โดยปกติแล้ว ผู้ที่ขับขี่รถยนต์ใน Texas สหรัฐฯ จะเสียภาษีส่งเสริมกองทุนบำรุงทางหลวงในพื้นที่ ผ่านภาษีที่รวมอยู่ในเชื้อเพลิงอัตรา 0.20 USD (ราว 9 บาท) ต่อแกลลอน ภาครัฐจึงมองว่าผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ควรมีส่วนร่วมตรงนี้ด้วย นำไปสู่การเสนอกฎหมาย Texas Senate Bill 505 ซึ่งกำหนดให้มีการเก็บภาษีจากผู้ขับขี่ EV และได้รับการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

กฎหมายฉบับนี้กำหนดให้ผู้ที่จดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ใน Teaxs จะต้องชำระภาษีในอัตรา 400 USD (ราว 13,000 บาท) จากนั้นทุกปีที่มีการต่อภาษี เจ้าของต้องชำระภาษีในอัตราปีละ 200 USD (ราว 6,800 บาท) Texas Senate Bill 505 จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2023 โดยมีผลต่อรถยนต์ไฟฟ้า EV เท่านั้น ไม่มีผลต่อรถยนต์ Hybrid, PHEV หรือยานพาหนะขุมพลังไฟฟ้ารูปแบบอื่น เช่น จักรยานยนต์ไฟฟ้า

 

ภาครัฐคาดว่าการเก็บภาษีรูปแบบนี้จะสร้างรายได้สมทบกองทุนมูลค่า 38 ล้าน USD (ราว 1,300 ล้านบาท) ซึ่งฟังดูเยอะเพราะในตอนนี้มีรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งอยู่ใน Texas เป็นจำนวนเกือบ 200,000 คัน และเพิ่มจำนวนขึ้นในปีนี้ราว 30,000 คัน อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับภาษีที่รวมอยู่ในเชื้อเพลิงเบนซินและดีเซล จะพบว่าแตกต่างกันมาก เพราะคาดว่าภาษีจากเชื้อเพลิงจะมีมูลค่าสูงถึง 3,800 ล้าน USD (ราว 130,000 ล้านบาท) ในปีนี้

อย่างไรก็ตาม มีกระแสแสดงความไม่พึงพอใจต่อ Texas Senate Bill 505 เนื่องจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยระบุว่าค่าเฉลี่ยของจำนวนภาษี ที่รวมอยู่ในเชื้อเพลิงที่คนทั่วไปใช้อยู่ที่ปีละ 130 USD (ราว 4,400 บาท) อัตรา 200 USD ต่อปีสำหรับผู้ขับขี่ EV จึงสูงกว่า ทั้งยังเคยมีข้อเสนอลดอัตราการเก็บภาษีประจำปีของ EV เป็นปีละ 100 USD (ราว 3,400 บาท) ในเดือนเมษายน แต่ถูกปัดตกไป

 

ที่มา: insideevs, carscoops