แม้กำหนดการแบนการจำหน่ายรถยนต์ใหม่ ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปจะยังไม่มีผลบังคับใช้ในตอนนี้ แต่ในบางพื้นที่เริ่มบังคับใช้มาตรการชิมลางแล้วรวมถึง London อังกฤษ ที่มีเขตพื้นที่มลพิษต่ำเป็นพิเศษหรือ ULEZ (Ultra Low Emission Zone) ซึ่งบังคับใช้ในเขต Central London ตั้งแต่ปี 2019 ก่อนจะขยายมายังเมืองเขตชั้นใน ล่าสุด จะมีการขยายให้ครอบคลุมพื้นที่ Greater London ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงเขตพักอาศัยชานเมืองด้วย

 

ULEZ กำหนดเอาไว้ว่าผู้ที่จะขับรถยนต์ส่วนตัวเข้าพื้นที่ดังกล่าว ด้วยรถยนต์ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ควบคุมมลพิษซึ่งหมายถึงรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน รุ่นก่อนปี 2006 ส่วนใหญ่ และ รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล รุ่นก่อนปี 2015 ส่วนใหญ่ จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในอัตรา 12.50 ปอนด์ (ราว 550 บาท) ต่อวัน ซึ่งนี่ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมใช้ถนนในช่วงเวลาเร่งด่วน หรือ Congestion Charge ซึ่งอยู่ที่ 15 ปอนด์ (ราว 600 บาท) ต่อวัน

ผู้ที่ฝ่าฝืนไม่จ่ายค่าธรรมเนียม ULEZ จะถูกปรับในอัตราสูงสุด 180 ปอนด์ (ราว 8,000 บาท) แต่ถ้าชำระภายใน 14 วัน จะลดอัตราโทษเหลือ 90 ปอนด์ (ราว 4,000 บาท) กฎดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนที่รายได้ไม่สูงนักเป็นจำนวนมาก พร้อมให้เหตุผลว่าพวกเขาจำเป็นต้องใช้รถยนต์ในการเดินทาง เพราะขนส่งมวลชนนอกเมืองไม่ได้ดีเท่าเขตเมือง อีกทั้งพวกเขาไม่ได้มีเงินมากพอที่จะไปซื้อรถยนต์รุ่นใหม่

 

ด้านฝ่ายสนับสนุนระบุว่า ULEZ จะช่วยแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ที่ส่งผลให้มีชาวอังกฤษเสียชีวิตปีละ 4,000 ราย แถมภาครัฐยังขยายมาตรการเพิ่มเงินสนับสนุนให้สูงสุด 2,000 ปอนด์ (ราว 89,000 บาท) ให้กับผู้ที่นำรถยนต์ไปขายทิ้งเพื่อทำลาย ก่อนที่ฝ่ายต่อต้านจะสวนกลับว่า เงินแค่นี้ไม่พอนำไปซื้อรถยนต์ใหม่ และย้ำว่าค่าธรรมเนียม ULEZ ยิ่งทำให้คนจนจนลงเข้าไปอีก

ล่าสุด มีกลุ่มคนที่เรียกตนเองว่า The Blade Runners เผยแพร่วีดีโอการทำลายกล้องอ่านป้ายทะเบียน เพื่อใช้ในการเรียกค่าปรับของ ULEZ บนโลกออนไลน์ นำไปสู่การลองกเลียนแบบ เพราะตำรวจระบุว่าในตอนนี้มีกล้องที่เกี่ยวข้องกับ ULEZ หลายร้อยตัวถูกทำลาย, ขโมย หรือถูกตัดสายไฟ โดยบางรายงานระบุว่ามีไม่น้อยกว่า 600 ตัวเลยทีเดียว จึงต้องติดตามต่อว่ากระแสต่อต้านนี้ จะนำไปสู่การพิจารณาเกณฑ์ ULEZ ใหม่หรือไม่

 

ที่มา: carscoops, abcnews