรมนีเป็นฐานที่ตั้งในการดำเนินธุรกิจต่อไป แต่สภาพตลาดตึงเครียดมาก จนมาตรการลดรายจ่ายทั่วไปไม่สามารถช่วยได้ โดยบริษัทจะเริ่มกระบวนการเจรจากับตัวแทนพนักงาน เพื่อค้นหาทางออกในการปรับโครงสร้างบริษัทร่วมกันอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ มีการวิเคราะห์ว่าแผนการปิดโรงงานไม่น่าใช่เรื่องง่ายนัก เพราะเกือบครึ่งของผู้ดำรงตำแหน่งบอร์ดบริหาร ล้วนควบตำแหน่งตัวแทนฝั่งแรงงานด้วย โดยกระแสต่อต้านจากพนักงานได้เริ่มขึ้นแล้ว
สิ่งที่ทำให้เกิดความไม่พอใจคือ Volkswagen กำลังจะยุติโครงการความมั่นคงในอาชีพ ซึ่งบริษัทประกาศในปี 1994 ว่าบริษัทจะไม่ลดจำนวนพนักงานจนถึงปี 2029 ซึ่งฝ่ายต่อต้านได้ออกแถลงการณ์ว่า กระบวนการนี้ไม่ใช่แค่เป็นการมองอะไรเพียงใกล้ๆ แต่ยังอันตรายมาก เพราะการปลดคนนั้นแทบไม่ต่างจากการทำลายหัวใจของ Volkswagen ซึ่งสหภาพ IG Metall จะไม่ยินยอมให้พนักงานต้องมาเสียหายไปด้วย ปิดท้ายกับตัวเลขจำนวนพนักงานประจำของ Volkswagen ทั่วโลกราว 683,000 คน โดย 295,000 คนในนี้ปฏิบัติงานในเยอรมนี