By Gigabright
ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยากลำบากชนิดที่อะไรก็แพงไปหมดแบบนี้ หลายคนก็ต่างต้องหาทางปรับตัวเพื่อความอยู่รอดกันไป ไม่ว่าจะเป็นการรัดเข็มขัดประหยัดเงินให้มากยิ่งขึ้น, การทำงานเสริมหรือหารายได้พิเศษที่เอาไว้ช่วยจุนเจือตนเองอีกทาง และอย่างสุดท้ายที่มีกันมาอย่างช้านานในทั่วทุกมุมโลก นั่นก็คือ “การขโมย” นั่นเอง
อย่างที่คุณผู้อ่านหลายๆท่านรวมถึงบรรดาผู้ที่มีความสนใจในเรื่องของรถยนต์พอจะทราบกันดีว่ามีชิ้นส่วนหนึ่งในรถยนต์ที่มูลค่าค่อนข้างสูงและสามารถถอดออกไปขาย-แลกเปลี่ยนเป็นของแต่งแถมเงินกลับบ้านได้ ดังเช่นที่เราพอจะเห็นกันตามโฆษณาในโลกออนไลน์ เจ้าสิ่งๆนี้เรียกว่า “แคทตาไลติก” หรือชื่อเต็มๆว่า Catalytic convertor ซึ่งมีทองคำขาวเป็นหนึ่งในส่วนประกอบ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเป็นที่รู้กันโดยแพร่หลายแล้วว่ามันมีมูลค่า ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่มันจะตกเป็นเป้าหมายของบรรดาหัวขโมย
ปฏิบัติการบุกค้นและจับกุมแก๊งลักอะไหล่ครั้งนี้เกิดขึ้นที่เมือง Houston รัฐ Texas ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมข้อมูล-หลักฐานจากการแกะรอยมาระยะหนึ่ง หลังจากมีเหตุแจ้งจากประชาชนว่ามีรถยนต์ถูกถอดแคทตาไลติกกันอย่างต่อเนื่องถึง 6,000 เคสนับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ภายหลังการบุกค้นในบ้านหลังนั้นพบว่ามีอะไหล่แคทตาไลติกกองอยู่มากถึง 477 ชิ้น, Oxygen sensor 2,800 ชิ้น และอะไหล่รถยนต์ต่างๆอีกหลายรายการเลยทีเดียว รวมมูลค่าของกลางได้มากกว่า 1 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ (ประมาณ 42 ล้านบาท)
จากการขยายผลจับกุมทำให้ทราบว่ามีการทำงานเป็นขบวนการ โดยมีสถานที่สำหรับซุกซ่อนอะไหล่ที่ลักลอบขโมยมาอยู่ทั้งหมด 7 ที่ในเมือง Houston โดยรถยนต์รุ่นยอดนิยมที่เป็นเหยื่อของแก๊งขโมยแมว (แคทตาไลติก หรือที่เรียกสั้นๆว่า “แคท”) นั้นก็คือ Toyota Tundra ที่อะไหล่ชิ้นนี้มีราคาอยู่ที่ 1,800-3,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ (ประมาณ 64,000-107,310 บาท) ถ้าคุณจะต้องไปตามหามันกลับมาใส่คืน
นอกจากนี้รถยนต์รุ่นที่ตกเป็นเป้าหมายก็คือ Honda Accord และ Ford F-series รวมไปถึง Toyota Camry – Prius ด้วยที่เพิ่งถูกคาดชื่อในลิสท์มาหมาดๆ เรียกได้ว่าเจ้าของรถรุ่นเหล่านี้ถึงกับต้องไปก้มดูใต้ท้องรถตัวเองกันเลยทีเดียวเมื่อทราบข่าวนี้ เพราะจากการสอบสวนมีข้อมูลว่าขบวนการลักแมวนี้มีมาอย่างยาวนาน หากคิดมูลค่าของอะไหล่ที่พวกเขาได้ขโมยไปนั้น มีมูลค่ารวมสูงกว่า 12 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ประมาณ 42.9 ล้านบาท) กันเลยทีเดียว!
อย่างไรก็ตามทางฝั่งผู้ผลิตรถยนต์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด มีการคิดค้นและหาวิธีรับมือกับปัญหานี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการประทับตราเลขตัวถัง (Vehicle Identification Number หรือ VIN) ไว้บนตัวอะไหล่แคทตาไลติก หรือการออกกฎหมายลงโทษแก่ร้านค้า-อู่ซ่อมรถที่รับซื้อชิ้นส่วนแคทตาไลติกด้วย ซึ่งก็ต้องมาดูกันในระยะยาวข้างหน้าว่ามันจะได้ผลมากน้อยเพียงใด
ที่มา: caraanddriver