ดังที่เราได้รายงานในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมาว่า Toyota เตรียมเปิดตัวแบรนด์ย่อยเน้นสมรรถนะที่ประเทศญี่ปุ่น (อ่านข่าวย้อนหลังได้ ที่นี่) บัดนี้ผู้ผลิตได้ทำตามสัญญาแล้วด้วยการเปิดตัวแบรนด์ GR ซึ่งเป็นการนำรถยนต์ Toyota ที่มีอยู่แล้วมาปรับปรุงทั้งภายนอกและภายใน รวมไปถึงช่วงล่าง เบื้องต้นมีให้เลือกด้วยกัน 6 รุ่นตัวถัง และยังมีอีก 4 รุ่นที่จะตามมาในอนาคตอีกด้วย
ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกับรถยนต์แต่ละรุ่น เรามาทำดูเรื่องแบรนด์ GR หรือ Gazoo Racing กันก่อนซึ่งนี่เป็นความพยายามของ Toyota ที่จะสร้างภาพลักษณ์ “รถยนต์ที่ขับขี่สนุกอีกครั้ง” และดูเหมือนว่า Toyota จะเอาจริงไม่น้อยเลยเพราะแบรนด์ GR สามารถแบ่งออกเป็น 4 ระดับตามแบบปีระมิดด้วยกัน ดังภาพ
- GRMN: อยู่ระดับบนสุด เน้นการแข่งขัน, พัฒนารถยนต์ที่โมเครื่องมาด้วย, เป็นต้นน้ำของการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปยังแบรนด์ย่อยที่อยู่ในระดับถัดไป
- GR: อยู่ระดับที่ 2 จากบนสุด เน้นไปทางปรับปรุงรูปลักษณ์และช่วงล่าง
- GR Sport: อยู่ระดับที่ 3 จากบนสุด เหมือน GR แต่ขยายไปยังรถยนต์ประเภท Minivan
- GR Parts: อยู่ระดับล่างสุด มีหน้าที่จำหน่ายชิ้นส่วนสำหรับคนที่อยากแต่งเพิ่ม
ต่อไปคือเวลาที่เราจะกลับมาทำความรู้จักกับตัวแรงของ GR กันเสียที ซึ่งลูกค้าชาวญี่ปุ่นสามารถสั่งซื้อรถยนต์ GR ได้ตั้งแต่ 19 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีทั้งหมด 6 รุ่นตัวถัง ส่วนรายละเอียดของแต่ละรุ่นมีดังต่อไปนี้
Vitz GR/ Vitz GR Sport
ราคาเริ่มต้นที่ 2,303,640 เยน (ราว 680,000 บาท)/ ราคาเริ่มต้นที่ 2,087,640 เยน (ราว 616,000 บาท)
สีที่มีให้เลือก
- สีขาว Super White II
- สีขาวมุก White Pearl Crystal Shine (สีพิเศษ)
- สีเงิน Silver Metallic
- สีเทา Gray Metallic
- สีดำ Black Mica
- สีแดง Super Red V
- สีเหลือง Luminous Yellow (สีพิเศษ)
- สีน้ำเงิน Blue Metallic
อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพิ่มมาให้
- เพิ่มจุดสปอตตัวถัง
- พวงมาลัยวงเล็กลง
- เกียร์ Sport Shift Sequential 10 จังหวะ (เฉพาะรุ่นเกียร์อัตโนมัติ CVT)
- ช่วงล่างแต่งพิเศษจาก SACHS (เฉพาะรุ่น GR)
- เพิ่มจุดค้ำตัวถัง (เฉพาะรุ่น GR)
- แป้นเหยียบอลูมิเนียม (เฉพาะรุ่น GR)
Prius PHV GR Sport ราคาเริ่มต้นที่ 3,711,960 เยน (ราว 1,096,000 บาท)
สีที่มีให้เลือก
- สีขาวมุก White Pearl Crystal Shine (สีพิเศษ)
- สีเงิน Silver Metallic
- สีเทา Gray Metallic
- สีดำ Attitude Black Mica
- สีแดง Emotional Red (สีพิเศษ)
- สีเขียว Thermo-tect Lime Green (สีพิเศษ)
- สีฟ้า Spirited Aqua Metallic
อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพิ่มมาให้
- ช่วงล่างแต่งพิเศษ
- เพิ่มจุดค้ำตัวถัง
- หน้าปัดพิเศษพร้อมโลโก้ GR
- หัวเกียร์รมดำ
- แป้นเหยียบอลูมิเนียม
- พวงมาลัยวงเล็กลง
Harrier GR Sport ราคาเริ่มต้นที่ 3,398,760 เยน (ราว 1,003,000 บาท)
สีที่มีให้เลือก
- สีขาวมุก White Pearl Crystal Shine (สีพิเศษ)
- สีเงินSilver Metallic
- สีดำBlack
- สีดำมุกSparkling Black Pearl Crystal Shine (สีพิเศษ)
- สีแดงDark Red Mica Metallic
- สีน้ำเงินDark Blue Mica Metallic
อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพิ่มมาให้
- ช่วงล่างแต่งพิเศษ
- เพิ่มจุดสปอตตัวถังพร้อมเพิ่มจุดค้ำตัวถัง
- หน้าปัดพิเศษพร้อมโลโก้ GR
- ท่อไอเสียแบบพิเศษ
- ตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอน
- พวงมาลัยวงเล็กลง
Mark X GR Sport ราคาเริ่มต้นที่ 3,809,160 เยน (ราว 1,124,000 บาท)
สีที่มีให้เลือก
- สีขาวมุก White Pearl Crystal Shine (สีพิเศษ)
- สีเงินSilver Metallic
- สีดำBlack
- สีดำมุกPrecious Black Pearl (สีพิเศษ)
- สีแดงDark Red Mica Metallic
- สีน้ำเงินTrue Blue Mica Metallic
อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพิ่มมาให้
- ช่วงล่างแต่งพิเศษ
- เพิ่มจุดสปอตตัวถังพร้อมเพิ่มจุดค้ำตัวถัง
- หน้าปัดพิเศษพร้อมโลโก้ GR
- ท่อไอเสียแบบพิเศษ
- ตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอน
- พวงมาลัยวงเล็กลง
- ไฟ LED
Voxy GR Sport ราคาเริ่มต้นที่ 3,257,280 เยน (ราว 961,000 บาท)
สีที่มีให้เลือก
- สีขาวมุก White Pearl Crystal Shine (สีพิเศษ)
- สีเงินSilver Metallic
- สีดำBlack
- สีเขียว Inazuma Sparking Black Glass Flake (สีพิเศษ)
- สีน้ำเงิน Blackish Ageha Glass Flake (สีพิเศษ)
อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพิ่มมาให้
- ช่วงล่างแต่งพิเศษ
- เพิ่มจุดค้ำตัวถัง
- หน้าปัดพิเศษพร้อมโลโก้ GR
- แป้นเหยียบอลูมิเนียม
- พวงมาลัยวงเล็กลง
- หัวเกียร์หุ้มหนังเดินด้ายสีเงิน
Noah GR Sport ราคาเริ่มต้นที่ 3,257,280 เยน (ราว 961,000 บาท)
สีที่มีให้เลือก
- สีขาวมุก White Pearl Crystal Shine (สีพิเศษ)
- สีขาวมุก Luxury White Pearl Crystal Shine Glass Flake (สีพิเศษ)
- สีเงินSilver Metallic
- สีดำBlack
- สีน้ำเงิน Blackish Ageha Glass Flake (สีพิเศษ)
อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพิ่มมาให้
- ช่วงล่างแต่งพิเศษ
- เพิ่มจุดค้ำตัวถัง
- หน้าปัดพิเศษพร้อมโลโก้ GR
- แป้นเหยียบอลูมิเนียม
- พวงมาลัยวงเล็กลง
- หัวเกียร์หุ้มหนังเดินด้ายสีเงิน
นอกจากนั้น Toyota ยังเปิดเผยรายละเอียดของ GR รุ่นที่จะออกจำหน่ายในอนาคตอันใกล้อีก 4 รุ่น ดังรายละเอียดต่อไปนี้
Vitz GRMN
อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพิ่มมาให้
- เบาะพิเศษ
- ช่วงล่างแต่งพิเศษจาก SACHS
- เพิ่มจุดค้ำตัวถัง
- หน้าปัดพิเศษพร้อมโลโก้ GR
- แป้นเหยียบอลูมิเนียม
- ล้อ Forged จาก BBS
- พวงมาลัยวงเล็กลง
- Limited Slip Differential
เครื่องยนต์: 1.8 ลิตร Supercharger ให้กำลังไม่ต่ำกว่า 210 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร
กำหนดการเปิดตัว: ช่วงเดือนมีนาคม – มิถุนายน 2018
86 GR
อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพิ่มมาให้
- ชุดแต่งรอบคัน
- ช่วงล่างแต่งพิเศษจาก SACHS
- เบาะพิเศษจาก Recaro
- ล้อ Forged จาก Rays
- พวงมาลัยวงเล็กลง
- คาลิปเปอร์เบรกหน้า 6 พอต หลัง 4 พอต
- ปลายท่อไอเสียเดี่ยว
- Limited Slip Differential แบบ Torsen
เครื่องยนต์: 2.0 ลิตร
กำหนดการเปิดตัว: ช่วงเดือนธันวาคม 2017 – มีนาคม 2018
Aqua GR Sport
อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพิ่มมาให้
- ช่วงล่างแต่งพิเศษ
- เพิ่มจุดสปอตตัวถัง
- หัวเกียร์หุ้มหนัง
- เพิ่มจุดค้ำตัวถัง (เฉพาะรุ่นที่ใส่ล้อขนาด 17 นิ้ว)
- วัดรอบเครื่องยนต์ (เฉพาะรุ่นที่ใส่ล้อขนาด 17 นิ้ว)
- แป้นเหยียบอลูมิเนียม (เฉพาะรุ่นที่ใส่ล้อขนาด 17 นิ้ว)
เครื่องยนต์: 1.5 ลิตร Hybrid THS II
กำหนดการเปิดตัว: ช่วงเดือนธันวาคม 2017 – มีนาคม 2018
Prius Alpha GR Sport
อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพิ่มมาให้
- ช่วงล่างแต่งพิเศษ
- เพิ่มจุดค้ำตัวถัง
- วัดรอบเครื่องยนต์พร้อมโลโก้ GR
- หัวเกียร์หุ้มหนัง
- ภายในตกแต่งพิเศษพร้อมเดินด้ายแบบใหม่
- แป้นเหยียบอลูมิเนียม (เฉพาะรุ่นที่ใส่ล้อขนาด 17 นิ้ว)
เครื่องยนต์: 1.8 ลิตร Hybrid THS II
กำหนดการเปิดตัว: ช่วงเดือนธันวาคม 2017 – มีนาคม 2018
ช่องทางการสั่งซื้อรถยนต์ GR สามารถทำได้ที่ตัวแทนจำหน่าย Toyota ทั่วประเทศญี่ปุ่น นอกจากนั้น ยังจะมีการก่อตั้งร้าน GR Garage พร้อมเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาลูกค้าที่สนใจ เบื้องต้นจะเปลี่ยนร้าน AREA 86 ที่มีอยู่แล้วเป็น GR Garage แทน พร้อมกับวางแผนเอาไว้ว่าจะปิด AREA 86 ทั้งหมดภายในเดือนมีนาคม 2018 และเปิด GR Garage อีก 39 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่นภายในเดือนเมษายนปีหน้า
ที่มา: toyota