โดยปกติแล้วการ update software ควรจะส่งผลให้สมรรถนะของระบบสูงขึ้น แต่กับ Tesla นั้นในบางครั้งกลับมีผลกระทบด้านลบ ดังที่เราเคยรายงานไปในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเรื่อง Tesla ลดความเร็วการชาร์จในนอร์เวย์ ล่าสุด มีเหตุการณ์ทำนองเดียวกันเกิดขึ้นในสหรัฐฯ นำไปสู่การยื่นฟ้องและไกล่เกลี่ย โดยตอนจบของเรื่องคือ บริษัทยอมจ่ายเงินลูกค้ากลุ่มที่ได้รับผลกระทบ

เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2021 กลุ่มเจ้าของรถยนต์ Tesla Model S ในสหรัฐฯ ได้ข้อสรุปหลังยื่นฟ้อง Tesla กับศาล U.S. District Court in San Francisco ว่าบริษัทได้ลดค่าสูงสุดของ voltage การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของพวกเขาลง 10% ผ่านการ update software แบบ over-the-air เมื่อเดือนสิงหาคม 2019 ส่งผลให้มี EV รุ่นดังกล่าว ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,743 คัน

การลด voltage ชาร์จไฟแบตเตอรี่ลง 10% มีผลนาน 3 เดือน ก่อนที่ค่าดังกล่าวจะลดลงเหลือ 7% พร้อมทั้งมีผลอีก 7 เดือนถัดไป จากนั้นถึงหายขาดจากการ update ในเดือนมีนาคม 2020 ซึ่งในระหว่างนี้มี Tesla Model S จำนวน 57 คัน เข้ารับการเปลี่ยนแบตเตอรี่เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ส่วนคันอื่นที่ได้รับผลกระทบเดียวกันอีก 1,552 คัน แม้จะได้ voltage การชาร์จสูงสุดกลับมาเท่าเดิม แต่ก็ใช้เวลานาน

สำหรับผลของการไกล่เกลี่ยนั้น Tesla ยินยอมจ่ายเงินกลุ่มลูกค้ารวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,499,375 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 49,884,000 บาท) โดยแบ่งเป็นเงินเยียวยาลูกค้ารายละ 625 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 20,000 บาท) หรือ รวมทั้งสิ้น 1,089,375 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 36,243,000 บาท) ส่วนอีก 410,000 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 13,640,000 บาท) ที่เหลือเป็นค่าดำเนินการที่เกี่ยวข้องทางกฎหมาย รวมไปถึงค่าทนายฝ่ายโจทก์

 

ที่มา : carscoops