ในที่สุดรถยนต์ไฟฟ้าน้องเล็กจากบริษัทของ Elon Musk อย่าง Tesla Model 3 ได้ถึงกำหนดส่งมอบให้กับลูกค้าเสียที โดยในโอกาสนี้ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดคร่าวๆอย่างเป็นทางการ พร้อมกับแผนการผลิตในอนาคตด้วย เบื้องต้น Tesla Model 3 จะแบ่งออกเป็น 2 รุ่นย่อยด้วยกัน ทั้งคู่ขับเคลื่อนล้อหลัง ด้วยมอเตอร์เดี่ยว แต่ระยะทางเดินทางสูงสุดระหว่าง 2 รุ่นนี้ไม่เท่ากัน เนื่องจากใช้แบตเตอรี่ขนาดต่างกัน
มิติตัวถังของ Tesla Model 3
- ยาว x กว้าง x สูง : 4,694 x 1,849 x 1,443 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ Wheelbase : 2,875 มิลลิเมตร
- ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน cd = 0.23
- เบาะนั่ง 5 ที่นั่ง
- ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย รวมกันด้านหน้า และ ด้านหลัง 424 ลิตร (เนื่องจากไม่มีเครื่องยนต์ ฝากระโปรงหน้าจึงสามารถเก็บสัมภาระได้)
ซึ่งถือว่ามีมิติตัวถังที่ยาวกว่า และ กว้างกว่าคู่แข่งอย่าง BMW 3-Series เล็กน้อย รวมถึงมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ต่ำ เนื่องจากมีหลังคาที่ลู่ลม การออกแบบเน้นความเรียบง่าย ไม่ต่างจากรถยนต์ต้นแบบ และ ภาพ Spyshot ที่เห็นก่อนหน้านี้
ภายในของ Tesla Model 3 เน้นความเรียบง่ายเช่นกัน เพราะ มีเพียงพวงมาลัย 3 ก้านดีไซน์ใหม่ พร้อมติดตั้งหน้าจอระบบสัมผัส Touchscreen กึ่งกลางแดชบอร์ดหน้าขนาด 15.4 นิ้ว ทำหน้าที่ทั้งแสดงความเร็ว, ตำแหน่งเกียร์, ระบบนำทาง, ควบคุมระบบปรับอากาศ, ข้อมูลตัวรถ และ ระบบเครื่องเสียง
แม้ว่า Tesla Model 3 จะมีหลังคาด้านหลังที่ลาดเอียงมาก แต่ Auto Express แสดงความเห็นว่า พื้นที่เหนือศีรษะสำหรับผู้โดยสารตอนหลังทำได้ดี และ ยิ่งมีพื้นที่มากไปขึ้นอีก เมื่อติดตั้งหลังคาแก้ว Panoramic Sunroof เพิ่ม พื้นที่วางขา Legroom ถือว่าทำได้ดีทั้งสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า และ ตอนหลัง
ในส่วนของงานวิศวกรรม เบื้องต้นมีการเปิดเผยข้อมูลแค่ว่า Tesla Model 3 ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียว ส่งกำลังผ่านล้อหลัง ในตอนนี้แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อยด้วยกัน ดังรายละเอียดต่อไปนี้
รุ่น Standard
ทำอัตราเร่ง 0 – 96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 5.6 วินาที ความเร็วสูงสุดได้ 209 กิโลเมตร/ชั่วโมง เดินทางเป็นระยะทางสูงสุดต่อการชาร์จ 1 ครั้งได้ 354 กิโลเมตร
รุ่น Long Range
ทำอัตราเร่ง 0 – 96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 5.1 วินาที ความเร็วสูงสุดได้ 225 กิโลเมตร/ชั่วโมง เดินทางเป็นระยะทางสูงสุดต่อการชาร์จ 1 ครั้งได้ 498 กิโลเมตร
การกระจายน้ำหนักหน้า – หลัง (weight distribution) ของ Tesla Model 3 อยู่ที่ 47 : 53
- พวงมาลัยไฟฟ้าเป็นแบบแปรผัน Speed Sensitive Power Steering
- ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ Double Wishbone
- ช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบ Multi-link
สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว มีแผนที่จะตามมาในภายหลัง ทั้งยังอาจมี software ที่ปลดล็อคความแรงอย่าง Ludicrous Mode ตามมาอีกด้วย
สำหรับระบบขับขี่อัตโนมัติ Autopilot นั้น ได้รับการเตรียมการด้วยการติดตั้ง กล้อง 8 ตัวรอบคัน, ultrasonic sonar เซนเซอร์ 12 ตัว, เรดาร์ด้านหน้า พร้อมระบบประมวลผล มาให้ใน Tesla Model 3 ทุกคัน
แต่ถ้าจะให้ระบบอัตโนมัติทำงานได้ต้องเสียเงินซื้อ Enhanced Autopilot Package เพิ่มในราคา 5,000 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 166,000 บาท) และ สามารถจ่ายเพิ่มอีก 3,000 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 100,000 บาท) เพื่อติดตั้ง Full Self- Driving Capability หรือ ระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ
โดยสรุปอุปกรณ์ที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อยของ Tesla Model 3 มีดังต่อไปนี้
ภายนอก
- ไฟหน้า LED
- ล้อขนาด 18 นิ้ว
ภายใน
- เบาะนั่งหุ้มด้วยผ้า พร้อมเบาะหลังพับได้แบบ 60 : 40
- คอลโซลกลางสำหรับเก็บของ พร้อมฝาปิดและช่อง USB 2 ตำแหน่ง
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ Dual Zone
- ระบบสั่งการด้วยเสียง
- วิทยุ FM และ Internet Streaming
- ระบบเชื่อมต่อ internet แบบ Wi-Fi และ LTE
- ระบบ Keyless Entry และ สั่งการทำงานระบบปรับอากาศจากด้านนอกผ่าน App
อุปกรณ์ความปลอดภัย
- ถุงลมนิรภัย 8 ตำแหน่ง
- ระบบเบรกอัตโนมัติ Automatic Emergency Braking and Collision Avoidance
- ระบบช่วยการทรงตัวและป้องกันล้อหมุนฟรี Electronic Stability Control and Traction Control
ราคาจำหน่ายของ Tesla Model 3 ก่อนหักส่วนลดตามนโยบายของภาครัฐในแต่ละประเทศ แบ่งออกเป็น 2 รุ่นย่อยด้วยกันคือ
- รุ่น Standard ราคา 35,000 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 1,168,000 บาท)
- รุ่น Long Range ราคา 44,000 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 1,468,000 บาท)
สำหรับการรับประกันของ Tesla Model 3 แบ่งเป็นดังนี้
- รับประกันตัวรถยนต์ไฟฟ้าทุกคัน 4 ปีหรือ 50,000 ไมล์ (ราว 80,000 กิโลเมตร)
- รุ่น Standard รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปีหรือ 100,000 ไมล์ (ราว 160,000 กิโลเมตร)
- รุ่น Long Range รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปีหรือ 120,000 ไมล์ (ราว 193,000 กิโลเมตร)
สำหรับผู้ที่ไม่พึงพอใจอุปกรณ์มาตรฐานใน Tesla Model 3 สามารถติดตั้ง Premium Upgrades package ได้ในราคา 5,000 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 166,000 บาท) ซึ่งเมื่อดูรายละเอียดของที่ให้มานั้นถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ไฟตัดหมอก LED
- เบาะหนังพร้อมระบบอุ่นเบาะทุกตำแหน่ง และแผงแดชบอร์ดตกแต่งลายไม้
- คอลโซลกลางพร้อมฝาปิด และช่องชาร์จโทรศัพท์มือถือ 2 ช่อง
- เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 12 ตำแหน่ง พร้อมระบบจดจำตำแหน่งพวงมาลัยและกระจกมองข้าง
- เครื่องเสียง Premium ที่กำลังขับมากขึ้นพร้อมลำโพงรอบทิศทาง, tweeter, subwoofer และช่อง USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 2 ช่อง
- กระจกมองข้างพับไฟฟ้า พร้อมระบบตัดแสงและไล่ผ้า
- หลังคาแก้วพร้อมกระจกกรองแสง ตัด UV และ Infrared
Tesla Model 3 เริ่มผลิตอย่างเป็นทางการแล้ว และได้ส่งมอบ 30 คันแรกให้กับลูกค้าผู้โชคดีไป เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สำหรับผู้ที่จองวันนี้คาดว่ากว่าจะได้รับรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ คงต้องรอจนถึงกลางปี 2018 หรือสิ้นปีเลย เพราะมียอดจองสะสมมากกว่า 400,000 คันแล้ว สำหรับจำนวนการผลิตในเดือนสิงหาคมจะอยู่ที่ 100 คัน ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 1,500 คันในเดือนกันยายน และ เพิ่มไปเรื่อยๆ จนถึง 20,000 คันต่อเดือนภายในสิ้นปี โดยมีแผนการผลิตดังนี้
ปี 2017
- เริ่มต้นผลิตรุ่น Long Range ในประเทศสหรัฐฯ
- เริ่มต้นส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าให้ลูกค้า ในช่วงปลายเดือนตุลาคม
- เริ่มต้นผลิตรุ่น Standard ในเดือนพฤศจิกายน
ปี 2018
- เริ่มต้นผลิตรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อในฤดูใบไม้ผลิ (ช่วงเดือนมีนาคม – เดือนมิถุนายน)
- เริ่มส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าพวงมาลัยซ้ายในช่วงครึ่งปีหลัง
ปี 2019
- เริ่มต้นผลิตรุ่นพวงมาลัยขวา
ที่มา: tesla.com, autoexpress, MotorTrends