ศาลในประเทศสหรัฐฯ ได้ปฏิเสธการยื่นอุทธรณ์ของ General Motors ในกรณีขอไม่รับรับผิดชอบ
เหยื่อของกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์ทำงานผิดพลาด ดับเครื่องยนต์เองกลางอากาศ ส่งผลให้มีผู้เสีย
ชีวิตจากข้อผิดพลาดดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 124 คน แม้ว่าจำเลย (General Motors) จะนำกฎหมาย
ล้มละลายมาอ้าง ว่ามีสิทธิ์ปัดหนี้สินที่เกิดจากการชดใช้ค่าเสียหายให้แก่เหยื่อที่ประสบอุบัติเหตุ
เกิดก่อน การล้มละลายในปี 2009

คดีนี้ค่อนข้างจะมีที่ไปที่มายาวเสียหน่อย ฉะนั้นแล้วเราจะมาเริ่มต้นที่ข้อบกพร่องของ กุญแจสตาร์ท
เครื่องยนต์ (หรือ Ignition Key) ของ General Motors ทำงานผิดพลาดกันก่อน โดยสาเหตุเกิดจาก
ตำแหน่ง Run ของกุญแจเปลี่ยนตำแหน่งได้เองในขณะที่กำลังขับขี่อยู่ ซึ่งสาเหตุอาจมีมาหลายปัจจัย
ไม่ว่าจะเป็นแรงกระเทือนจากถนนขรุขระ, เข่าคนขับไปกระแทก หรือแม้แต่พวงกุญแจที่เสียบช่อง
สตาร์ทอยู่นั้นมีน้ำหนักมากเกินไป

ทีนี้ เมื่อตำแหน่งของกุญแจเปลี่ยนเองกลางอากาศ เครื่องยนต์จะหยุดทำงานส่งผลให้อุปกรณ์ต่างๆ
รวมไปถึงพวงมาลัยเพาเวอร์, ระบบเบรก ABS และถุงลมนิรภัย  ไม่สามารถใช้งานได้ ดังนั้นจึงไม่น่า
แปลกใจว่าทำไมข้อบกพร่องนี้ถึงนำมาสู่ความสูญเสียแก่ลูกค้าของ GM ทั้งบาดเจ็บ, พิการ หรือแม้
กระทั่งเสียชีวิต เนื่องจากอุปกรณ์ช่วยชีวิตไม่ทำงานเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

หลังจากที่เป็นข่าวขึ้นมา General Motors ถึงเริ่มเรียกรถยนต์รุ่นที่ได้รับผลกระทบหลัก หลาย
ล้านคันกลับมาทำการแก้ไข ทั้งนี้มีรายงานว่าอันที่จริง GM ทราบเรื่องนี้มาเป็นทศวรรษแล้ว แต่
กลับเก็บไว้เป็นความลับจนนำไปสู่ความเสียหายในวงกว้าง สุดท้ายผู้ผลิตรถยนต์รายนี้จึงตกเป็น
จำเลยถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจำนวนมาก จากทั้งผู้เสียหายภาคเอกชน และภาครัฐที่เกี่ยวข้อง

สำหรับตัวเลขผู้เสียชีวิต 124 คนนั้น เป็นตัวเลขที่ General Motors ยอมรับผิดพร้อมดำเนินการชดใช้
ความเสียหาย แต่นั่นเป็นเพียง 10% ของคำร้องจากลูกค้าทั้งหมดจำนวน 4,343 กรณี (ตัวเลขนี้รวมผู้ที่
ได้รับบาดเจ็บ หรือทรัพย์สินเสียหายด้วย ไม่ใช่ผู้เสียชีวิตอย่างเดียว) ที่ยื่นหนังสือเรียกร้องค่าเสียหาย
จาก General Motors โดยตรง สำหรับอัตราชดใช้ค่าเสียหายต่อร่างการ และชีวิตที่ทางจำเลยเสนอให้
ผู้เสียหาย มีดังต่อไปนี้

– กรณีเสียชีวิต

สูงสุด 1,000,000 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 34,410,000 บาท) ไม่รวมเงินเยียวยาบุคคลที่ผู้เสียชีวิต
ต้องดูแล หรือทายาทอีกรายละ 300,000 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 10,323,000 บาท)

– กรณีบาดเจ็บ

โดยมาก General Motors ต้องชดใช้เงินเยียวยาในมูลค่าที่สูงกว่ากรณีเสียชีวิต ซึ่งจะคิดเป็น
กรณีไป แต่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจะได้เงินชดเชยในอัตรา 20,000 – 500,000 ดอลล่าร์สหรัฐ
(ราว 688,000 – 17,205,000 บาท)

เบ็ดเสร็จ General Motors ได้สูญเงินไปไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 86,000 ล้านบาท)
แล้วต่อกรณีกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์ขัดข้อง ซึ่งเงินจำนวนนี้ยังรวมไปถึงเงินชดเชยเหยื่อและครอบครัว
มูลค่า 600 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 20,646 ล้านบาท) พร้อมค่าปรับของกรมยุติธรรมในประเทศสหรัฐฯ
(U.S. Justice Department) อีก 900 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 30,969 ล้านบาท)

กลับเข้ามาที่เรื่องเดิมที่ General Motors ยื่นอุทธรณ์ปฏิเสธความรับผิดชอบต่อเหยื่อที่เกิดขึ้นก่อนการ
ล้มละลายของบริษัทในปี 2009 โดยอ้างกฎหมายล้มละลายว่า บริษัทที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่หลังล้มละลาย
ไม่จำเป็นต้องใช้หนี้ที่เกิดจากบริษัทเก่า และบริษัทจะขอชดใช้ต่อความเสียหายที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุ
ที่เกิดขึ้นหลังปี 2009 เท่านั้น

ล่าสุด ในวันจันทร์ที่ผ่านมา ศาลได้ตัดสินว่าจำเลยไม่สามารถนำกฎหมายล้มละลายมาเป็นข้อแก้ตัวได้
ซึ่งนั่นหมายความว่า General Motors ต้องเตรียมจ่ายเงินสินไหมต่อคดีฟ้องร้องทางแพ่งอื่นๆ ที่จะตามมา
ทั้งเรื่องความเสียหายต่อชีวิต, ร่างกาย และทรัพย์สิน นอกจากนี้ มีการประเมินว่าค่าเสียหายหลังจากนี้อาจ
สูงถึง 10,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 344,000 ล้านบาท) เลยทีเดียว

นอกจากคดีความกับลูกค้าแล้ว General Motors ยังต้องเตรียมรับวิกฤตครั้งใหญ่ด้วย เพราะผู้ผลิต
รถยนต์รายนี้จะถูกสอบสวนจากอัยการจาก 49 รัฐ และยังจะถูกสอบสวนโดยอัยการของ Arizona
และ California แยกออกมาอีกส่วนด้วย

ที่มา: detroitnews, motortrend, gmignitionupdate